11 กันยายน 2558

วิญญาณที่ห่วงหา

"อภิชาติ" เล่าถึงสิ่งที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอ

น้องชมพู่ เป็นเด็กหญิงวัยสี่ขวบ ตัวเล็กกระจ้อยร่อยเหมือนตุ๊กตา และช่างพูดช่างจาน่ารักน่าเอ็นดูเสียนี่กระไร เธออยู่ข้างบ้านผมเองครับ ทุกเช้าทุกเย็น จะมีเสียงเล็กๆ ใสแจ๋วแว่วลอยลมข้ามรั้วมาเข้าหูเรา และทุกครั้งที่ได้ยินก็จะอดอมยิ้มไม่ได้

พ่อกับแม่ของชมพู่หน้าตาดี ผิวพรรณดี และยังดูเหมือนวัยรุ่นมากๆอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบต้นๆ หรอกครับ เห็นแล้วนึกถึงนิยายรักเศร้าเคล้าน้ำตา แบบที่พระเอกกับนางเอกหนีตามกันมากัดก้อนเกลือกิน

พวกเขาน่าจะกำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย แต่พราวแม่ของชมพู่สมัครทำงานในร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยหน้าตลาด ส่วนโอ๊ต พ่อของชมพู่นั้น ทำงานเป็นช่างซ่อมคอมพิวเตอร์อยู่ร้านใกล้ๆ กัน ตัวชมพู่เองได้เข้าโรงเรียนอนุบาลที่อยู่ห่างจากตลาดไปแค่สองป้ายรถเมล์

ทุกเช้าตรู่พราวจะพาลูกเดินไปโรงเรียน ตกบ่ายก็จะไปรับมาอยู่ที่ร้านก๋วยเตี๋ยว ชมพู่จะเล่นง่วนกับเด็กๆ แถวนั้นจนถึงค่ำๆ ก็กลับบ้านพร้อมแม่

บ้านที่พวกเขาอยู่กันเป็นบ้านเช่าครับ พราวกับโอ๊ตมาเช่าอยู่ได้เกือบสองปีแล้วละ มันเป็นบ้านไม้เก่าๆ โทรมๆ ของป้าน้อย เพื่อนบ้านผู้ล่วงลับของผม เมื่อป้าน้อยตาย ลูกหลานก็กลัวผีกันใหญ่ เพราะแกล้มในห้องน้ำตายที่นี่ จากนั้นก็ไม่มีใครกล้าอยู่ เลยบอกเช่า มันกลายเป็นบ้านเช่ามาสิบกว่าปี มีผู้เช่าผลัดกันมาอยู่และถึงเวลาอันสมควรก็ย้ายไป

ไม่มีผีป้าน้อยหรอกครับ ทุกรายอยู่ได้สบายดี ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าของบ้านเก่าเคยนอนตายเลือดไหลนองพื้นอยู่ตรงนี้

ครอบครัวของหนูชมพู่ก็อยู่กันอย่างสงบสุขตามอัตภาพมาตลอดเวลาที่เช่าอยู่ พวกเขาเงียบๆ เรียบร้อยเป็นมิตรกับทุกคน แต่ไม่เคยพูดถึงเรื่องของตัวเอง ชาวบ้านแถวนี้ถึงแม้จะชอบสอดรู้ เอ้ย! ชอบเอาใจใส่เป็นห่วงเป็นใยเรื่องของคนอื่น แต่กลับไม่มีใครกล้าล้วงลึก สัมภาษณ์ถึงเบื้องหลังชีวิตของสามคนพ่อแม่ลูก ต่างได้แต่คาดเดาว่า นี่ต้องเป็นลูกผู้ดีหนีตามกันมาแน่ๆ พวกเขาอยู่กันตามลำพังจริงๆ ตลอดเวลาเกือบสองปีไม่เคยมีใครไปมาหาสู่ ผมไม่เคยเห็นปู่ย่าตายายของชมพู่ทั้งๆ ที่แกน่ารักน่าทะนุถนอมเหลือเกิน

เวลาคอมพ์ที่บ้านเสียผมมักจะตามโอ๊ตมาซ่อมจนเราค่อนข้างสนิทกันดีทีเดียว โอ๊ตไม่ดื่มเหล้าดื่มเบียร์ ไม่สูบบุหรี่ เขารักษาสุขภาพ

"ผมเป็นห่วงพราวกับชมพู่น่ะครับ" โอ๊ตบอกผมอย่างนี้เสมอ

เด็กดีอย่างโอ๊ต ถ้าได้เป็นน้องชายหรือลูกชาย เราคงภูมิใจน่าดู

คุณเคยคิดอย่างผมไหมครับ ว่าชีวิตคนเรานี้สั้นนัก ยิ่งคนดีก็มักจะตายเร็วอย่างน่าใจหาย สวรรค์รับเขากลับเร็วเกินไป

วันหนึ่ง ผมต้องการตัวโอ๊ตมาช่วยซ่อมคอมพิวเตอร์ แต่ปรากฏว่าพราวบอกว่าโอ๊ตไม่สบายมากอยู่ที่วชิระ และบ่ายวันรุ่งขึ้นเขาก็เสียชีวิต

ความตายของโอ๊ตเป็นเรื่องกะทันหันมาก และมันเปิดเผยเรื่องราวให้เราเห็นว่า สิ่งที่ชาวบ้านแถวนี้ทุกคนคิดไว้นั้นเป็นความจริง พ่อแม่ของโอ๊ตร่ำรวยแต่โกรธเกรี้ยวและอับอายที่โอ๊ตกับพราวชิงสุกก่อนห่าม เมื่อโอ๊ตตายพราวต้องบอกพ่อกับแม่ของเขา ผมค่อนข้างสบายใจแม้จะเศร้าเสียดายแต่ก็คิดว่าต่อไปนี้ พราวกับชมพู่คงจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พวกเธอคงจะกลับไปอยู่กับผู้ใหญ่ พราวอาจศึกษาต่อไม่ต้องเป็นเด็กขายก๋วยเตี๋ยว เธออาจได้ไปเรียนเมืองนอกเมืองนาด้วยซ้ำ

ทว่าพราวเย่อหยิ่งเกินไป เธอใจแข็ง ดื้อดึง ผู้ใหญ่ให้อภัยเธอแต่เธอยังเจ็บปวดเกินกว่าจะยอมกลับไปสู่อ้อมอกของพวกเขา

ราวหนึ่งสัปดาห์หลังจากงานศพโอ๊ต ผมกลับจากที่ทำงานตอนพลบค่ำ ขณะที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ผมได้ยินเสียงแจ้วๆ กังวานใส ดังข้ามรั้วมา

"แม่!" ชมพู่ตะโกน "แม่เข้ามาเถอะ เข้ามาสิ ไม่มีอะไรหรอก แม่!"

เธอตะโกนซ้ำซากอยู่อย่างนั้นตั้งนาน นานจนมีแววสะอื้นในน้ำเสียง

ผมลุกขึ้นไปดู ไม่ใช่แค่ยืนที่ระเบียงนะครับ แต่เปิดประตูรั้วออกไปเลยเชียวล่ะ

พราวดูตัวเล็กบอบบาง ซีดเซียวในชุดดำ เธอยืนอยู่หน้าบ้าน ใต้ไฟถนน น้ำตาอาบแก้มและมีทีท่าตื่นตระหนกกระวนกระวาย เมื่อผมถามเธอก็ตอบว่า "พี่โอ๊ตอยู่ในบ้าน หนูไม่กล้าเข้าไป"

ผมมองไปในบ้านไม้เก่าๆ ที่มืดสนิท ชมพู่ตัวน้อยยืนเกาะบันได พราวขอให้ผมไปอุ้มเธอออกมาให้หน่อย ถึงจะหนาวเยือกในสิ่งที่เธอพูด แต่ผมก็ทำใจแข็งเดินเข้าไปรับชมพู่

จังหวะที่กำลังเอื้อมแขนจะอุ้มเด็กน้อย ผมก็เหลือบมอง

ข้างประตูห้องชั้นบนริมบันได มีร่างที่คุ้นตานั่งชันเข่าอยู่ ผมมือไม้อ่อน รีบรวบตัวชมพู่ออกมาส่งให้พราว และบอกให้พราวมาอยู่ที่บ้านผมก่อน คืนนี้เธออยู่บ้านนั้นไม่ได้แน่

โอ๊ตปรากฏร่างให้ลูกเมียและชาวบ้านเห็นจนเป็นที่ร่ำลือและหวาดผวา

ในที่สุด พราวกับชมพู่จำต้องกลับไปอยู่กับพ่อแม่ของพราว

ใช่แล้วครับ โอ๊ตเห็นว่านั่นเป็นทางออกที่ดีที่สุด เมื่อพราวยังดื้อเขาก็ยังห่วง แม้ว่าจะสิ้นลมหายใจไปแล้วก็ตาม!

วันนี้บ้านนั้นมีคนมาเช่าต่อ ไม่มีผีแล้วล่ะครับ โอ๊ตหมดห่วงและไปสู่สุคติแล้วล่ะ

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่  11 กันยายน 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น