13 กันยายน 2558

วิญญาณเจ้าที่

"เจื้อยแจ้ว" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเรือนหอ

นกแต่งงานกับโจ้เมื่อสองเดือนที่แล้วนี่เอง เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของดิฉัน...งานแต่งงานที่หรูหราอลังการจัดที่เรือนหอของเธอแถวพุทธมณฑล เป็นเรือนหอที่สวยงามน่าอยู่มากแต่คู่บ่าวสาวใช้เป็นวิมานดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ได้ไม่ถึง 3 วันก็ต้องเผ่น!

คืนนั้นดิฉันจำได้...กลางดึกของคืนวันเสาร์เกือบตี 2 แล้วค่ะ แต่ดิฉันยังไม่ทันเข้านอนเพราะกำลังดูวิดีโอเพลินๆ จู่ๆ ก็มีเสียงบีบแตรลั่น...เสียงรถของนกแน่ๆ บ้านพ่อแม่นกหรืออีกนัยหนึ่งคือคุณลุงคุณป้าของดิฉันที่อยู่บ้านติดกับเรา

อะไรกันล่ะ...แต่งกันไม่ทัน 3 วันเกิดเรื่องแล้วเรอะ?

เสียงคุยเอะอะทำให้ดิฉันลงไปดู ปรากฏว่านกกับโจ้กำลังแย่งเล่าเรื่องอะไรสักอย่างให้พ่อแม่ของเธอฟัง นกตื่นเต้นตกใจ ตาโต หน้าซีด ปากสั่นเชียว

ไม่ได้ทะเลาะกันหรอกค่ะ ยังรักกันจี๋ แต่โดนผีหลอกมาน่ะ!

ดิฉันหัวเราะเพราะไม่เชื่อเรื่องผี...ขอสรุปอย่างรวบรัดนะคะว่า ดิฉันเองแหละรับอาสาไปนอนเฝ้าบ้านให้นก เพราะข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ยังอยู่ที่นั่นครบครัน พวกเขาเป็นห่วงบ้านแต่ไม่กล้าไปอยู่! ดูเอาเถอะ กลัวอะไรก็ไม่รู้...เป็นเอามากซะด้วย

สายๆ วันอาทิตย์ นกกับโจ้ขับรถนำหน้ารถดิฉันไปที่บ้านนั้นเพื่อขนเสื้อผ้าออกมา แล้วพูดเปรยๆ ว่า ยกบ้านให้ดิฉันอยู่ตามสบาย

"พี่แจ้ว...พี่จะอยู่คนเดียวได้เรอะคะ?" นกถามอย่างเกรงใจ น้ำเสียงดูหวาดหวั่นไม่น้อย ดิฉันตอบว่า ได้สิ ผีจะไม่มาหลอกคนที่ไม่เชื่อเรื่องผีจริงมั้ย? ขอให้นกห่วงข้าวของในบ้านดีกว่า พี่จะเฝ้าให้! อีกอย่างคือจะพิสูจน์ให้นกเห็นด้วยว่า จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรน่ากลัว

ดิฉันกับโจ้และนกคุยกันนาน แต่คุยที่นอกบ้านนะคะ นกน่ะไม่ยอมนั่งในบ้านนานเกินความจำเป็น เธอหวาดระแวงไปทุกอย่าง...อะไรจะขนาดนั้น!

ทั้งคู่จำต้องสวัสดี บ๊ายบายกลับไปเมื่อดิฉันรับรองอย่างแข็งขันว่า อยู่ได้แน่ และไม่ต้องห่วงเรื่องงานการด้วย เพราะดิฉันทำงานอิสระ ไม่จำเป็นต้องไปออฟฟิศทุกวันอยู่แล้ว

เมื่อนกกับโจ้กลับไป ดิฉันก็รู้สึกสบายๆ ยามบ่ายนั้นแสงแดดเจิดจ้า ดิฉันเปิดแอร์ และเอาเครื่องดูดฝุ่นมาทำความสะอาดบ้าน

คู่แต่งงานใหม่คู่นี้ จ้างคนมาทำความสะอาดแบบมาเช้ากลับเย็น เฉพาะวันจันทร์ พุธ ศุกร์เท่านั้นค่ะ เพราะฉะนั้นดิฉันจึงครองบ้านอย่างเสรี ดูดฝุ่นไปก็เปิดเครื่องเสียงซะลั่นบ้าน

ขณะดูดฝุ่นเพลินๆ ไฟก็ดับ เครื่องเสียงและเครื่องดูดฝุ่น รวมทั้งแอร์คอนดิชั่นหยุดทำงานไปชั่วขณะ สรรพสิ่งเงียบกริบลงฉับพลัน ดิฉันชะงักงันไม่ถึงอึดใจไฟก็มา...เครื่องไฟฟ้าทุกอย่างกระตุกเล็กน้อยเพื่อเดินเครื่อง ก่อนทำงานของมันต่อไป

ตกใจนิดๆ ไม่คิดอะไรมาก แต่อดนึกไม่ได้ว่า...นี่หรือเปล่านะ ปรากฏการณ์ผีหลอกที่นกกลัว? ไฟอาจจะดับๆ ติดๆ ทำให้เธอผู้ขวัญอ่อนผวา แต่ไม่ใช่เราแน่!

ตอนเย็น ดิฉันขับรถฉิวไปจ่ายตลาด ไม่ไกลจากบ้านนัก ทุกอย่างสะดวกดี พอถึงบ้านก็จัดการทำอาหารฝรั่งกินเอง...สเต๊กเนื้อสันกินกับสลัดผัก แต่เอ๊ะ...ไม่ได้ทอดปลาเค็มสักหน่อย ทำไมมีกลิ่นเหมือนปลาเค็มไหม้ๆ เหม็นอบอวล...มันคลุ้งอยู่ในบ้านจนต้องเปิดหน้าต่างประตูโล่งโจ้ง แถมเปิดพัดลมไล่กลิ่น

ใกล้ค่ำก็ดูทีวี...มีจังหวะหนึ่งที่หันไปขยับหมอนอิง มันมีเงาดำๆ ผ่านจากด้านซ้ายไปด้านขวา เหมือนมีใครเดินผ่านดวงไฟเปิดอยู่ทำให้เกิดเงาขึ้น

ดิฉันหันขวับ ไม่ได้คิดว่าเป็นผีหรอกค่ะ แต่เมื่อหันไปแล้วก็ไม่เห็นใคร ในที่สุดก็เดินดูรอบๆ บ้านรวมทั้งชั้นบน ว่าเราอยู่ลำพังจริงๆ เมื่อแน่ใจแล้วก็ล็อกกลอนประตูทุกด้านบ้านนี้มีหลายห้องซะด้วย...นึกว่าถ้าเลี้ยงหมาเล็กๆ สักตัวไว้เป็นเพื่อนก็คงจะดี

ไฟดับอีกแล้วค่ะ!!

ดิฉันกำลังยืนคว้างกลางห้อง ตามืดบอดไป 2-3 วินาทีก็ชินกับความมืด และแล้วไฟก็ติด สว่างจ้า...มันกะพริบๆ ทุกดวงในบ้าน ทำให้บรรยากาศน่าสะพรึงกลัว...หลังจากกะพริบวูบๆ วาบๆ อยู่พักหนึ่งมันก็เปล่งแสงสว่างจ้า

...จ้าขึ้น จ้าขึ้นจนน่ากลัวว่าหลอดจะระเบิด แต่แล้วมันก็หรี่ลงสู่ระดับปกติ

เสียงน้ำในครัวเปิดซ่า! เดินไปดูก็เห็นมันเปิดอยู่จริงๆ ค่ะ สงสัยก๊อกหลวม แต่พอลองเปิดมันก็ดีนี่คะ ดิฉันเปิดปิด ลองใหม่อีกที มันก็ปกติดีทุกอย่างเลย...

ไฟดับวูบขณะที่ยังจับก๊อกอยู่ ดิฉันกลั้นใจรอ...เดี๋ยวมันก็คงติด! แต่ไม่ติดค่ะ ไฟดับคราวนี้นานเหมือนกัน ดิฉันเช็ดมือกับผ้าขนหนูที่แขวนไว้ข้างๆ น้ำจากก๊อกทำเอาเปียกไปหมด...ทันใดนั้น ดิฉันรู้สึกว่ามีอะไรแกว่งอยู่ใกล้ๆ หัวไหล่ พอหันไปดูก็ได้เห็นภาพนั้นเต็มตา...ภาพที่ทำให้หวิดช็อกคาที่

สิ่งที่เขี่ยอยู่แถวไหล่ มันเป็นเท้าคนค่ะ! เท้าที่ลอยอยู่ในอากาศทั้งสองข้างนั้น ดูซีดขาวจนน่ากลัว...มองไล่ขึ้นไปเป็นขา มันกำลังแกว่งไปมาน่าสยดสยองสิ้นดี

นี่มันขาคนผูกคอตายชัดๆ นี่นา!!

ไม่ต้องรออะไรแล้ว ดิฉันเผ่นออกนอกบ้านได้ยังไงไม่รู้ วิ่งไปบ้านข้างๆ ร้องเรียกให้เขาช่วย ผู้คนตกอกตกใจกันใหญ่ แต่ก็มาช่วยเหลืออย่างเต็มใจ เป็นเพื่อนไปหยิบกุญแจรถในบ้าน และปลอบให้หายตกใจอยู่ตั้งนาน กว่าดิฉันจะขับรถกลับบ้านตัวเองได้

ทุกวันนี้บ้านที่เป็นเรือนหอนั่นยังปิดอยู่ค่ะ เราย้ายของออกมาหมดแล้ว ยังไม่รู้จะทำยังไงดี...บ้านน่ะสร้างใหม่ แต่ที่ดินนี้เป็นที่ผืนเก่าที่เคยมีเจ้าของเดิมอยู่อาศัย พ่อของนกซื้อต่อด้วยราคาไม่แพง

...ขาที่ดิฉันเห็นก็คงเป็นพวกเจ้าของที่ดินคนก่อนแหละค่ะ บรื๋อส์!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่  13 กันยายน 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น