08 สิงหาคม 2558

คุณยายห่วงบ้าน

"วิกรม" เล่าถึงเรื่องเหนือธรรมชาติที่เขาเห็นมากับตา

ตอนนั้นเป็นบ่ายวันศุกร์ต้นเดือนกรกฎาคมที่เงียบมาก ผมไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะไม่สบาย อาหารเป็นพิษ เมื่อวานอาการแย่เอามากๆ แทบจะนอนในห้องน้ำเลยละครับ แต่วันนี้ดีขึ้นมากเหมือนไม่ได้เป็นอะไรเลย แม่บอกว่าร่างกายขับเชื้อโรคออกไปหมดแล้ว เด็กอายุสิบสี่สิบห้าก็ดีอย่างนี้แหละ ฟื้นตัวเร็ว เหลือแต่เพลียนิดหน่อย

ผมรู้สึกโหวงๆ พิกล แม่สั่งให้ดื่มน้ำมากๆ อย่าเพิ่งกินนม และบอกให้ป้าทองแม่ครัวบ้านผมต้มข้าวต้มน้ำเยอะๆ เอาไว้ เผื่อผมหิว จากนั้น แม่กับพ่อก็ออกไปทำงาน

ตลอดเช้าผมนั่งเล่นเกมจนเบื่อ รู้งี้ไปโรงเรียนดีกว่า ยังได้เล่นได้คุยกับเพื่อนๆ อยู่บ้านเฉยๆ มันเหงาจะตาย พอตอนบ่ายก็เงียบกริบซะเหลือเชื่อเลย

ตะกี้ผมลงไปกินข้าวต้มเห็นป้าทองรีดผ้าอยู่ในห้อง ส่วนเจ้าแสงกับเจ้าคำ สาวใช้ชาวพม่าที่อายุไล่เลี่ยกับผมน่ะ นอนหลับน้ำลายไหลยืดกันทั้งคู่เลย ป้าทองยังชี้ให้ผมดู บอกว่าหมั่นไส้นังพวกนี้จริงๆ ถ้าไม่กินก็นอน!

ผมคิดว่าบ่ายๆ อย่างนี้สาวใช้ทุกบ้านในซอยผมคงหลับกันหมด เพราะมองไปทางไหนก็ไร้ผู้ไร้คน

ป้าทองให้ผมไปนอนบ้าง ที่ไม่สบายจะได้หายเร็วๆ แต่ผมไม่ชอบนอนหรอกครับ นอนมากก็มึน เฮ้อ! จะเล่นเกมก็เบื่อ ออกไปเล่นที่ระเบียงดีกว่า

ผมเดินผ่านห้องนอนพ่อกับแม่แล้วเปิดประตูไปยืนอยู่ตรงราวระเบียง

จากที่ผมยืนนี่มองไปรอบๆ จะเห็นหน้าบ้านและข้างบ้านด้วย ได้ภาพพาโนราม่าเกือบรอบทิศเชียวละครับ และจุดที่น่าสนใจที่สุดก็คือบ้านข้างๆ ที่อยู่รั้วเดียวกับผมนี่เอง

บ้านนี้เป็นบ้านของคุณยายกอบกุลที่ผมเห็นมาตั้งแต่จำความได้ เมื่อก่อนเป็นบ้านที่สวยน่าอยู่มาก มีสองชั้นทางสีฟ้า มีสนามหญ้าและต้นแก้วต้นมิกกี้เม้าส์ ต้นมะยม แต่ตอนนี้คุณยายกอบกุลเสียชีวิตไปได้ปีกว่าแล้วครับ บ้านของท่านก็ดูเหมือนจะตายตามไปด้วย

ลูกหลานของคุณยายย้ายบ้านไปนานแล้ว ทิ้งให้ที่นี่รกเรื้อ สนามมีแต่หญ้าสูงท่วมเอว ต้นไม้ที่เคยออกดอกสวยๆ หอมๆ ก็ตายสนิท ยืนต้นแห้งโกร๋นอยู่นั่น น่าสงสารที่ไม่มีใครดูแลรดน้ำ

เวลามายืนตรงระเบียงนี่ ผมชอบมองเข้าไปในบ้านนี้เสมอ ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรน่ามอง ผมเองก็ไม่รู้ว่าชอบดูเพราะอะไร มันดึงดูดสายตาพิกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณห้องครัวที่ประตูเปิดอ้า กระจกบานเกล็ดหลุดเป็นแผ่นๆ ผมว่าคงเคยมีพวกย่องเบาแอบเข้าไปรื้อค้นฉกฉวยเอาอะไรต่อมิอะไรไปบ้างล่ะ

เอ๊ะ!...ผมไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ในห้องครัวนั้น ผมเห็นคนเดินอยู่ไหวๆ เป็นขาผู้หญิงใส่รองเท้าแตะทำด้วยผ้าแบบเดินอยู่ในบ้าน ผมเห็นชุดกระโปรงสีฟ้ามีลายดอกไม้

ใจผมหายวาบ นั่นคุณยายกอบกุลชัดๆ!

ท่านเดินไปเดินมาทำอะไรง่วนอยู่ในครัวของท่าน

ผมเผ่นจากระเบียงลงไปหาป้าทอง เล่าถึงสิ่งที่เห็นให้แกฟังปากคอสั่นไปหมด

ป้าทองรู้ครับว่าอันไหนผมพูดจริง อันไหนผมอำแกเล่นๆ คราวนี้แกเชื่อเพราะผมตกใจมากๆ ป้าทองรีบวางเตารีดแล้วแล่นขึ้นบันไดไปกับผมที่ระเบียง เราแอบซุ่มดูอยู่ด้วยใจระทึกแต่ไม่เห็นอะไรแล้ว นอกจากประตูห้องครัวที่เปิดเข้าเปิดออกเองอย่างช้าๆ ตามแรงลม

มือป้าทองที่กำแขนผมอย่างตื่นเต้นนั้นเย็นเจี๊ยบเลยละครับ นี่ขนาดไม่เห็นอย่างที่ผมเห็น แกยังเป็นไปได้ขนาดนี้

"มิน่าล่ะ หมามันหอนทุกคืน" ป้าทองบอก ผมเองก็ได้ยินนะ ทุกคืนราวสี่ห้าทุ่มจะมีเสียงหมาหอนรับกันมาเป็นทอดๆ จากหน้าปากซอย มาหยุดที่บ้านคุณยายกอบกุลนี่แหละ

ป้าทองบอกว่าแกคงหวงบ้าน เพราะได้ข่าวว่าลูกๆ แกกำลังจะขายเร็วๆ นี้!

วันเสาร์ วันอาทิตย์ ผมเฝ้าดูอยู่บนระเบียงด้วยใจระทึก มือก็ถือกล้องดิจิตอลไว้เมื่อเห็นคุณยายอีกจะได้รีบถ่ายไว้เป็นหลักฐาน

มีอยู่หนหนึ่งที่ผมเห็นเงาดำๆ เคลื่อนไปมาอยู่บริเวณนั้น ผมถ่ายรูปไว้ แต่ภาพที่ปรากฏให้เห็นเป็นแค่ควันขาวๆ เอาไปให้ใครดูเขาก็ไม่เชื่อหรอกครับว่าเป็นผี

เรื่องนี้ประทับใจผมจริงๆ เอาไปเล่นให้เพื่อนๆ ฟัง มันกลัวกันใหญ่ ทั้งๆ ที่บ้านมันไม่ได้อยู่ข้างบ้านคุณยายกอบกุลสักหน่อย!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 36 - ฉบับวันที่ 8 สิงหาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น