"อภันตรี" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากโรงแรมชายทะเล
คุณสายสมรเพื่อนรักวัยเดียวกับดิฉัน เกิดไอเดียกระฉูดเหมือนยังเป็นสาวๆ เมื่อ 30-40 ปี คือเธอบอกว่าในเดือนกรกฎาคม ที่วงการท่องเที่ยวเขาเรียก "โลว์ซีซั่น" คนไม่นิยมไปไหนกัน ราคาตั๋วก็ย่อมถูกเป็นธรรมดา เราควรใช้โอกาสนี้อย่างรอบคอบ โดยไม่ต้องรอบจัดก็ได้..ไปเที่ยวกันดีกว่า!
เมื่อถามว่าจะไปเที่ยวไหนกันดี นอกหรือในประเทศไทย คุณสายสมรผู้เคยเอวบางร่างน้อยในอดีต (อันไกลโพ้น) ก็แจ้วๆ มาทางโทรศัพท์ว่า ขอไปเที่ยวในเมืองไทยใกล้ๆ แค่ 2-3 วันก็พอแล้ว สาเหตุสำคัญคือห่วงหลานสาววัย 4-5 ขวบ กำลังช่างพูดเป็นต่อยหอย..ความจริงน่ะ "ติดหลาน" ค่ะ แต่ชอบบอกใครๆ ว่า "หลานติด" เฉยเลย
ระยอง คือจุดหมายปลายทาง!
พูดถึงระยองก็คิดถึงสมัยยังซุกซน เข้าก๊วนเพื่อนๆ ก็กิ๊วก๊าวกันเหมือนนกกระจอกเข้ารัง ทั้งเล่นทั้งคุย (แย่งกัน) จนถึงท้าทายกันว่าใครจะพูดได้เร็วที่สุด คำว่า "ระนอง, ระยอง, ยะลา" แย่งกันพ่น แย่งกันแพ้ เพราะลิ้นมันแย่งกันพันจนพูดไม่เป็นภาษาทุกคนเลยแหละค่ะ
คุณสายสมรเธอชวนเที่ยวหัวเมืองตะวันออก ดิฉันไม่ได้โผล่ไปตั้งสิบกว่าปีมาแล้ว ได้ฟังเธอจาระไนแล้วเห็นภาพทันที
"สวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพฯ เป็นสวนสมุนไพรแห่งแรกของเมืองไทยที่สวยที่สุด และสมบูรณ์แบบที่สุด ใช้เวลาสร้างกว่า 20 ปี ภายใต้แนวคิด สวนแห่งการเรียนรู้อย่างรื่นรมย์..พลาดไม่ได้เด็ดขาด"
นอกจากนั้นยังมีวัดป่าประดู่ ไปดูของดี "พระนอนตะแคงซ้าย" องค์ใหญ่ที่สุดเคยเห็นไหมเล่า? ตกค่ำก็นอนโฮเต็ลชั้นหนึ่งชายทะเล แถมมีหาดส่วนตัวแสนสวยอีกต่างหาก บรรยากาศโรแมนติกที่สุด หนุ่มสาวชอบไปฮันนีมูนกันมากเลย
ฟังแล้วน่าสนุกจนตกลงใจไปเที่ยวด้วยทันที..
เรื่องราวมากลับตาลปัตรตรงที่ไปถึงจุดนัดพบในเกษตรตอน 06.00 น. นอกจากจะไม่พบคุณสมสวาทแล้วยังได้รับโทรศัพท์จากเธอว่า หกล้มในห้องน้ำ ข้อเท้าแพลง ปวดมากขึ้นจนลูกชายต้องขับรถไปส่งโรงพยาบาล อาการไม่หนักหนาหรอก นอนพักราว 3-4 วันก็ลุกเดินได้แล้ว
"ขอโทษจริงๆ จ้ะ วานเธอช่วยเที่ยวเผื่อด้วยนะ..คืนนี้นอนคนเดียวไม่ต้องกลัวฉันจะถอดจิตไปนอนเป็นเพื่อนด้วย ฮิๆๆ อูย.."
คุณสมสวาทไม่วายมีอารมณ์ขัน แม้จะร่องแร่งอยู่โรงพยาบาล ดิฉันตัดสินใจว่า..ตกกระไดพลอยกระโดดแล้วกัน นอนคนเดียวก็ไม่แปลกอะไร..จะโดนผีหลอกก็ให้รู้ไป!
..นั่งรถทัวร์ 2 ชั้นปรับอากาศ ดูวิวสวยๆ แปลกตาดีจนถึงสวนสมุนไพรสมเด็จพระเทพฯ ในเนื้อที่ 60 ไร่ ตกแต่งได้สวยงามเหลือเชื่อ มีพันธุ์ไม้กว่า 260 ชนิด กว่า 20,000 ต้น นั่งรถ NGV ชมสวนได้สบายๆ ด้วยล่ะค่ะ
ราว 15.00 น. ถึงโรงแรม..บีชแอนด์สปา ได้พักผ่อนร่างกายคนแก่ที่ต้องตื่นมาแต่ก่อนไก่โห่ซะที!
พอก้าวเข้าห้องก็เย็นวูบ! ตอนแรกนึกว่าเย็นเพราะแอร์ แต่ไม่น่าใช่นะเนื่องจากเราต้องเสียบกุญแจเข้าช่องเพื่อเปิดไฟเสียก่อน..แต่ช่างเถอะ อาจเป็นเพราะอากาศในฤดูฝนก็ได้ หมู่นี้ฝนตกหนักบ่อยๆ ไม่ว่าในกรุงเทพฯ หรือต่างจังหวัด
โห..ห้องเขาสวยมากจริงๆ ค่ะ เตียงกว้างขวางน่าเกลือกกลิ้ง มีทั้งชุดโซฟา โต๊ะทำงาน โต๊ะอาหาร..ต่อให้มาอยู่กันซัก 5-6 คนก็มีที่นอน ไม่ต้องลงพื้นห้อง
อาบน้ำเสร็จก็ตั้งใจจะงีบเอาแรง แต่กลับไม่หลับ จะเปิดทีวีดูก็อย่าเลย..เรามาพักผ่อนนี่นา ขอทิ้งความยุ่งเหยิงวุ่นวายของบ้านเมืองไว้ก่อน..เดินไปเปิดม่านหนาๆ ออกก็เห็นทะเลสวยๆ เต็มตา ต้องเลื่อนประตูกระจกออกไปเกาะลูกกรงมองให้เต็มอิ่ม
แหม..นัดตั้ง 18.30 น. จะทำอะไรดีล่ะ ถ้าไม่นอนพักผ่อนน่ะ?
"ฮะแอ้ม!" เสียงกระแอมจากข้างหลังเล่นเอาสะดุ้งโหยง หันขวับ แต่ก็ไม่เห็นมีใครเลย..ดีนะที่ดิฉันไม่ประสาทอ่อน ไม่งั้นคงจะเผ่นจากห้องแล้วล่ะค่ะ..เสียงที่ได้ยินถนัดหูน่ะเป็นเสียงคนกระแอมชัดๆ
ปิดม่าน กลับขึ้นไปนอนริมเตียงด้านโคมไฟและโทรศัพท์ ในห้องมืดสลัว มีเพียงแสงไฟที่ลอดออกมาจากห้องน้ำที่แง้มประตูไว้..หลับตา..คิดอะไรไปร้อยแปด ฟุ้งซ่านน่าดู..
คิดถึงเรื่องผีหลอกในโรงแรมที่เคยได้ยินมานับไม่ถ้วน!
ที่เชียงใหม่น่ะมีโรงแรมเก่าๆ ที่ลือกันว่าผีดุนัก ดุขนาดออกมาวิ่งโครมๆ รอบห้องให้ดูซึ่งๆ หน้า ที่เพชรบูรณ์ก็มีข่าวว่าลิฟต์จะไปหยุดที่ชั้น 5 ประตูเปิดผางไปเจอห้องที่เขาเอาไม้ปิดตายไว้..คิดดูเถอะว่าผีดุขนาดไหน?
ว่าแต่ผีพวกนั้นตายในโรงแรมใช่ไหม? ตายเองเพราะหมดอายุขัย หรือฆ่าตัวตายเพราะหมดกำลังจะยืนหยัดอีกต่อไป และหรือว่าถูกใครเขาเข่นฆ่าเพราะความหึงหวง หักหลังกัน หรือต้องการทรัพย์สินของผู้ตาย?
วิญญาณจ้องจะหลอกหลอนผู้คน ไม่ยอมไปผุดไปเกิดเสียที?
ว่าแต่จะหลอกแบบไหน? ส่งกลิ่นเหม็นเน่า, ทำเสียงกุกกัก, สะอึกสะอื้นคร่ำครวญน่าขนหัวลุก หรือปรากฏกายมาให้เห็นดื้อๆ ในสภาพคนปกติ หรือเละเทะน่าสยดสยองสุดขีด..อย่างไรกันแน่?
ถ้าเรานอนอยู่ดีๆ แล้วมีผีเดินโย่งเย่งออกมาจากห้องน้ำ เรามองดูนิ่งๆ ผีจะทำยังไงต่อไปนะ? ถ้าเราเปิดไฟเพื่อมองให้ชัดๆ ผีจะตกใจ หรืออับอายไหม? จะหนีหรือว่ายังอยู่?
ดิฉันถอนใจยาว..ดูนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่า สรรพสิ่งเงียบสงัดจนน่าใจหาย แต่ไม่มีอะไรนอกเหนือกว่านั้น..ลุกขึ้นเปิดไฟแต่งตัวตั้งแต่ตอนห้าโมงเย็น..ห้องนี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้รู้สึกหดหู่ หมองหม่น จนกระทั่งนึกถึงความตายมากที่สุด..
ถ้าดิฉันตายในห้องนี้จริงๆ ไม่ว่าหัวใจวายหรือฆ่าตัวตาย ดิฉันตั้งใจจะไม่หลอกหลอนใครเด็ดขาดเลยค่ะ..สาบาน!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 36 - ฉบับวันที่ 9 สิงหาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น