"ปุยฝ้าย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากตลาดวิเศษชัยชาญ
บ้านเดิมดิฉันอยู่อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง แต่พ่อแม่อพยพมาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่ดิฉันยังเล็กมาก จนจำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ นานๆ ถึงจะพากลับไปเยี่ยมบ้านเกิดสักครั้งหนึ่ง...เมื่อประมาณ 5-6 ปีก่อน มีญาติผู้ใหญ่ข้างแม่เสียชีวิตเพราะความชรา แม่ก็พาดิฉันไปงานศพ ต้องค้างก่อนวันเผา 1 คืน
และที่นั่นเอง ดิฉันได้ประสบกับเรื่องน่าขนหัวลุกอย่างจังๆ เลยค่ะ!
เราไปกันสองคนแม่ลูก คิดว่าจะอยู่จนเผาศพเสร็จก็นั่งรถทัวร์กลับ เพราะระยะทางใกล้ๆ แค่นี้เอง เราไปอาศัยพักกับบ้านป้าเฮียงในตลาด ความจริงไม่ใช่บ้านหรอกค่ะ แต่เป็นห้องแถวไม้เก่าๆ ทำการค้าขายกันทุกห้อง นานๆ ไปเห็นทีก็ทำให้ตื่นตาตื่นใจไม่น้อยเหมือนกัน
หน้าตลาดมีร้านขายทองฝีมือโบราณ นักท่องเที่ยวจอดรถแวะชมกันหนาตา พอเดินเข้าไปหน่อยก็มีร้านขนมไทย ชื่อเสียงโด่งดังมาก พวกกรุงเทพฯ มามุงดู "ขนมถังแตก" แน่นเชียวค่ะ นอกจากนั้นก็มีอาหารสด อย่างปลาทู ผักและผลไม้ รวมทั้งขนมต่างๆ ที่หากินยากในกรุงเทพฯ เช่น ขนมกล้วย ขนมตาล เป็นต้น
ที่แผงตรงข้ามกับร้านค้าน่าสนใจมาก เพราะเขาขายถังใส่ข้าวด้วยค่ะ!
ไม่ใช่ถังหรือปี๊บใหญ่ๆ นะคะ แต่เป็นถังไม้ลูกย่อมๆ คิดว่าคงใส่ข้าวสารได้ไม่เกิน 2 ลิตร ทำจากไม้สักที่ขัดไว้สวยงาม พวกสาวๆ ชาวกรุงมุงดูกันใหญ่ บางคนก็มองหาคนขาย...ปรากฏว่าเขาขายของชำอยู่ร้านตรงข้าม มีทางเดินแคบๆ จนคนแทบจะเบียดกัน พอเรียกหาก็เดินข้ามมาขายของทันที
ตอนนั้นยังใบละ 3-4 ร้อยบาทเอง สรรพคุณเหลือเชื่อจริงๆ
ไม่ใช่ถังใส่ข้าวสารหรอกค่ะ แต่กลายเป็นถังใส่เงิน! แม่ค้าบอกว่า เอาถังสวยๆ ที่มีฝาปิดเรียบร้อยนี้ไปให้พระเสกคาถา แล้วเอากลับบ้านไว้ใส่เงิน เชื่อกันว่า นอกจากเงินทองจะไม่ขาดถังแล้ว เปิดดูทีไรจะเห็นเงินเพิ่มขึ้นทุกทีอีกต่างหาก
ใครมีถังวิเศษนี้ไม่ต้องกลัวจน!
วันแรกเดินชมตลาดจนเหนื่อย ซื้อขนมมากิน 3-4 อย่าง ตกค่ำก็ไปงานสวดศพที่วัดหน้าตลาด ชาวบ้านมาฟังสวดกันเต็มศาลาน่าชื่นใจ คืนนั้นแวะกินเกี๊ยวน้ำที่หน้าตลาดแล้วกลับไปนอนร้านป้าเฮียง
ชั้นบนกั้นเป็นห้องนอนของป้ากับลุง มีลูกสาว 2 คนนอนด้วย ส่วนเราแม่ลูกกางมุ้งนอนด้านนอก ใกล้ๆ กับหัวบันได หน้าต่างเปิดทั้งด้านหน้าและหลัง มีหลอดไฟฟ้าแขวนลงมาจากเพดาน ส่องแสงเหลืองๆ ดูเยือกเย็นพิกล
คืนนั้นเอง มีแสงแปลกประหลาดจนดิฉันตื่นขึ้นมา...บรรยากาศยามดึกค่อนข้างเงียบเชียบ ได้ยินเสียงคลื่นจากแม่น้ำน้อยซัดฝั่งเบาๆ คล้ายจะปลอบให้ผู้คนง่วงงุน บางทีก็ได้ยินเสียงรถดังมาจากแถวหน้าตลาด...แต่อะไรนะที่ทำให้ดิฉันตื่นขึ้นกลางดึกน่ะ?
ทันใดนั้น มันก็ดังขึ้นอีกครั้ง!
เสียงเหมือนใครกำลังเดินวนเวียนอยู่ในห้องชั้นล่างค่ะ ทั้งๆ ที่เราปิดหน้าต่างและลั่นดาล แถมใส่กลอนเรียบร้อย ป้าเฮียงยืนยันว่าขโมยเข้าไม่ได้แน่ๆ ที่วิเศษชัยชาญก็ไม่ค่อยมีขโมยขโจรชุกชุมเหมือนอ่างทองหรอก...เอ๊ะ! ยังไง?
อย่าสงสัยเลยค่ะ คนที่นี่เขาไม่เรียกตัวเมืองว่าจังหวัด แต่เรียก "อ่างทอง" ตรงๆ เช่น "จะไปอ่างทอง" หรือ "มาจากอ่างทอง" เป็นต้น
ได้ข่าวว่าวัยรุ่น 2 อำเภอนี้ก็ไม่ค่อยกินเส้นกันนะคะ ขนาดนักเรียนชั้นม.ต้นไปแข่งกีฬาที่จังหวัดยังตีกันจนบาดเจ็บหลายราย พ่อแม่ของเด็กอ่างทองต้องวิ่งเคลียร์มากับพ่อแม่เด็กวิเศษฯ เห็นว่าจ่ายเงินทองกันเป็นหมื่นๆ เลยล่ะค่ะ
อ้าว? เกือบลืมเรื่องเสียงประหลาดยามดึกไปเลย...
นอกจากเสียงเดินวนเวียนไปมาแล้ว ยังมีเสียงพูดคุยกันเบาๆ ดังขึ้นมาด้วย เป็นภาษาแปลกๆ ฟังไม่รู้เรื่องหรอกค่ะ ครั้นแล้ว เสียงต่างๆ ก็เงียบหายไป
ขณะที่ดิฉันถอนใจยาวอย่างโล่งอก เสียงเขย่าขวัญก็พลันดังขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วย! คราวนี้เป็นเสียงบันไดลั่นเอี๊ยดๆ เหมือนใครคนหนึ่งกำลังก้าวขึ้นบันไดมาช้าๆ ทีละขั้นๆ ได้ยินชัดเจนท่ามกลางความเงียบเชียบ ...เงียบเสียจนหวิดได้ยินเสียงหัวใจเต้นอึกทึกครึกโครมของตัวเอง!
สูงขึ้นมา...สูงขึ้นมาทุกที!!
สุดจะทนนอนตัวแข็ง เหงื่อแตกพลั่กๆ เต็มหน้าผากได้อีกแล้วค่ะ...ดิฉันเขย่าแขนแม่แรงๆ แต่แล้วก็เกือบสะดุ้งสุดตัว เมื่อได้ยินเสียงสั่นเครือดังอยู่ข้างหู...เงียบๆ แม่ได้ยินแล้ว!
เสียงอุบาทว์กลางดึกดังขึ้นมาถึงหัวบันได ดิฉันอยากจะหลับตาปี๋ แต่กลับจ้องมองอย่างลืมตัว...ในท่ามกลางความสลัวที่มีเพียงแสงไฟจากภายนอก นอกจากความว่างเปล่าก็ไม่เห็นมีอะไรเลยสักอย่างเดียว
กำลังจะระบายลมหายใจยาวเหยียด ทั้งโล่งอกและผ่อนคลาย...ก็ต้องชะงัก ตัวแข็งทื่อเหมือนกลายเป็นรูปปั้นตามเดิม เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยดังพึมพำมาจากมุมห้องด้านตรงข้าม
นรกเป็นพยาน! ร่างของใครกลุ่มหนึ่งราว 4-5 คน กำลังนั่งยองๆ ล้อมวงกันเห็นได้ชัดเจน แม้ว่าจะเป็นร่างที่ดูเลือนรางก็ตาม...คนจีนวัยชรากำลังคุยกันล้งเล้ง แล้วหันมามองเรา...แหงนหน้าขึ้นหัวเราะครืน...
เสียงหวีดร้องของดิฉันดังแสบแก้วหู ลุกพรวดพราดขึ้นนั่งไม่รู้ตัว ป้าเฮียงเปิดไฟผลักประตูออกมา...แม่พูดไม่ออก ทำท่าว่าจะช็อกตายคาที่ เป็นอันว่าดิฉันไม่ได้ตาฝาดไปเอง แม้ว่าภาพอุบาทว์เหล่านั้นจะหายไปหมดแล้วก็ตาม
ไม่ทราบว่ามีวิญญาณใครสิงสู่อยู่ที่นั่น แต่ที่แน่ๆ คือ ดิฉันกับแม่ไม่ได้กลับไปวิเศษชัยชาญอีกเลยค่ะ ตั้งแต่คืนนั้นจนถึงทุกวันนี้!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 36 - ฉบับวันที่ 7 สิงหาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น