"หนูหลิน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหัวหิน
คนส่วนมากมักจะเชื่อลางสังหรณ์ แม้ว่าจะไม่มากเหมือนคนโบราณที่เชื่อถือโชคลางมากมาย ไม่ว่าเสียงจิ้งจกตุ๊กแก นกกา หมาแมว ฯลฯ ล้วนแต่ตีความเป็นลางดี - ลางร้ายไปทั้งหมด ยิ่งความฝันยิ่งเชื่อถือกันมาก ขนาดต้องแก้ฝันกันแทบทุกวันก็ว่าได้ค่ะ
สมัยนี้ไม่ค่อยเชื่อกันแล้วนะคะ พูดตรงกันว่า กินมากก็ฝันมาก หรือคิดถึงอะไรบ่อยๆ จนถึงกับหมกมุ่น ก็อาจจะเก็บเอามาฝันเป็นตุเป็นตะได้
ดิฉันได้พบกับฝันร้ายสุดๆ ของแม่มาแล้วค่ะ!
เรื่องของเรื่องก็คือ ดิฉับกับเพื่อนๆ ในโรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี นัดหมายกันไปเที่ยวทะเลที่ปราณบุรีในวันหยุดยาว พวกเราล้วนแต่เป็นสาวโสดกันทุกคน มีตั้งแต่อายุ 20 กว่าไปจนถึง 40 เศษ ที่โดนเพื่อนล้อไม่ยอมลงจากคานเสียที
พี่ระเบียบอาวุโสที่สุด อายุ 43 ย่าง 44 ปากคอจัดจ้านไม่กลัวใคร เคยโต้ตอบอย่างเผ็ดร้อนว่า...ถึงจะอยู่บนคานก็ไม่หนักกบาลหัวใคร!
พวกเราขำกลิ้งไปตามๆ กัน แต่นึกกังวลเหมือนกันนะคะว่าจะต้อง "ขึ้นคาน" อย่างพี่ระเบียบ ชอบพูดเล่นว่า "เนื้อคู่ยังไม่เกิด" แต่เวลาไปดูหมอชอบถามคล้ายๆ กันว่าพบเนื้อคู่แล้วหรือยัง?
พวกเรานัดแนะกันไปเที่ยวทั้งหมด 9 คน โดยขึ้นรถตู้ที่หน้าโรงงานตอนเช้า กะว่าไปกินอาหารกลางวันที่หัวหิน ไม่ต้องรีบร้อน จะได้ดูวิว ดูผู้คนที่เขาไปเที่ยววันหยุดกันด้วย
ไปเที่ยวทั้งทีต้องแย่งกันเที่ยว แย่งกันกิน แย่งกันหาที่นอนถึงจะสนุกค่ะ!
ดิฉันเองฤกษ์ไม่ค่อยดีที่แม่มาห้ามเดินทางเอาตอนเช้า กำลังจะแต่งตัวออกจากบ้านนี่เอง ทั้งที่ขออนุญาตเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
"แม่ฝันร้ายเหลือเกิน อย่าไปเลยลูกเอ๋ย..." แม่เข้ามากอดดิฉันไว้ นัยน์ตาแดงช้ำฉายแววห่วงใยสุดขีด...ตั้งแต่พ่อตายไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 4-5 ปีก่อน เราก็อยู่กันสองคนแม่ลูกเท่านั้นเอง มีป้านวลที่เป็นญาติห่างๆ มาช่วยทำงานและดูแลบ้าน
"แม่ฝันว่าพ่อมาหา บอกว่าเป็นห่วงลูก! ให้แม่คอยดูแลลูกให้ดีๆ ตอนนี้กำลังเคราะห์ร้าย...บอกตรงๆ ว่าแม่ไม่สบายใจเลย ตอนตื่นขึ้นมายังดูเหมือนเห็นหลังพ่อเขาเดินห่างออกไปหยกๆ"
"โธ่! แม่...หนูนัดเพื่อนๆ เขาดิบดีแล้ว จะให้เบี้ยวเขา แล้วบอกเขาว่ายังไงล่ะคะ? บอกว่าไม่ไปเพราะแม่ฝันร้ายงั้นเหรอ?"
ถึงแม้น้ำตาจะร่วงพรู แต่แม่ก็พูดไม่ออก ได้แต่ส่ายหน้าแล้ว กอดดิฉัน
ไว้แน่น...ต้องตัดสินใจขอตัว ยืนยันว่าจะดูแลตัวเองอย่างดีที่สุด ยกมือไหว้แม่แล้วคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าเดินออกจากห้องนอน แม่เรียกชื่อพลางเดินตาม แต่ดิฉันไม่ยอมหันไปมองหรอกค่ะ กลัวว่าจะใจอ่อนจนผิดนัดเพื่อนน่ะซีคะ
น้ำตาแม่ทำให้ไม่สบายใจเลย จนกระทั่งพบกับเพื่อนๆ ที่จุดนัดพบ เสียงทักทายและยั่วเย้าเซ็งแซ่ก็ทำให้ความกังวลใจค่อยๆ คลายลง
การเดินทางราบรื่นจนถึงหัวหิน แสงแดดสดใส รถราคึกคัก ผู้คนแต่งตัวสีสันฉูดฉาด เสียงพูดคุยและหัวเราะต่อกระซิกน่าสนุก เราแวะกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ้าอร่อย ตบท้ายด้วยไอศกรีมจนอิ่มหนำสำราญ
ก่อนจะลุกออกจากร้านที่มีลูกค้าหนาแน่น ผู้คนเดินผ่านไปมาคึกคัก...ดิฉันหันไปมองหน้าร้านพอดี เย็นวาบไปทั้งตัวบัดดล...
แม่ดิฉันเองที่เดินผ่านหน้าไป!
ท่าเดินของแม่เชื่องช้า หันหน้ามามองเขม็งเหมือนหุ่นยนต์ ท่ามกลางแสงแดดสดใสตอนเที่ยงวัน...
"แม่...!!" ดิฉันร้องอย่างลืมตัว ลุกถลาออกจากร้านโดยไม่ได้ตั้งใจ...ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าแม่อยู่บ้านแท้ๆ จะตามดิฉันมาถึงหัวหินได้ยังไง? มิหนำซ้ำยังเดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวที่ไม่ได้นัดหมายมาก่อนด้วยซ้ำ
...มองซ้ายมองขวาก็ไม่เห็นแม่แม้แต่เงา เพื่อนๆ ลุกตามออกมาถามว่าเรียกใคร? มีแม่อยู่ที่นี่ด้วยหรือ? พี่ระเบียบสงสัยว่าใครมาหาเรื่องหรือเปล่า?
"เมื่อกี้ก้อยมองเห็นแม่เดินผ่านหน้าร้านค่ะ" ดิฉันตอบเสียงสั่นๆ ใจหนึ่งก็นึกว่าตัวเองตาฝาดไป แต่อีกใจหนึ่งก็คิดถึงและเป็นห่วงแม่...หรือจะมีใครที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายแม่! ว่าแต่คนคนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะ?
ร้านข้างๆ ขายเสื้อผ้า ของที่ระลึก มีร้านขนมกับแผงหนังสือพิมพ์ด้วย ดิฉันเดินตามไปดูจนแน่ใจว่าไม่เห็นผู้หญิงนั้น...ราวกับเธอหายไปในอากาศธาตุดื้อๆ กระนั้น!
พี่ระเบียบแนะนำให้โทรศัพท์ไปหาแม่ ดิฉันเพิ่งนึกขึ้นได้... ปรากฏว่าแม่รีบรับโทรศัพท์ทันที ถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า? ดิฉันถอนใจอย่างโล่งอก...แกล้งบอกว่าถึงหัวหินแล้วเลยโทร.มา บอกให้แม่หายห่วง กำลังจะขึ้นรถไปปราณบุรีแล้วล่ะค่ะ
...แต่ก่อนจะถึงปราณบุรีก็เกิดอุบัติเหตุ รถยางแตกเสียหลักพุ่งออกจากถนนเสียงร้องวี้ดว้ายดังแสบแก้วหู ตามด้วยเสียงหวีดร้อง ขณะที่พวกเราเหมือนจะกระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง
"แม่!!" ดิฉันได้ยินเสียงตัวเองร้องลั่น ก่อนสติจะดับวูบลง!
รถตู้ไปเสยต้นไม้ริมทางจนหยุดนิ่ง เสียงโอดโอยดังระงม...คนขับฟุบอยู่กับพวงมาลัย พวกเพื่อนๆ ล้วนแต่แขนขาหัก หัวแตกเลือดไหลอาบหน้า บ้างก็ถลอกปอกเปิก พี่ระเบียบไหล่หลุด...เสียงร้องไห้คร่ำครวญด้วยความเจ็บปวดดังบาดลึกลงไปถึงหัวใจ
ดิฉันฟื้นสติขึ้นมา...บอบช้ำพอสมควรแต่ก็ปลอดภัยดี ไม่ทราบว่าเป็นความรักของแม่หรือเปล่าที่ช่วยคุ้มครอง? แต่ประสบการณ์ครั้งนั้นนึกถึงแล้วขนหัวลุกจริงๆ ค่ะ!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 36 - ฉบับวันที่ 16 สิงหาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น