31 สิงหาคม 2558

ปีศาจบนสะพาน

"นายกลึง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกบนสะพานพระรามหก

ผมเคยได้ยินพวกผู้ใหญ่เล่าเรื่องผีๆ สางๆ มาก็เยอะ มีทั้งน่ากลัวน้อยและน่ากลัวมาก จนถึงไม่น่ากลัวเลยก็มี ส่วนเรื่องที่ว่าน่ากลัว หรือค่อนข้างจะน่าสยองเอาการน่ะ ตอนโดนผีหลอกซึ่งๆ หน้ามักมีอาการคล้ายๆ กันทั้งนั้นแหละ

เท่าที่ผมจำได้น่ะมีอยู่ 2 อย่าง คือวิ่งหนีไม่คิดชีวิต เรียกกันว่าวิ่งแหกป่ากันละครับ แล้วก็ไปหอบแฮกๆ อยู่หน้าบ้าน ใครขวัญอ่อนมากๆ ก็ต้องจับไข้ไป 3 วัน 7 วัน ถ้าอาการหนักกว่านั้นคือจับไข้หัวโกร๋นไปเลย

อีกอย่างที่ได้ฟังบ่อยคือซี้หลบ...เอ๊ย! สลบคาที่! ตอนนั้นยังไม่เคยเจอกับตัวเองซักครั้ง จำเป็นต้องเชื่อๆ เอาไว้ก่อนละครับ ไม่รู้ว่าของจริงเป็นไงนี่นา

แหม! มารู้เอาเต็มเปาก็ต่อเมื่อมาประสบกับตัวเองเข้าเต็มตา แถมยังมีเพื่อนซี้อีกสองคนที่เกิดมาดวงซวย โดนผีหลอกเข้าจั๋งหนับพร้อมๆ กัน โอ้โฮ! ดูไม่จืดจริงๆ เอ้า งานนี้น่ะ...สาบาน!

สมัยเด็กๆ จนถึงวัยรุ่นผมอยู่แถวบางกรวย นนทบุรีนี่เองครับ เพื่อนซี้อยู่บ้านใกล้กันคือเจ้าเป๋กับเจ้าเติ้ล (แหม! ชื่อล้ำสมัยซะด้วย) เจ้าสองตัว...เอ๊ย! สองคนนี่รักใคร่กับผมเหมือนพี่น้องคลานตามกันมาก็ว่าได้ จะไปไหนเป็นไปกันซีน่า รับรองว่าไม่มีอิดออด สะบัดสะบิ้งอย่างเพื่อนฝูงอีกหลายคน

เพราะงี้เราถึงรักกันเข้าไส้ไง!

เจ้าเป๋หุ่นผอมเหมือนไม้เสียบผีไม่ได้ขาเป๋นะครับ แต่ท่าเดินมันยียวนกวนบาทามาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว ใครๆ ถึงเรียกไอ้เป๋กันทั้งบาง ส่วนเจ้าเติ้ลตอนแรกพ่อมันตั้งชื่อเบิ้ล แต่อยู่ๆ ไปแม่มันบอกว่าฟังแล้วเป็นอัปมงคลชอบกล! ไม่รู้คิดได้ไงเนี่ย? เลยเปลี่ยนเป็นเติ้ล...

เอาน่า! เติ้ลก็เติ้ล...แปลว่าอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน

ตัวมันอ้วนๆ เตี้ยๆ แต่ใจเกินร้อย รักเพื่อนฝูงชนิด "ของจริง" ครับรายนี้...เพื่อไม่ให้เสียเวลาผมขอเข้าเรื่องที่เราโดนผีหลอกซะเลย!

คืนเกิดเหตุ เราสามคนข้ามสะพานพระรามหกไปหาเพื่อนแถววัดสร้อยทอง มีสุราเป็นเครื่องเชื่อมสัมพันธ์ พูดคุยกันร้อยแปดเรื่องเที่ยวเรื่องสาว เรื่องผีเรื่องพระ บ้าๆ บอๆ ประสาคนกินเหล้า แต่ยังไม่ถึงกับเพี้ยน

เคยรู้ว่าพระย่านนี้อาคมขลัง เวทมนตร์ฉมังนัก ญาติโยมแห่กันไปรดน้ำมนต์คึ่กๆ ไปถวายสังฆทานแน่นกุฏิ ต่อมาคนศรัทธามากจนต้องทำสังฆทานหมู่กันเลย ก่อนจะแยกย้ายกันไปปล่อยนกปล่อยปลา ปล่อยเต่าปล่อยหอยขมให้หายทุกข์โศกตามระเบียบ

เพื่อนชื่อตึ๋งเล่าว่ายุคใหม่ไฮเทค หลวงพ่อท่านใช้เครื่องฉีดน้ำมาพ่นน้ำมนต์แล้วครับ ไม่งั้นสะเดาเคราะห์ให้ญาติโยมไม่ทั่วถึงจริงๆ เอ้า!

พวกเราติดลมจนสองยามกว่า แท็กซี่หายาก แถมพอรู้ว่าจะข้ามไปบางกรวยก็ไม่ยอมรับ อาจจะเห็นเราเป็นวัยรุ่น ค่อนข้างเมาก็ไม่รู้...ไอ้เติ้ลร้องด่าแล้วบอกว่า เราเดินข้ามแม่น้ำกลับเองก็ได้วะ ได้รับลมเย็นๆ แถมไม่ต้องเสียเงินอีกด้วย

เป็นว่าตกลงตามนั้น!

ตะกายขึ้นบันไดแถวหน้าหมู่บ้าน...ย่ำขึ้นไปบนทางเดินขนานรางรถไฟใต้แสงไฟเยือกเย็น พอถึงสะพานก็มีสายลมกรูเกรียวมาทักทาย...มีทางเดินด้านข้างให้เราชมดาวฟังเสียงคลื่นเสียงลมเพลิดเพลิน

มองไปที่แม่น้ำก็ดูสงบนิ่ง แทบจะไม่มีเรือแพแล่นไปมา ตึกรามบ้านช่องสองฟากฝั่งยังมีแสงไฟประดับเด่นชัดในราตรี...นานๆ ก็มีรถยนต์แล่นผ่านไปมาซักที

ลมจากแม่น้ำยามดึกทำให้พิษเหล้าจางลงอย่างรวดเร็ว...ผมหันไปมองปล่องใหญ่จากโรงไฟฟ้ายันฮีที่เหยียดทะมึนเป็นสง่า...เกือบพร้อมๆ กับเสียงเจ้าเติ้ลดังห้วนๆ ว่าใครวะ? พอหันมองข้างหน้าก็เห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินช้าๆ คล้ายจะโซเซหรือลากขาอย่างเหน็ดเหนื่อย...

"คนเมาหรือเปล่าวะ?" เจ้าเป๋พูดเปรยๆ "หรือคิดสั้นจะโดดน้ำตายก็ไม่รู้ว่ะ"

ตอนนั้นเราไปถึงเกือบกลางสะพานเห็นจะได้...เรารีบเดินเข้าไปหา

ทันใดนั้น เสียงรถยนต์คันหนึ่งก็คำรามกระหึ่มขึ้นทางเบื้องหลัง เสียงมันดังก้องจนเราหันขวับไปดูพร้อมกัน...แสงไฟหน้ารถพุ่งจ้าเป็นลำยาว เหมือนสายตาของสัตว์ร้ายที่กำลังออกล่าเหยื่อ...แล่นลิ่วผ่านหน้าพวกเราไปเหมือนลมพัด

นรกเป็นพยาน! ผู้ชายที่เดินอิดโรยอยู่ข้างหน้าหันขวับ...ก่อนที่จะคาดคิดเขาก็พุ่งตัวเข้าไปหาเหมือนภาพในคืนฝันร้าย น่าสยดสยองพองขนจนเราร้องเฮ้ย! ขึ้นพร้อมๆ กัน

ท่ามกลางสายตาอันพร่าเลือน ผมเห็นร่างนั้นถูกชนโครมสนั่น ร่างกระเด็นกลับมาทางเดิม แล้วรถมรณะคันนั้นก็แล่นตะบึงหายไปในพริบตา...ขณะที่พวกเราหันไปมองร่างท่วมเลือดนอนแน่นิ่งอยู่ในแสงไฟ ก่อนจะวิ่งพรวดพราดเข้าไปหาด้วยความตกใจจนลืมตัว

สวรรค์ทรงโปรดด้วยเถิด! ใบหน้าอาบเลือดหันมามองเราเชื่องช้า...ไอ้เติ้ลกับไอ้เป๋ร้องด่าเสียงระรัว ขณะที่ภาพน่าสยองค่อยๆ เลือนหายไปต่อหน้าต่อตาของพวกเรา!

โลกทั้งโลกกำลังแตกกระจายเปรี้ยงปร้าง ไอ้เป๋โจนพรึ่บออกหน้า ไอ้เติ้ลทรุดฮวบลงนั่งแผละ ผมยืนขาสั่นพั่บๆ อยากจะวิ่งใจจะขาด แต่ก้าวขาไม่ออก...ได้แต่มองดูไอ้เป๋ค่อยๆ ลากขากลับมา บอกว่ากูวิ่งไม่ไหว ข้างไอ้เติ้ลตัวอ้วนๆ ไม่พูดอะไรเอาแต่นั่งพิงราวสะพานน้ำตาไหลพรากผมยังรู้สึกท่อนขาหนักอึ้งตามเดิม

กว่าจะเรียกขวัญที่กระเจิดกระเจิงมาได้ ค่อยๆ ซมซานข้ามสะพานกลับถึงบ้านได้ก็เกือบค่อนรุ่ง...ใครโดนผีหลอกแล้วมีอาการเหมือนผมมั่งมั้ยครับ?

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 36 - ฉบับวันที่  31 สิงหาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น