05 กันยายน 2558

ห่วงน้อง

"เบญจพร" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากวิญญาณรุ่นพี่

พี่นัท-เป็นเพื่อนทำงานของดิฉัน เขาอายุ 27 ปีค่ะ นี่ถ้าหน้าตาดี ไม่อ้วนดำจนเพื่อน ล้อว่าเป็นหมีละก็ ดิฉันคงใจอ่อนยอมเป็นแฟนเขาแน่ๆเพราะรู้ว่าเขาสนใจดิฉันมาก พี่นัทดีที่ไม่จีบไม่เกี้ยวหรือทำอะไรรุ่มร่าม ทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดี คอยดูแลห่วงใยเสมอมา

เมื่อเขาถึงแก่กรรม ดิฉันจึงเสียใจมาก...

ความตายของพี่นัทช่างกะทันหันเหลือเกิน เขาติดเชื้อขึ้นสมอง! ไม่มีใครคิดว่าพี่นัทจะจากไปรวดเร็วแบบนี้ ในที่ทำงานของเรา คนที่เหงาและเศร้าที่สุดก็คงจะเป็นดิฉันนี่ล่ะค่ะ

ทุกเช้าเวลามาที่บริษัท ดิฉันคิดว่าตัวเองมาเช้าแล้ว แต่พี่นัทเช้ากว่า เขามักจะเป็นคนแรกเสมอที่เข้านั่งประจำที่ เมื่อดิฉันมาถึงเราก็จะคุยกันเรื่องสัพเพเหระ จากนั้นต่างคนก็ต่างทำงาน พี่นัทคร่ำเคร่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เหมือนไม่ยอมสนใจอะไรนอกจากงานตรงหน้า...แต่เมื่อดิฉันมีปัญหา เขาจะเป็นคนแรกที่ปราดมาถึงตัว ช่วยแก้ไขจนลุล่วงไปด้วยดี

ตอนเย็นๆ ก็เช่นกัน!

พี่นัทจะเดินเป็นเพื่อนไปยังที่จอดรถซึ่งค่อนข้างเปลี่ยว บางทีงานเขายังไม่เสร็จก็ยังอุตส่าห์มาส่งดิฉันจนขับรถออกจากที่นั่น ก่อนจะกลับขึ้นไปทำงานต่อ หรือถ้าดิฉันอยู่จนค่ำมืด เขาก็จะคอยไม่ว่าดึกดื่นแค่ไหน ถ้าช่วยได้ก็จะช่วยทุกอย่าง และเดินมาที่จอดรถด้วยกัน

เราต่างขับรถของตัวเองออกจากบริษัท แยกย้ายกันไป...

ก่อนเสียชีวีตไม่ถึงสัปดาห์ พี่นัทมานั่งตรงหน้าโต๊ะและมองหน้าดิฉันนิ่งๆ ทั้งที่ไม่เคยทำเช่นนี้มาก่อน จนดิฉันชักอึดอัดและเขินๆ พิกล แต่ไม่ได้โกรธนะคะ พอถามเข้าว่ามองทำไม? เขาก็ตอบว่า "เป็นห่วง!"

มันเหมือนเป็นลางสังหรณ์ เพราะพอรุ่งขึ้นวันเสาร์ พี่นัทก็ไปเมืองกาญจน์กับพ่อ แม่ และพี่น้องอย่างที่เคยไปบ่อยๆ

วันจันทร์พี่นัทมาทำงานด้วยหน้าตาอ่อนระโหย ตอนบ่ายก็มีไข้สูงมากจนเพื่อนๆ ต้องพาไปหาหมอ อาการเขาไม่ดีขึ้นเลย มีแต่ทรุดหนักลงๆจนสิ้นใจในอีกสามวันต่อมา

งานฌาปนกิจพี่นัทผ่านไปแล้ว ดิฉันยังแต่งชุดดำ คิดว่าจะไว้ทุกข์สักร้อยวัน...พี่นัทคงรับรู้ เขามาหาดิฉันทุกวัน...มาเป็นกลิ่นดอกไม้หอม บางวันก็ได้กลิ่นดอกซ่อนกลิ่นค่ะ! ดิฉันเคยบอกเขาว่าเป็นดอกไม้ที่ดิฉันชอบ

คนเราถึงจะดีต่อกันอย่างไร รักกันขนาดไหน เมื่อฝ่ายหนึ่งตายไป คนที่เหลืออยู่ก็ต้องกลัวผีเป็นธรรมดา...ดิฉันเองก็กลัวผีพี่นัทไม่น้อยเลยนะคะ บอกตามตรง

ด้วยความกลัว ดิฉันมักจะให้เพื่อนลงลิฟต์ไปส่งถึงที่จอดรถ ถ้าไม่มีใครไปเป็นเพื่อนจะรู้สึกหวาดระแวงมาก มันน่ากลัวนะคะที่เราจะลงลิฟต์คนเดียว แล้วเดินต๊อกๆ ไปในที่จอดรถที่ไม่มีใครซักคน!

...อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าประตูลิฟต์เปิดออกแล้วเห็นพี่นัทยืนมองมายิ้มๆ จะทำยังไง?

ดิฉันคิดว่าวิญญาณพี่นัทยังห่วงดิฉันเหมือนเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่!

บางครั้งขณะทำงานเพลินๆ อุปาทานหรือเปล่าไม่ทราบ ดิฉันเห็นเขาเดินผ่านโต๊ะไปแวบหนึ่ง พอนึกได้ว่าพี่นัทตายไปแล้วเล่นเอาขนลุกเกรียว

จริงๆ แล้วตั้งแต่พี่นัทตาย ดิฉันไม่ยอมออกจากที่ทำงานเป็นคนสุดท้ายเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง อ๋อย-เพื่อนร่วมงานยังทำงานไม่เสร็จค่ะ น่าโมโหจริงๆ เธอมัวแต่เม้าธ์ทั้งวันนี่คะ แล้วก็ต้องตาหูเหลือกเพราะงานนี้ต้องเสนอนายพรุ่งนี้แต่เช้า...อ๋อยขอร้องให้ดิฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอด้วย ดิฉันไม่ขัดข้องหรอกค่ะ

แต่...สามทุ่มก็แล้ว สี่ทุ่มก็แล้ว งานยังไม่เสร็จซะที!

สี่ทุ่มสิบนาที มีกลิ่นแปลกๆ โชยมา อ๋อยหน้าเสีย เธอเงยขึ้นกวาดสายตาไปรอบห้องที่มีแต่โต๊ะคอมพิวเตอร์...และไร้ผู้คน! บรรยากาศน่ากลัวมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรานึกถึงเรื่องผีๆ สางๆ แถมกลิ่นแบบปลาเค็มเน่าคลุ้งแรงขึ้นๆ

"พี่นัทแน่ๆ" อ๋อยคราง...พูดแบบไม่น่าพูด มันช่างผิดกาลเทศะจริงๆดิฉันเองรู้ทั้งรู้ว่าพี่นัทไม่มาให้ดิฉันกลัวแน่ๆ แต่ยังอดสยองไม่ได้...ใจหนึ่งตระหนักว่าเขาโกรธ...โกรธอ๋อยที่เหลวไหลจนดิฉันพลอยเดือดร้อนไปด้วย

อ๋อยคงคิดแบบเดียวกัน เธอรีบทำงานมือไม้สั่นจนเสร็จค่ะ

"สี่ทุ่มครึ่ง...พี่ไปส่งอ๋อยหน่อยนะ" เธอพูดเร็วปรื๋อ จะปฏิเสธก็ไม่ได้เพราะบ้านอ๋อยอยู่คนละทิศกับดิฉัน แถมไกลมากด้วย...จำเป็นต้องขับไปส่งให้ถึงบ้าน

ตลอดทางอ๋อยบ่นว่า...ได้แต่กลิ่นเน่า!

บ่นทำไมไม่รู้ ดิฉันพลอยกลัวไปด้วย...คนปากเสียนี่ชอบพูดอะไรไม่คิด ! อย่าลืมนะว่าดิฉันต้องขับรถกลับบ้านตามลำพังในยามค่ำคืน ไหนจะมีอันตรายสารพัดชนิดให้ต้องระมัดระวังตัว...ไหนจะมีกลิ่นสยองในรถ ที่ไม่มีทางหลบหนีไปไหนได้สำเร็จ

พออ๋อยลงจากรถ ดิฉันรู้สึกปากคอแห้งผากไปหมด ใจเต้นโครมครามเลยค่ะ

...ไม่ต้องคิดมากแล้ว ดิฉันยกมือไหว้ ด้วยสังหรณ์ใจว่ากลิ่นเหม็นสุดฤทธิ์นั่นคงเป็นพี่นัทแน่ๆ

คุณพระช่วย! ฉับพลันทันใดนั้นเอง เพียงแต่อ๋อยเดินห่างออกไป กลิ่นนั้นก็กลายเป็นกลิ่นหอม...หอมมากค่ะ แล้วจางหายไป แต่ก็กลับมาอีกเป็นระยะๆ จนดิฉันขับรถถึงบ้านโดยปลอดภัย

ฝ่ายอ๋อยนั้น พอรุ่งเช้าก็เล่าว่าพี่นัทมาเข้าฝันทั้งคืน เขาโกรธเพราะเธอทำให้ดิฉันเดือดร้อน...

โธ่! พี่นัท...ตายแล้วยังไม่วายห่วงอีกนะ! เขาไม่ยอมไปไหน ดิฉันทำได้แต่ทำบุญตักบาตร อุทิศส่วนกุศลและอธิษฐานให้เขาไปสู่สุคติ อย่าห่วงดิฉันเลย...กลัวหัวใจวายน่ะซีคะ!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 36 - ฉบับวันที่  5 กันยายน 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น