"สุนิศา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านจอมเจ้าชู้
สมัยเด็กๆ ดิฉันอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร ซอยอุดมสุข บางนา ที่ปากซอยมีทั้งโรงแรมและบังกะโลสุขใจ ส่วนปลายซอยมีสโมสรธนาคารกรุงเทพ สองข้างทางมีแต่ความเปล่าเปลี่ยวจนน่ากลัว ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน
น่าแปลกที่บ้านเรือนกลับไปหนาตาทางก้นซอยมากกว่าค่ะ...แต่ยังไม่คับคั่งหนาตาเหลือเชื่อเหมือนปัจจุบัน
พ่อแม่ทำงานรัฐวิสาหกิจทั้งคู่ แม้ว่าจะอยู่ไกลถึงคลองเตยก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเดินทาง เพราะมีรถบัสขององค์การมารับ-ส่งพนักงานทุกคนถึงหน้าซอยต่างๆ ในหมู่บ้าน ส่วนเด็กๆ ก็เดินไปโรงเรียนที่เขาสร้างไว้พร้อมๆ กับบ้านจัดสรรค่ะ
บ้านตรงข้ามกับเราอยู่กันแค่สองคนผัวเมีย คือลุงดาวกับป้าลำยอง
"ลุงดาว" เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของพ่อดิฉัน เคยได้ยินกิตติศัพท์มานานว่าแกเจ้าชู้ขนาดหนัก ชนิดที่ขุนแผนเรียกพี่ก็แล้วกัน!
ความจริงลุงดาวไม่ถึงกับหล่อเหลาหรอกค่ะ รูปร่างสูงโปร่งผิวขาว หน้าตาติดยิ้มแบบคนอารมณ์ดี คุยสนุก เพื่อนๆ ล้วนแต่ชอบพอกันทั้งนั้น พวกผู้ชายที่ชื่นชมว่าแกเก่ง ส่วนผู้หญิงก็ชอบพูดว่า...รู้ก็รู้ว่าเขามีเมียแล้ว อยากไปรักไปชอบเขาเองนี่นา
แม่ดิฉันเรียกแกลับหลังว่า "นายดาว" บ้าง "ตาดาว" บ้าง ทั้งๆ ที่แกอายุราว 40 ปี แก่กว่าพ่อแม่ดิฉันราว 3-4 ปีเท่านั้น
ผัวเจ้าชู้กับเมียขี้หึงคงเป็นของคู่กันนะคะ!
เราได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งบ่อยๆ ป้าลำยองต่อว่าไปร้องไห้ไป บางครั้งก็บอกว่า...ถ้าอยากมีลูกจริงๆ จะไปขอเขามาเลี้ยงก็ได้! แม่บอกว่าเมียลุงดาวเป็นหมันค่ะ ฝ่ายผัวชอบอ้างว่าอยากมีลูก จนต้องจำใจมีเมียเล็กเมียน้อยแต่ไม่เห็นลูกสักที...ลุงดาวอาจจะเป็นหมันก็ได้
ไม่ช้าป้าลำยองก็ยอมแพ้ หอบผ้าผ่อนแยกทางไปอยู่กับญาติที่คลองตัน ได้ข่าวว่าลุงดาวไปเยี่ยมเยียนเสมอแบบคนมีน้ำใจ ถึงจะเลิกร้างกันไปแล้วก็ยังถือว่าเป็นเพื่อนฝูงกันอยู่...
แม่บอกว่าตาดาวแกก็ชอบไปเท่านั้นเอง เพราะจะได้สำเริงสำราญกับสาวๆ อีกหลายคนได้อย่างเต็มที่ มาหากันถึงบ้านช่องได้สะดวกมาก
ในซอยแยกบ้านเราเป็นบ้านสองชั้นอยู่ติดทางเดิน มีต้นมะขามเทศเป็นรั้วแต่ไม่มีประตู ทำให้เข้าออกได้ง่าย ชั้นล่างเป็นห้องครัวกับห้องน้ำ ด้านหน้าลาดซีเมนต์โล่งๆ บางบ้านก็ตั้งโต๊ะกินข้าว แต่มักจะตั้งวงกันที่ระเบียงแคบๆ ติดกับหัวบันไดที่ติดลูกกรงกันสุนัขเข้าบ้านมากกว่าค่ะ
ช่วงนั้นยังมีที่ว่างเหลืออยู่หลายแปลง เพราะซื้อแต่ที่ดินไว้โดยคิดจะปลูกบ้านเองทีหลัง ทำให้บ้านเรือนในซอยแยกค่อนข้างจะห่างกันพอสมควร มีทั้งต้นแค ต้นมะละกอ ให้คนในซอยเก็บกินได้ตามใจชอบ หน้าฝนมีดอกโสนเหลืองสะพรั่งแทบทุกแปลง
ตอนค่ำๆ ลุงดาวจะมายืนเกาะลูกกรงระเบียงสูบบุหรี่แดงวาบๆ บางคืนก็มีผู้หญิงมาค้างด้วย เห็นเงาที่ม่านหน้าต่างห้องนอนอยู่เป็นประจำ...ลุงดาวคงอยากจะให้ใครเห็น พอมีสาวมาหาก็พาเข้าห้องนอนเงียบ... ชาวบ้านเห็นเสียจนไม่อยากจะเห็น
ผู้หญิงมาหาแกเอง ใครจะไปว่าอะไรแกได้เต็มปากล่ะคะ?
บางวันมีผู้หญิงมาหาลุงดาวถึงสองคน แม่บอกว่าทำงานอยู่ด้วยกันทั้งคู่...ไม่ช้าก็มีเสียงทะเลาะเบาะแว้งดังขึ้น ดิฉันได้ยินแต่เสียงผู้หญิงเกรี้ยวกราดไม่ลดราวาศอก ลุงดาวคอยร้องห้าม พ่อบอกว่า...นี่ไง รถไฟชนกัน!
คืนเกิดเหตุตรงกับวันเสาร์
ดิฉันเห็นลุงดาวยืนเกาะราวลูกกรงสูบบุหรี่แดงวาบๆ ในห้องนอนปิดไฟเงียบ...แม่บอกว่าผู้หญิงที่มาเมื่อคืนวันศุกร์ หรือวันที่ "เงินวีกออก" กลับไปแต่เช้า...คืนนี้ตาดาวคงนัดแฟนใหม่มาอีกคน! พ่อพูดปนหัวเราะว่า นึกๆ ก็น่าอิจฉาพี่ดาวเหมือนกันนะ ถ้าไม่มีรถไฟมาชนกันโครมครามเหมือนอย่างคืนนั้นอีกน่ะ
แม่ค้อนให้ ชวนกินข้าวกันที่ระเบียงจนอิ่มหนำ เราช่วยกันยกถ้วยชามลงไปล้างในครัว ลมพัดแรง ได้ยินเสียงหมาเห่าหอนมาจากก้นซอย รับกันเป็นทอดๆ มาถึงหน้าบ้านเราไปถึงถนนใหญ่...อากาศหนาวสะท้านจนขนลุกซ่าไปทั้งตัว
คืนนั้นแม่เข้านอนก่อน เพราะพรุ่งนี้ว่าจะไปตลาดนัดท้องสนามหลวง ...เรานั่งรถสองแถวไปถึงปากซอยอุดมสุขก็ขึ้นรถเมล์สาย 2 บางนา- ปากคลองตลาดไปถึงจุดหมายได้เลย
ดิฉันนั่งฟังวิทยุกับพ่อที่ระเบียง มองเห็นลุงดาวยังสูบบุหรี่แดงวาบๆ อยู่ที่เดิมพ่อก็หันไปมอง ร้องตะโกนว่า...แฟนยังไม่มาหรือพี่ดาว? แกชูมือขึ้นโบกให้เราแล้วทำท่าคล้ายกวักมือเรียก ก่อนจะหมุนตัวกลับเดินหายเข้าไปในห้องนอนใหญ่
เราไม่สนใจหรอกค่ะ ฟังวิทยุกันต่อ แต่เสียงสุนัขเห่าหอนน่ารำคาญ แถมอากาศเย็นยะเยือกลงทุกที พ่อเลยชวนดิฉันเข้านอน...พรุ่งนี้จะได้ตื่นแต่เช้า!
ตอนที่ลุกเดินตามพ่อเข้าห้อง ดิฉันยังเห็นลุงดาวกลับมายืนสูบบุหรี่แดงวาบๆ ตามเดิม แกอาจจะรอแฟนอยู่จริงๆ ก็ได้...คืนนั้นน่าแปลกที่เสียงหมาหอนดังระงมแทบตลอดคืน
วันรุ่งขึ้น เพื่อนบ้านที่ผ่านมาแวะหาลุงดาว เห็นประตูห้องเปิดแง้มอยู่เลยขึ้นบันไดไปดู...ลุงดาวกลายเป็นศพอยู่บนเตียง หน้าอกถูกแทงเกือบสิบแผล มีเลือดแดงฉานแห้งกรัง ผู้คนแห่มามุงดูแทบหมดหมู่บ้าน...ตำรวจบอกว่าแกตายมาตั้งแต่คืนวันศุกร์ อย่างช้าก็เช้ามืดวันเสาร์ สงสัยว่าผู้หญิงที่มาหาจะเป็นฆาตกร หรือไม่ก็มีคู่รักของฝ่ายหญิงตามมาฆ่าเพราะความหึงหวง ก่อนจะหลบหนีไป
พ่อแม่ดิฉันหน้าตาซีดเซียวเต็มที ได้ยินเสียงพ่อครางว่า...ที่พี่ดาวโบกมือเรียกก็คงจะให้เราไปดูศพของแกน่ะซี! อย่างนี้คงไม่เรียกโดนผีหลอก แต่ทำไมขนหัวลุกก็ไม่ทราบค่ะ?!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 18 กันยายน 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น