28 กันยายน 2558

วิญญาณแม่

"บูรณี" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อเห็นวิญญาณพเนจร

ตั้งแต่เกิดจนโต ดิฉันอาศัยอยู่ในบ้านที่พรั่งพร้อมทั้งคุณปู่คุณย่า พ่อแม่และน้องๆ เราอยู่กันอย่างอบอุ่นเป็นครอบครัวใหญ่ และคิดว่าจะอยู่กันเช่นนี้ตลอดไป เพราะบ้านเรากว้างขวางใหญ่โตจริงๆ แม้เมื่อดิฉันแต่งงานแล้ว ลูกๆ สามคนของเราก็เกิดที่นี่

ทว่า เมื่อลูกสาวคนเล็กของดิฉันได้เจ็ดขวบ น้องชายก็มีลูกๆ ตามมาอีกสองคน ดิฉันก็เริ่มเห็นว่าบ้านเราชักจะคับแคบเสียแล้วซิคะ

ไม่เป็นไรหรอก ดิฉันและสามีเผอิญเห็นบ้านหลังหนึ่งกำลังประกาศขาย มันเป็นบ้านที่น่าอยู่ ขนาดไม่ใหญ่เท่าบ้านเรา เนื้อที่ก็แคบกว่า แต่เอาเถอะ..ดูแลง่ายดี แถมยังอยู่ในซอยใกล้ๆ นี่เอง เป็นอันว่าตกลงซื้อบ้านหลังนี้ ตกแต่งทาสีใหม่ ทำสนามหญ้าที่มีอยู่เดิมให้ดูดีขึ้น แล้วปลูกต้นไม้ ดอกไม้หอมๆ ให้สะพรั่งไปเลยเชียว

เรามาอยู่ที่นี่ได้ปีกว่าแล้วค่ะ และมันก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้เราเกือบต้องย้ายออกมาแล้วครั้งหนึ่ง...มันเป็นเรื่องใหญ่เสียด้วย

ดิฉันเป็นคนที่มีสัมผัสพิเศษมาตั้งแต่เด็ก ประเภทมีลางสังหรณ์ที่แม่นยำ และเคยเห็น เคยได้ยินพวกภูตผีวิญญาณมาบ้าง นานๆ ครั้ง..แต่ถึงอย่างนั้นดิฉันก็ไม่ใช่คนกลัวผีนะคะ

เมื่อแรกเริ่มที่เห็นบ้านหลังที่มาซื้อนี่ ขนาดตอนนั้นยังดูโทรมๆ ดิฉันก็นึกถูกชะตาทันที ไม่รู้สึกถึงพลังด้านลบแต่อย่างใด...ไม่มีเลยสักนิดเดียว!

ดิฉันเคยไปสถานที่ราชการบางแห่ง และสัมผัสได้ว่ามีผีสิง! ผีดุเสียด้วย...เมื่อถามคนที่อยู่ที่นั่น พวกเขาก็ยอมรับว่ามีจริง ในที่บางที่เราจะรู้สึกได้ทันที บางทีก็ขนลุก บางทีก็ถึงกับหวาดผวา ไม่สบายใจ

..แต่บ้านหลังนี้ดูโปร่ง ใสสว่าง มีพลังด้านดีด้วยซ้ำ และดิฉันก็ได้พบปะพูดคุยกับเจ้าของเดิม ซึ่งน่ารักมาก เธออายุรุ่นราวคราวเดียวกับดิฉัน มีลูกผู้หญิงสองคน เธอขายบ้านนี้เพราะเธอได้รับมรดกเป็นที่ดินที่เชียงใหม่ เธอบอกว่าตั้งใจจะไปลงหลักปักฐานอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุข..เห็นไหมคะว่าบ้านนี้ "สะอาด" จริงๆ

คุณกุลธิดา-เจ้าของเดิมบอกว่าอยู่กันมาอย่างมีความสุขตั้งแต่เธอยังเด็กๆ เหมือนดิฉันกับบ้านหลังเก่าเลย คุณกุลเสียดายที่ต้องขาย..แต่ชีวิตก็เป็นแบบนี้แหละ

วันแรกๆ ที่เข้าอยู่ ดิฉันสัมผัสถึงพลังความอบอุ่นที่อวลอยู่ในบรรยากาศ..

บ้านหลังนี้มีหน้าต่างสูงๆ มากมาย ทำให้สว่างไสวและอากาศถ่ายเทได้ดีมาก

ดูเหมือนบางสิ่งบางอย่างจะรอให้ดิฉันตายใจ และเมื่อเราเพลิดเพลินจำเริญใจจนหมดความระแวงระวัง...สิ่งนั้นก็ปรากฏออกมา!

ความรู้สึกแรกที่สัมผัสได้ก็คือ เราไม่ได้อยู่ลำพังในบ้านหลังนี้ มีใครบางคนอยู่กับเรา แต่เราไม่เห็นตัวเขา! บางทีเขามายืนเงียบๆ อยู่ข้างหลังเวลาที่ดิฉันทำกับข้าว...ทีแรกนึกว่าสามีมาหยอก แต่พอหันไปจะยิ้มให้ก็ต้องยิ้มค้าง เพราะทั้งห้องครัวว่างเปล่า

แม้จะรู้สึก แต่ก็รู้ว่า "เขา" ไม่น่ากลัว คือดิฉันไม่มีความรู้สึกกลัวผีเลยค่ะ เหมือนเราอยู่ด้วยกันได้ แต่..ต่างคนต่างอยู่แล้วกันนะ!

แต่แล้ววันหนึ่ง หลังจากมาอยู่ได้เดือนกว่าๆ ดิฉันก็ได้ยินเสียงเด็กร้อง...

มันเป็นเสียงทารกที่ยังอุแว้ๆ ร้องมาจากที่ใดที่หนึ่งในบ้านนี้แหละ เวลาบ่ายโมงกว่าๆ ดิฉันอยู่บ้านคนเดียว สามีไปทำงาน ลูกๆ ไปโรงเรียน แอ๋มคนรับใช้ไปจ่ายตลาด ดิฉันเดินหาเสียทั่วบ้าน ทั้งๆ ที่รู้ว่าเสียงทารกนั่นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างเราๆ

แกร้องอยู่นานมากเลยค่ะ! ยิ่งกว่านั้น มีใครบางคนที่ดิฉันไม่เห็นตัว กำลังพลุ่งพล่านเดินตามหาเด็กเหมือนดิฉันนี่แหละค่ะ!

ปรากฏการณ์นั้นเป็นๆ หายๆ อยู่หลายชั่วโมง พอลูกๆ และสามีดิฉันกลับมาถึงบ้าน ทุกอย่างก็เป็นปกติ

ถึงวันเสาร์ ลูกอยู่บ้าน สามีไปงานสัมมนา ลูกสาวคนโตได้ยินเสียงทารก! เธอเดินหาและมาถามดิฉัน...ไม่นานเสียงนั้นก็เงียบไป เลยไม่มีใครสนใจต่อไปอีก

วันจันทร์ตอนสิบโมงกว่า ดิฉันอยู่บ้านคนเดียว กำลังจัดชั้นหนังสือ ก็รู้สึกมีใครมายืนข้างหลัง พอหันไปดิฉันก็ปล่อยหนังสือหลุดมือ ตัวชาวาบ ขนลุกซู่...

เขามาปรากฏตัวให้เห็นเต็มๆ เป็นผู้หญิงค่ะ แต่งชุดแบบสาวใช้ คือนุ่งผ้าถุง สวมเสื้อยืดคอกลม เธอตัวผอม หน้าซูบ ปากดำปี๋ ท่าทางกระวนกระวาย...เธอปรากฏตัวเพียงไม่กี่วินาทีก็หายไป

ดิฉันยังมีเบอร์คุณกุลธิดาอยู่ในสมุดโทรศัพท์ จึงรีบโทร.ไปเล่า และถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่? ผู้หญิงที่ดิฉันเห็นเป็นใคร?

คุณกุลธิดาอึ้งไปนาน เธอยืนยันว่าไม่มีใครตายในบ้านหลังนี้ แต่เมื่อหลายปีก่อนเธอมีสาวใช้คนหนึ่งที่ตั้งท้องกับแฟนหนุ่ม ซึ่งไม่รับว่าเป็นพ่อเด็ก สาวใช้นั่นคลอดลูกที่นี่...แล้ววันหนึ่งเธอก็หนีหายไปจากบ้าน ไม่รู้เป็นตายร้ายดีอย่างใด

จากนั้น คุณกุลธิดาก็ติดต่อไปทางบ้านสาวใช้ เล่าเรื่องให้เขาฟัง และแม่ของสาวใช้หรือยายของเด็กก็มารับเอาเด็กไปเลี้ยงดูเรียบร้อยแล้ว...เรื่องมีแค่นี้จริงๆ

เราช่วยกันปะติดปะต่อ แล้วเดาเหตุการณ์ว่า สาวใช้ของคุณกุลธิดาคงทิ้งลูกหนีไป แล้วเธอคงเสียชีวิตเมื่อไม่นานมานี้ วิญญาณยังห่วงหาก็กลับมาดูลูก เพราะคิดว่าลูกยังอยู่ที่นี่

งานนี้ไม่ต้องเรียกหมอผีหรอกค่ะ ดิฉันนิมนต์พระมาทำสังฆทาน และเมื่อรู้สึกถึงพลังวิญญาณ ดิฉันก็บอกเธอง่ายๆ ว่าลูกเธอปลอดภัย กลับไปอยู่บ้านนอกกับยายนานแล้ว...ตั้งแต่นั้นบ้านก็สงบ ไม่มีผีและวิญญาณใดๆ อีกเลยค่ะ!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่  28 กันยายน 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น