"ใบไผ่" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อเจตภูตมาเยือน
ดิฉันทำงานที่บริษัทใหญ่โตมากๆ แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ถ้าเอ่ยชื่อออกไปรับรองว่าทุกท่านต้องร้อง อ๋อ....แน่ๆ เลยค่ะ!
เป็นงานเกี่ยวกับโทรคมนาคม สถานที่ทำงานของเราอยู่ในตึกใหญ่ มีหลายสิบชั้นหลายแผนก ดิฉันเป็นเลขาฯ ของผู้บริหารระดับสูงท่านหนึ่ง ท่านต้องเดินทางไปต่างประเทศบ่อยมาก แทบจะทุกเดือนก็ว่าได้
ครั้งหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ ก็เกิดเรื่องประหลาดที่ไม่มีใครสามารถอธิบายได้
เวลานายไม่อยู่ ดิฉันก็ไม่ใช่จะว่าง นั่งตีพุงสบายอารมณ์หรอกนะคะ ถึงยังไงก็ต้องติดต่อประสานงานกับแผนกอื่น เพื่อไม่ให้งานชะงักหรือติดขัด นายจะสั่งงานมาจากเมืองนอกเสมอๆ ท่านเป็นคนขยันมากค่ะ
เมื่อต้นปีที่แล้ว นายต้องไปประชุมที่ยุโรป....
คราวนี้ไปหลายวันเชียวล่ะค่ะ เกือบสองสัปดาห์แน่ะ ดิฉันจัดเตรียมเอกสาร ติดต่อเรื่องตั๋วและที่พักจนเรียบร้อย...เหนื่อยแต่ก็สนุกนะคะ พอนายออกเดินทางไปแล้ว ดิฉันอยู่ทางนี้ ยังต้องร่วมประชุมกับแผนกอื่นหลายครั้ง จริงๆ แล้วบรรดาเลขาฯ ทั้งหลายต่างรู้จักกันดี และให้ความร่วมมือกันอย่างน่าประทับใจ
วันนั้นดิฉันจำได้ มันเป็นวันที่นายใกล้จะเดินทางกลับมาแล้ว...
ดิฉันย้ำกับคนรถประจำตำแหน่งของท่าน เรื่องวัน-เวลา ที่ต้องไปรับท่านที่สนามบิน จากนั้นก็นั่งเตรียมหมายกำหนดการและเอกสารการประชุมครั้งต่อไป...ขณะนั้นเองจุ๋งก็เดินเปิดประตูเข้ามา แล้วทำหน้าตาเป๋อเหลอเชียว
"จุ๋ง" เป็นเลขาฯ ของผู้บริหารอีกแผนกหนึ่ง ซึ่งอยู่ถัดลงไปจากชั้นที่ดิฉันอยู่ถึง 3 ชั้น
"อ้าว? ท่านไปไหนเสียแล้วล่ะ?"
เธอถามเบาๆ ทำเอาดิฉันต้องเหลียวซ้ายแลขวาบ้าง ก่อนจะย้อนถามกลับไปว่า "ท่านไหน?"
"ก็...นายของพี่ไงล่ะ! คำตอบของเธอทำให้ดิฉันมึนไม่น้อย
"ท่านยังอยู่ที่ฝรั่งเศสแน่ะ พรุ่งนี้ถึงจะกลับ จำไม่ได้เรอะ?"
จุ๋งทำหน้าแปลกๆ มองดิฉันด้วยแววตางุนงง ก่อนจะพูดโพล่งด้วยเสียงมั่นใจ
"ท่านมาแล้ว! เมื่อกี้จุ๋งยังคุยกับท่านเลย"
เอาละซิ! ดิฉันวางปากกา นั่งตัวตรงขึ้นทันที แล้วยังเผลอหลุดปากอุทานว่า...เฮ้ย!...มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะคะ เออ...หรือจุ๋งจะล้อเล่น
"อำพี่ละซิจุ๋ง แหม...ไม่มีอะไรจะเล่นแล้วเหรอ ว่างมากหรือจ๊ะ?"
"อำอะไรล่ะพี่?" จุ๋งพูดเสียงหนักแน่น "เมื่อกี้ท่านเจอกับจุ๋งที่ลิฟต์ชั้นสอง"
ดิฉันแน่ใจว่าเธอจำคนผิด หรือไม่ก็ฝันกลางวัน แต่จุ๋งยืนยันได้พบท่านจริงๆ ยังยืนคุยกันตั้งนานขณะรอลิฟต์
...ท่านสวมเสื้อเชิ้ตสีครีมลายฟ้าอ่อน หน้าตาสดใส และคุยว่าที่ฝรั่งเศสหนาวมาก...พอลิฟต์มาถึงก็ปรากฏว่าคนเต็ม ท่านเลยก้าวเข้าไปคนเดียว ส่วนจุ๋งจะรอเที่ยวต่อไป แต่ก่อนที่ประตูลิฟต์จะปิด ท่านบอกว่าให้จุ๋งขึ้นมาหาดิฉันหน่อย เพื่อประสานงานเรื่องประชุม
ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อค่ะ เพราะจุ๋งพูดอย่างจริงจังมาก และทำท่าว่ามีพยานรู้เห็น...อย่างน้อยก็คนในลิฟต์พวกนั้น!
เป็นไปไม่ได้! ดิฉันงงมาก โทรศัพท์ไปถามคนรถ เขาก็ไม่รู้เรื่องว่าท่านมา บอกว่างงพอๆกับดิฉัน และเมื่อสอบถามไปที่บ้านของท่าน สาวใช้ก็บอกว่าท่านยังไม่กลับ
จุ๋งเห็นใครๆ? ถ้าเธอเห็นนายดิฉันจริง...ป่านนี้ท่านเป็นอะไรไปหรือเปล่า?
ดิฉันพยายามต่อโทรศัพท์ไปหาท่าน แต่ท่านปิดมือถือซะนี่!
จุ๋งยืนยันว่าไม่ได้หลอก เธอเห็นจริงๆ เห็นเป็นตัวเป็นตน ยืนคุยกันเหมือนคนธรรมดา แถมต่อหน้าคนอื่นๆ ด้วย แต่ไม่ปรากฏว่ามีใครเห็นอย่างจุ๋ง
รุ่งขึ้นตอนค่ำ เครื่องบินก็ลงตามเวลา และนายของดิฉันก็กลับมาตามปกติ ดิฉันถอนใจโล่งอกที่ท่านไม่ได้เป็นอะไร
เช้าต่อมา ท่านมาทำงานอย่างสดชื่น ไม่มีอาการเหนื่อยอ่อน จุ๋งแอบขึ้นมาดูท่านแล้วก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
"จุ๋งไม่ได้บ้าหรือประสาทหลอนนะพี่! จุ๋งเห็นท่านมาจริงๆ"
จนป่านนี้ ดิฉันไม่กล้าปริปากเล่าเรื่องนี้ให้นายฟัง เราได้แต่วิจารณ์กันในหมู่เพื่อนฝูง และพยายามคิดกันหัวแทบแตกว่า...ที่จุ๋งเห็นนั้นคืออะไรกันแน่?
เป็นไปได้ไหมคะ ว่านายของดิฉันห่วงงานจนกระแสจิตก่อรูปเป็นตัวตน และมาคุยกับจุ๋งเป็นคุ้งเป็นแคว โดยที่นายตัวจริงไม่รู้เรื่องด้วยเลยสักนิด!
แบบนี้เขาเรียกว่า "เจตภูต" ได้หรือเปล่าคะ?
แต่ที่แน่ๆ มันทำให้พวกดิฉันสยองไม่น้อยเลย โดยเฉพาะจุ๋ง เธอกลายเป็นคนขวัญอ่อน แอบมองนายดิฉันอย่างไม่ค่อยจะไว้ใจยังไงชอบกล
บอกตรงๆ นะคะ ตอนแรกดิฉันคิดว่าจะเป็นลางตายของนาย...คือเครื่องบินตกหรือเกิดอุบัติเหตุสยองเมื่อกลับถึงเมืองไทย! แต่เวลาผ่านไปเกือบปีแล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...ถึงยังไงก็อดขนหัวลุกไม่ได้หรอกค่ะ!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 8 มกราคม 2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น