"อุรณา" เล่าเรื่องขนหัวลุกของวิญญาณผีตายโหง
นี่เป็นเรื่องราวของเด็กสาวผู้แก่นแก้วเกินเหตุ เธออยากพิสูจน์ว่าผีมีจริงหรือไม่? ก็เลยหยิบก้อนกรวดเปื้อนเลือดเม็ดหนึ่ง มาจากสถานที่ที่มีคนถูกยิงตาย แล้วเอากลับมาบ้านเฉยเลย...ที่สำคัญ บ้านนั้นไม่ใช่บ้านของเธอ แต่เป็นบ้านดิฉันค่ะ!
"แจง" เป็นลูกสาวคนเดียวของนวล คนรับใช้เก่าแก่ของเรา นวลเป็นคนต่างจังหวัดมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่อายุ 14 คือเมื่อ 20 กว่าปีก่อน เธออ่อนกว่าดิฉัน 2-3 ปีเท่านั้น แต่นิสัยดี คุณแม่รักมากเชียวล่ะ นวลเองก็รับใช้เรามาตลอดไม่ยอมไปไหน จนกระทั่งพ่อแม่บังคับให้กลับไปแต่งงาน
นวลจากเราไปแค่ 2 ปีก็ขอกลับมาอยู่ใหม่ พร้อมกับลูกสาวตัวน้อยที่ชื่อแจงคนนี้แหละ นวลเลิกกับผัวขี้เมาอย่างเด็ดขาด เธอผูกพันกับเรามาก และตั้งหน้าตั้งตาทำงานเก็บเงินให้ลูกเรียนหนังสือ...นวลอยู่ใต้ชายคาเราอย่างอบอุ่น! เธอว่าอย่างนั้น...
ทุกวันนี้นวลก็เหมือนญาติคนหนึ่งล่ะค่ะ!
เวลาปิดเทอมราวเดือนตุลาคมของทุกปี ดิฉันจะยกโขยงไปพักที่หัวหิน น้องชายมีคอนโดฯ อยู่ที่นั่นไงคะ เราไปทีเป็นอาทิตย์ๆ แน่ะ บางทีดิฉันกลับมาดูแลงาน ซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวเราเอง
เมื่อเห็นว่าเรียบร้อยดีก็กลับไปหัวหิน พอเบื่อก็มากรุงเทพฯ ชีวิตนี้สนุกมากค่ะ
ราว 2-3 ปีก่อน เราก็ไปอยู่หัวหินกัน แต่ไม่นานหรอกค่ะ แค่สิบกว่าวัน แจงก็ไปกับพวกเราด้วย โดยปล่อยแม่ของเธอเฝ้าบ้านที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นแจงอายุ 16 ปีเท่านั้นเอง
เธอเป็นคนขยัน สวยและมีการศึกษา ดูเผินๆ ก็ระดับเดียวกับหลานๆ ดิฉัน เราไม่ได้เห็นเธอเป็นลูกคนใช้ แต่แจงก็ไม่เห่อเหิม เธอเรียกเราว่าคุณทุกคน...และคอยดูแลรับใช้เราอย่างดี เสียอย่างเดียวเท่านั้นเอง...เธอแก่นแก้วเหลือเกิน นิสัยห้าวและซนมาก!
วันหนึ่ง ขณะซ้อนมอเตอร์ไซค์คนงานที่หัวหินของเราคนหนึ่ง เขาก็ชี้ให้เธอดูกองเลือดริมถนน บอกว่ามีคนยิงกันตายตรงนั้น! แปลกมากที่รอยเลือดยังอยู่ ทั้งๆ ที่มีฝนตกหนักมาหลายวันแล้ว
คนงานเล่าว่า คนตายเป็นหนุ่มหน้าตาดี เชื่อกันว่า...เขาถูกฆ่าเพราะไปรักผู้หญิงที่มีเจ้าของแล้ว!
ไม่รู้อะไรมาดลใจให้แจงเกิดซาบซึ้งในเรื่องนี้ เธอขอให้เขาจอดรถลงไปดูรอยเลือดใกล้ๆ แล้วเธอก็ก้มหยิบก้อนกรวดเปื้อนเลือดก้อนหนึ่งมาใส่กระเป๋ากางเกง
ตอนแรกไม่มีใครรู้หรอกว่าแจงทำอะไรลงไป แต่ตอนที่ขับรถกลับกรุงเทพฯ ทุกคนได้กลิ่นเหม็นเน่าในรถ ทำให้ต้องโทษกันวุ่นวายว่าใครเก็บอะไรมา...หลานคนเล็กของดิฉันอายุแค่ 10 ขวบ เด็กผู้ชายค่ะ ซนเอาเรื่องเชียว...หนก่อนเก็บปูเสฉวนตัวโตใส่ถุงพลาสติกมาแล้วมันตาย โอย...เหม็นอย่าบอกใคร คราวนี้ก็สงสัยจะเก็บมาอีก แต่แกยืนยันว่าแกเปล่านะ!
กลิ่นเน่าดังกล่าว เดี๋ยวมาเดี๋ยวไป...คือจู่ๆ ก็ได้กลิ่น แต่อึดใจต่อมาก็ไม่มี ราวกับดับสวิตช์ไฟอย่างนั้นแหละ
รถกลับถึงบ้าน กลิ่นเน่าหายไป แต่แล้วมันก็ก่อตัวขึ้นอีกในห้องของนวลตอนกลางดึก มันเหม็นมากจนนวลต้องออกมานอนนอกห้อง มานั่งที่โต๊ะหินริมสนาม...และแล้วเธอก็เห็นภาพที่ทำให้ต้องตกใจสุดขีด
ชายคนหนึ่งยืนนิ่งอยู่หน้าห้องที่เธอนอนกับลูกสาว!
นวลคิดทันทีว่าเป็นขโมย! เธอเล่าว่าตัวชาเพราะความกลัว...กลัวว่าเขาจะหันมาเห็นเธอเข้า กลัวว่าเขาจะเข้าไปทำร้ายลูกสาวที่นอนอยู่คนเดียว
กลิ่นเน่ารุนแรงเหมือนมีใครเอาศพมาทิ้ง นวลไม่กล้าขยับตัว เธอนั่งอยู่ในเงามืด ส่วนชายที่เธอเห็นนั้น มีแสงไฟจากถนนส่องถึง...
เวลาผ่านไปอึดใจ นวลเริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ...เขายืนตัวแข็งทื่อผิดมนุษย์มนา อีกทั้งลักษณะร่างกายก็ดูแบนๆ เหมือนเอาตุ๊กตากระดาษขนาดเท่าคนจริงมาตั้งไว้...จะว่าไปแล้วก็เหมือนโปสเตอร์โฆษณาตามร้านขายยา หรือโรงหนังนั่นล่ะค่ะ นอกจากนั้นยังมีเสียงไหลจ๊อก...คล้ายคนเปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้ให้น้ำไหลเป็นเส้นลงมากระทบพื้นซีเมนต์
นวลค่อยๆ เขยิบและจ้องมอง แล้วเธอก็ต้องร้องกรี๊ดสุดเสียง...แต่เปล่าหรอก ไม่มีเสียงออกมาจากลำคอของเธอแม้แต่น้อย!
...ศรีษะของร่างนั้นแหว่งหายไปเป็นแถบ มันสมองหลุดเผละมาอยู่ตรงไหล่...ไหลลงมาตามร่างกาย ดวงตาของเขาเบิกโพลง แข็งทื่อ ปากอ้าค้าง ร่างนั้นแบนเป็นสองมิติเท่านั้น...มันเหมือนภาพคัดเอาต์ที่ทำจากกระดาษแข็งไม่มีผิด แต่มันเหม็นมาก มีกลิ่นเน่า...และมีเสียงครางโหยหวนเบาๆ จากร่างนั้นด้วย
นวลสลบไปจนเช้า ป้านิดแม่ครัวมาพบเข้าก็ตกใจกันใหญ่ สวนแจงนอนหลับไม่รู้นอนคู้ไม่เห็น แต่พอรู้เรื่องจากปากแม่ผู้ยังสั่นเทา เธอก็เอามืออุดปากอย่างตกใจสุดขีด
คราวนี้แจงจอมซนรู้แล้วว่าผีมีจริง!
เขามากับก้อนกรวดเปื้อนเลือดตรงจุดที่ถูกยิงตายอย่างทารุณ...มาเพื่อเรียกร้องบางสิ่งบางอย่าง มันอาจเป็นความเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมที่แสนเศร้า หรือมาขอส่วนบุญอย่างที่โบราณเล่ากันก็ได้
แจงต้องนั่งรถทัวร์ไปหัวหินกับนวล เอากรวดไปไว้ที่เดิม และทำบุญให้วิญญาณนั้น เธอเข็ดแล้วค่ะ แต่ยังบอกดิฉันว่าเสียดายที่ไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง...น่าจะถูกแม่ตีเสียให้เข็ดจริงๆ นะคะ!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 26 กันยายน 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น