"อมรา" เล่าถึงเจ้าของห้อง ผู้ซึ่งตายไปแล้ว เกือบยี่สิบปีก่อน
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ดิฉันกับคุณแม่ไปงานแต่งงานที่อยุธยา เจ้าสาวผู้น่ารักเป็นลูกพี่ลูกน้องของดิฉันเอง งานนี้จัดที่บ้านของเธอซึ่งเป็นบ้านเก่าแก่หลังใหญ่มีบริเวณกว้างขวาง
ตอนเด็กๆ ดิฉันมาที่นี่บ่อย อยุธยาใกล้กับกรุงเทพฯ นิดเดียวเอง เจ้าของบ้านคือป้าอ้วน พี่สาวแท้ๆ ของแม่
ป้าอ้วนมีลูกสาวสามคน "สามใบเถา" ที่แสนสวย ที่มีชื่อไล่เรียงกันคือ อ้น อ้อม และอุ้ม อ้นเป็นคนโตอายุ 32 ปีเท่าดิฉัน และเราต่างก็ยังเป็นโสดสนิทเหมือนกันเปี๊ยบ อ้อมคือเจ้าสาวในวันนี้ ส่วนอุ้มเหลืออยู่แต่ความทรงจำและรูปภาพในอัลบั้ม เพราะเธอตกน้ำตายไปเมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว เธอเป็นน้องนุชสุดท้องที่น่ารักน่าเอ็นดูนักหนา ถ้าเธออยู่จนถึงป่านนี้เธอจะมีอายุ 24 ปี กำลังเป็นสาวสะพรั่งทีเดียว
ดิฉันจำได้ว่าตอนที่เราเป็นเด็กๆ ด้วยกัน อุ้มรักดิฉันมาก เวลามาที่บ้านป้าอ้วนนี้ อุ้มจะติดดิฉันแจ และร้องไห้แงๆ เมื่อดิฉันลากลับ
บ้านนี้ดิฉันไม่ได้มาเกือบสิบปีแล้วได้มั้ง เวลาผ่านไปเราโตขึ้นและมีภารกิจการงานมากขึ้น ถึงจะห่างเหินกันไปนาน แต่ความรักความสนิทสนมระหว่างครอบครัวดิฉันกับครอบครัวป้าอ้วนก็ยังคงเหมือนเดิม รวมทั้งบ้านหลังนี้ด้วย ดูมันไม่เปลี่ยนแปลงไปสักเท่าไหร่เลย ต้นไม้ยังร่มครึ้ม ตัวบ้านยังสง่างามและอบอุ่น
มาคราวนี้ เรามาค้างด้วยค่ะ ค้างคืนเดียวแหละ แขกเหรื่อมากันเป็นร้อย และญาติๆ บางคนก็มาค้างเช่นเดียวกับเรา บ้านป้าอ้วนมีห้องหับพอเพียง
คืนนั้น คุณแม่นอนกับป้าอ้วน ดิฉันนอนห้องริมสุดกับอ้นและญาติผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันอีกสองคน
ห้องนี้เป็นห้องที่พี่น้องสามใบเถา อ้น อ้อม อุ้ม นอนด้วยกันเมื่อยังเล็กๆ ทุกวันนี้เป็นห้องของอ้น เธอให้ดิฉันนอนบนเตียง ส่วนเธอกับอีกสองคนปูฟูกนอนกับพื้น
พอเอาเข้าจริง เราแทบไม่ได้นอนกันหรอกค่ะ เจ้าบ่าวจะแห่ขันหมากมาตอนตีห้าครึ่ง เจ้าสาวต้องแต่งตัวสวยสะไว้รอท่า พวกเราตื่นเต้นน่าดู ใครจะไปนอนหลับได้ลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าสาว
ดิฉันเองก็รู้สึกสนุกครึกครื้นพอกับคนอื่นๆ แต่ออกจะโชคร้ายสักหน่อยที่เผลอไปกินขนมจีบที่ใส่กุ้งเข้า ดิฉันแพ้กุ้งค่ะ นึกว่าขนมจีบนั้นเป็นหมูล้วนๆ เอ้า! พอกินได้สักพักก็ได้เรื่องเลย ลมพิษขึ้นซิคะ ปากบวมเจ่อต้องกินยาแก้แพ้ พอกินยาตัวนี้เข้าแป๊บเดียวก็พลันง่วง ดิฉันเลยต้องขอปลีกตัวไปนอนคนเดียว ปล่อยให้คนอื่นๆ อยู่สังสรรค์กันไปอย่างสนุกสนาน
ตอนดิฉันเข้านอนน่ะห้าทุ่มแล้วละค่ะ คิดว่าพอนอนจนถึงตีสี่ก็จะตื่นมาแต่งเนื้อแต่งตัว และช่วยป้าอ้วนกับน้องๆ เตรียมงาน
ในห้องนอนไม่ได้เปิดแอร์ค่ะ เปิดหน้าต่างและเปิดพัดลมก็สบายเหลือเกินแล้ว ดิฉันนอนฟังเสียงคนอื่นๆ คุยกัน หัวเราะกันอยู่ที่ชั้นล่าง สรุปว่าที่ชั้นบนนี้มีดิฉันอยู่เพียงลำพัง อีกด้านหนึ่งของตัวบ้านแม่กับป้าอ้วนก็คงเข้านอนเช่นกัน แต่จะหลับหรือเปล่าก็ไม่รู้ซิ
ขณะคิดโน่นคิดนี่เพลินๆ ดิฉันก็เข้าภวังค์แล้วก็ฝันไป
ในฝันดิฉันเห็นน้องอุ้ม เธอเป็นเด็กหญิงอายุ 4 ขวบเท่าตอนตาย เราดีใจมากที่เจอกัน ในความฝันนั้นดิฉันไม่ใช่เด็กแต่เป็นผู้ใหญ่เหมือนความเป็นจริง ทว่าขณะคุยกันเล่นกัน น้องอุ้มก็โตขึ้น สาวขึ้น มันเหมือนกับเราดูภาพยนตร์อยู่น่ะค่ะ และในที่สุดดิฉันก็ได้เห็นน้องอุ้มเป็นสาวสะพรั่ง
แปลกจัง ในความเป็นจริงมันเป็นไปไม่ได้หรอก อุ้มตายตอน 4 ขวบ เธอผู้น่าสงสารไม่มีวันได้เติบโตเป็นสาวอย่างพวกเรา
ดิฉันเริ่มรู้สึกตัวตื่นเพราะมันหนาวมาก อากาศในห้องไม่น่าจะหนาวยะเยือกขนาดนี้ ดิฉันสะท้านตัวสั่นระริก แต่ยังบังคับตัวเองให้ตื่นเต็มที่ไม่ได้
ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งเคลื่อนเข้ามาใกล้เตียง ดิฉันนอนตะแคงอยู่ร่างนั้นทรุดตัวลงนอนแนบชิดแผ่นหลังดิฉัน เธอเป็นสาวเนื้อตัวอบอุ่นนุ่มนิ่ม เธอกอดและเอาใบหน้าซุกลงกับอกดิฉัน
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอคือสาวอุ้มที่ดิฉันเห็นในฝัน
ความรู้สึกดำดิ่งสู่ความมืดมน พร้อมๆ กับเสียงหัวเราะใสๆ ของเธอ
ดิฉันตื่นอีกที นาฬิกาหัวเตียงบอกเวลาตีสี่ ความฝันยังติดตา ดิฉันรู้สึกแปลกๆ มันไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความโหยหาและอาวรณ์
ลมพิษหายเป็นปลิดทิ้ง ปากหายบวมเจ่ออย่างไม่น่าจะหายเร็วแบบนี้
ดิฉันเล่าความฝันให้ป้าอ้วนและใครต่อใครฟัง ป้าอ้วนพูดว่ายังไงรู้มั้ยคะ? เธอว่า "อุ้มยังอยู่กับเราเสมอ"
เป็นประสบการณ์ผีหลอกที่ช่างหวานเศร้า เสียนี่กระไร
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 36 - ฉบับวันที่ 7 กันยายน 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น