02 สิงหาคม 2558

วิญญาณบริสุทธิ์

"สกุณา" เล่าถึงเรื่องประหลาดในเนิร์สเซอรี่ที่เธอทำงานอยู่

ดิฉันจบปริญญาตรีมาได้ปีกว่าๆ แล้วละค่ะ ไปสมัครงานมาหลายที่และเขาก็รับเข้าทำงานด้วย ทั้งธนาคารและบริษัทเอกชน แต่ทว่าแต่ละที่ก็ช่างมีเรื่องให้ดิฉันอึดอัดรำคาญจนต้องถอดใจโบกมืออำลาเสียทุกที จนคุณแม่ดุว่าดิฉันไม่มีน้ำอดน้ำทน งอแงเพราะถูกตามใจซะเคยตัวเลยเข้ากับคนอื่นไม่ได้

แหม! ดิฉันก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เพื่อนฝูงดิฉันก็มีตั้งเยอะกับครูบาอาจารย์และญาติๆ ดิฉันก็ไม่มีปัญหาสักนิด แต่นี่ก็กำลังสงสัยตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงได้โชคร้าย เข้าทำงานที่ไหนก็เจอแต่คนไม่ดี แล้งน้ำใจกดขี่ บ้าอำนาจ ปากร้าย ขืนดิฉันทนอยู่ต่อไปต้องมีเรื่องแน่ๆ ถึงกระนั้นดิฉันก็ไม่อยากอยู่กับบ้านเฉยๆ อยากทำงานหาเงินและพิสูจน์ตัวเอง เลยมานั่งตรองดูว่าตัวเราต้องการอะไรกันแน่

ขณะที่กำลังสับสน เพื่อนรักก็โทร.มาชวนให้ไปทำงานที่เนิร์สเซอรี่แห่งหนึ่งในย่านสุทธิสาร คุณอาของเพื่อนซึ่งเป็นเจ้าของกำลังต้องการคนมาช่วยดูแลเรื่องบัญชีรายรับรายจ่าย

งานนี้ดิฉันปิ๊งทันทีเลยค่ะ ไม่ใช่เรื่องการเงินนะคะ แต่เป็นเพราะเด็กๆต่างหาก เออ! จริงซินะ ...ดิฉันชอบเด็กๆ เพราะพวกแกบริสุทธิ์ไร้เดียงสาดีกว่าพวกผู้ใหญ่นิสัยเสียทั้งหลายที่เจอมา อีกอย่างหนึ่งดิฉันนึกอยากเป็นครูอนุบาลและกำลังวางแผนจะเรียนต่อเพื่อให้ได้วุฒิครูอยู่พอดี

เอาละ...เป็นอันว่าดิฉันตกลงรับงานนี้ อย่างน้อยก็จะได้ประสบการณ์และที่ทำงานก็อยู่ใกล้บ้านด้วย

อาหน่อยที่เป็นเจ้าของเนิร์สเซอรี่ใจดีมากและเธอก็ดีใจที่ดิฉันบอกว่า นอกจากงานเกี่ยวกับการเงินแล้ว ดิฉันจะช่วยดูแลเด็กๆ ให้อย่างดี

เนิร์สเซอรี่แห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของตึกแถวสามชั้น โดยชั้นล่างเป็นสำนักงาน ชั้นสองเลี้ยงเด็กและชั้นสามเป็นที่พักของพวกพี่เลี้ยง มีดาดฟ้าให้ตากผ้าห่ม ผ้าอ้อมและเครื่องนอนของเด็ก

วันแรกที่เข้าทำงาน ทุกคนต้อนรับดิฉันเป็นอย่างดี ดิฉันขึ้นไปดูที่ชั้นสอง เห็นมีเด็กเล็กๆ ตั้ง 12 คนแน่ะ ทั้งที่ยังแบเบาะ คลานต้วมเตี้ยมและเดินเตาะแตะ แสดงว่าที่นี่กิจการดีน่าดู พี่เลี้ยงสามคนกำลังวุ่นเชียว ดิฉันถือโอกาสเข้าไปช่วย

งานแบบนี้ต้องอาศัยใจรักจริงๆ นะคะ ดิฉันไม่นึกรังเกียจเลยทั้งการเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือกลิ่นแหวะนมของพวกแก พี่เลี้ยงทั้งสามดูจะชอบอกชอบใจที่ดิฉันเต็มใจช่วยงานพวกเขา ไม่นั่งเป็นคุณนายสวยเริ่ดเชิดหยิ่งอยู่แต่ในออฟฟิศ

"เหนื่อยเหมือนกันนะคะ เด็กตั้งสิบสองคน" ดิฉันผูกมิตร พี่เลี้ยงมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

"เรามีเด็กสิบเอ็ดคนเองค่ะ" คนหนึ่งตอบ ดิฉันเลยตั้งตนนับใหม่อยู่ในใจเงียบๆ เอ...นับยังไงก็ได้สิบสองคนแน่ๆ แปลกจัง!

อย่างไรก็ตาม ดิฉันทำงานที่นั่นอย่างสบายใจอยู่หลายวันทีเดียว

วันหนึ่งตอนบ่ายโมง ขณะกำลังตรวจบัญชี ฉับพลันก็มีเสียงเด็กทารกแผดเสียงร้องไห้อย่างทรมาน แกร้องงอหายเลยละค่ะ น่าสงสารมาก

ดิฉันทิ้งงานตรงหน้า แล้วเดินลิ่วขึ้นบันไดไปโดยหวังว่าจะช่วยเขาปลอบเด็ก

แต่อะไรกันนั่น! ทันทีที่ดิฉันโผล่หน้าเข้าไปในห้อง เสียงร้องของทารกก็เงียบกริบ ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็คือเด็กกำลังนอนหลับสบายในห้องแอร์ ที่ปิดม่านหน้าต่างจนมืดสลัว พี่เลี้ยงทั้งสามดูจะหลับสนิทกว่าเด็กๆ ด้วยซ้ำ

ดิฉันเดินงงลงบันไดมา ทันใดนั้นก็มีเงาเล็กๆ เคลื่อนที่ผ่านหางตาไปอย่างรวดเร็ว และมีเสียงหัวเราะใสๆ ของทารก!

ความตกใจทำให้ดิฉันยืนเกาะราวบันไดนิ่งอยู่นาน

วันรุ่งขึ้น เสียงร้องไห้ เงาเด็กที่วิ่งวูบวาบ และเสียงหัวเราะก็ยังมีมาอีก ดิฉันเลยถามอาหน่อย

"อย่าพูดไปนะอาขอร้อง" อาหน่อยดูกลัดกลุ้ม "อาไม่อยากให้พวกพี่เลี้ยงรู้เรื่องนี้ ทั้งตัวหนูกับอีกสามคนนั่นน่ะ อารับเข้ามาใหม่ทั้งนั้น คนเก่าเขาลาออกไปหมด"

เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อสามเดือนก่อนมีทารกวัยสองเดือน แม่อุ้มมาฝากไว้ แล้วก็หายไปเลย เด็กชื่อน้องวุ้น อ่อนแอมาก วันหนึ่งแกหลับไปเฉยๆ แล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย อาหน่อยวุ่นวายแทบแย่เพราะต้องจัดการเรื่องนี้ทั้งหมด แม้ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี แต่นับจากนั้นที่นี่ก็มีแต่เรื่องแปลกๆ

สามเดือนผ่านไป เราเปลี่ยนพี่เลี้ยงใหม่ทั้งชุดอีกแล้วค่ะ ส่วนดิฉันยังอยู่ ถึงจะหวาดแต่ก็คิดว่าผีเด็ก คงไม่น่ากลัวมากไปกว่านี้หรอกนะคะ

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 36 - ฉบับวันที่ 2 สิงหาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น