"บุญชูช่วย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านจัดสรร
ผมเป็นคนลาดพร้าวมาแต่อ้อนแต่ออก บ้านอยู่ใกล้ๆ วัดกับ "ชมรมสวิงกิ้ง" ที่เคยอื้อฉาวเมื่อสิบกว่าปีก่อน ไม่รู้ว่าอยู่ในซอยเดียวกันได้ไง? แต่พอโตเป็นหนุ่มมีครอบครัวก็ย้ายไปอยู่ในซอยฝั่งตรงข้าม
สาเหตุก็คือในซอยนั้นแต่เดิมเป็นป่าพงดงหญ้า มีนักธุรกิจหัวใสมากว้านซื้อที่ดินราคาถูกๆ แล้วทำเป็นบ้านจัดสรรขึ้นมาน่ะซีครับ
สนนราคาหลังละ 2-3 แสนบาท ก็ถือว่าแพงเต็มทีแล้ว พวกเราไม่มีปัญญาซื้อเงินสด นอกจากวางดาวน์แล้วได้รับโอน..ต้องไปผ่อนส่งกับธนาคารเดือนละห้าพันบาท ต่อมาถึงได้รู้ว่าราคาถูกๆ แบบนั้นหาอีกไม่ได้แล้ว ในสมัยนี้น่ะ
ชาวหมู่บ้านจัดสรรอย่างพวกเราล้วนแต่มีครอบครัว มีลูกเต้าบ้านละคนสองคน ทุกบ้านต้องออกไปทำมาหากินกันทั้งผัวและเมีย ไม่งั้นเงินทองไม่พอใช้หรอกครับ มีทั้งทำงานรัฐวิสาหกิจ ทำงานห้างร้าน รับเหมาจิปาถะ เป็นครู เป็นเซลส์แมน..มีสารพัดอาชีพก็ว่าได้
ตกเย็นงานเลิก คนบ้านใกล้เรือนเคียงมาตั้งวงสังสรรค์กัน!
ไม่มีการถือเขาถือเรา คิดว่าเป็นญาติสนิทมิตรสหายกันทั้งนั้น บางทีใครเงินขาดมือตอนปลายเดือนก็ขอหยิบขอยืมกันได้ ดีอย่างที่ไม่เคยมีการบิดเบี้ยวกันเกิดขึ้น
เพื่อนบ้านที่สนิทกับผมก็มีพี่ประสม, ครูวิรัตน์, พี่จำนง, นายช่างโก้ กับพรรคพวก ที่บ้านลึกเข้าไปในซอยย่อยอีก 3-4 คน
เดี๋ยวตั้งวงบ้านนั้นมั่ง บ้านนี้มั่ง โชคดีที่พวกแม่บ้านรักใคร่กลมเกลียวกัน ไม่มีใครรังเกียจรังงอน เขาว่าผู้หญิงไม่ชอบผู้ชายขี้เมาก็จริง แต่พวกเธอคงทำใจได้มานานแล้ว ถึงยังไงก็ยังดีกว่าได้ผัวเจ้าชู จริงไหมครับ?
คืนเกิดเหตุ เราตั้งวงกันที่บ้านพี่จำนง!
รายนี้ทำงานรัฐวิสาหกิจ ฐานะมั่นคงกว่าเพื่อน มีรถขับไปถึงที่ทำงานทั้งผัวทั้งเมีย พี่จำนงทำกับแกล้มเก่ง เรื่องพล่าเรื่องยำหาตัวจับลำบาก พอ กลับถึงบ้านก็โทรศัพท์นัดเพื่อนบ้านแล้วนุ่งผ้าขาวม้าเข้าครัวทันใด
ตกค่ำ แสงไฟหน้าบ้านก็ส่องสว่าง วงเหล้าใต้ต้นจำปีริมรั้วครึกครื้นขึ้นทุกที!
คอสุราที่มาร่วมวงวันนั้นมีพี่ประสม, ครูวิรัตน์และผม รวม 4 คน
ไม่รู้ว่าเริ่มต้นคุยกันเรื่องอะไร ทำไปทำมาก็เกิดมาคุยเรื่องผีกัน โดยพี่จำนงเล่าว่าที่ทำงานวันนี้เกิดเรื่องขนหัวลุกตอนกลางวันแสกๆ เพราะมีคนเห็นหัวหน้าขับรถมาจอดแล้วก้าวฉับๆ เข้าประตูไป..ทั้งๆ ที่เพิ่งยกโขยงกันไปเยี่ยมแกที่โรงพยาบาลเมื่อเย็นวานนี้เอง
เพื่อนฝูงบอกว่าตาฝาดไปเอง อย่าคิดมาก..ก็พอดีมีเพื่อนอีกคนมาถามว่าเมื่อวานไปเยี่ยมหัวหน้าเป็นยังไงมั่ง? วันนี้แกมาทำงานได้แล้ว หายเร็วจัง!
คราวนี้ชักเอะใจ ถามกันว่าเห็นที่ไหน เพื่อนบอกว่าเห็นนั่งทำงานในห้องน่ะซี..เลยแห่ไปดูให้เห็นกับตา แต่ต้องหน้าซีดหน้าเซียวไปตามๆ กัน เพราะไม่เห็นมีหัวหน้ามาทำงาน! ชักเอะใจ ลองโทร.ไปถามข่าวที่โรงพยาบาลให้รู้แน่
คำตอบทำให้ขนลุกเกรียวกราว..หัวหน้าสิ้นลมเมื่อเช้ามืดนี่เอง!
พี่ประสมซดเหล้าอึกใหญ่ เล่าว่าวันนี้ก็เจอกับเรื่องแปลกประหลาด ตอนขับรถเข้าซอยก่อนถึงหมู่บ้าน มีทางแยกไปออกลาดพร้าว 48 เกิดใจลอยจนลืมเลี้ยวซ้ายเข้าเขตบ้านจัดสรร ก็พอดีมองเห็นชายคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ข้างหน้า จู่ๆ ชายคนนั้นก็หันขวับมา ทำท่าราวกับจะข้ามถนนฉับพลัน
รีบเบรกรถกะทันหันจนหยุดรถได้ทัน..หันไปเห็นหน้าชายคนนั้นพอดี
เขาไม่ได้ข้ามถนน แต่ชี้ไม้ชี้มือไปทางด้านหลัง ตะโกนว่า..เลยแล้วๆ
พี่ประสมเล่าว่าไม่แน่ใจว่าตอนนั้นได้ยินจริงๆ หรือว่าอ่านปากออก เพราะรถติดแอร์ ปิดกระจกหมดทุกด้าน..แค่คำพูดนั้นทำให้นึกขึ้นได้ว่าตัวเองขับรถเลยปากซอยที่จะเข้าหมู่บ้านไปจริงๆ
รีบโบกไม้โบกมือ แสดงความขอบอกขอบ ใจ กลับรถย้อนเข้าซอย..เพิ่งนึกได้ตอนนั้นเอง เล่นหนาวยะเยือกไปทั้งแผ่นขึ้นมาทันที..ชายผู้นั้นรู้ได้ยังไงว่าพี่ประสมขับรถเลยซอยบ้านมาแล้ว..ทั้งๆ ที่เป็นคนแปลกหน้าแท้ๆ
ครูวิรัตน์ผิวคล้ำ ผมหยิก ยิ้มเห็นฟันขาวเต็มปาก
"เขาอาจจะอยู่แถวนั้นแหละ เคยเห็นพี่สมเลี้ยวรถเข้าซอยบ่อยๆ จนจำได้น่ะซี..พอขับเลยไปก็ช่วยบอกกล่าวให้ด้วยความหวังดีไงล่ะ อย่าคิดมากเลยพี่..เติมเหล้าอีกดีกว่า"
พี่จำนงพยักหน้าเห็นพ้องด้วย นัยน์ตาแคบๆ ฉายแววครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนพึมพำ
"คงไม่ใช่ผีเจ้าที่เจ้าทาง หรือไม่ก็แบบวิญญาณหัวหน้าที่เป็นห่วงงาน.."
"เฮ้ย.." พี่ประสมร้องลั่น เล่นเอาหวิดสะดุ้งไปตามๆ กัน "ผมนึกออกแล้ว..ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่คนแปลกหน้าหรอกว่ะ"
"อะไรนะ?" พวกเรามองหน้ากันเลิ่กลั่ก "เคยรู้จักกันมาก่อนหรือพี่?" ผมถามต่อ รู้สึกว่าอากาศยามค่ำคืนในฤดูฝนค่อนข้างเยือกเย็นผิดปกติ ใบหน้าของพี่ประสมก็ขาวซีดอยู่ในแสงไฟจนน่าเป็นห่วง
"ไอ้หมง! เพื่อนเก่าของผมเอง" เสียงของพี่ประสมแหบแห้งชอบกล กลืนน้ำลายสองครั้งติดๆ กัน "เราไม่เจอกันตั้งสิบกว่าปีแล้ว.."
"น่าเสียดาย" ครูวิรัตน์ยิงฟันขาวตามเคย "ถ้าจำได้ตอนนั้นก็ชวนมาร่วมวงกันสนุกน่ะซี"
"สนุกกะผีอะไรล่ะ" พี่ประสมเทเหล้าเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว มือสั่นระริกจนเห็นได้ชัด "ไอ้หมง..เพื่อนผมคนนี้น่ะ ได้ข่าวมันขับรถไปชนสิบล้อที่โคราช ตายคาที่มาตั้งหลายปีแล้วนี่นา!"
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 36 - ฉบับวันที่ 17 สิงหาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น