11 มกราคม 2559

น้อยหน่าที่รัก

"ชมพู่" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อวิญญาณเพื่อนมาหา

สมัยเด็ก ดิฉันอยู่ในหมู่บ้านริมคลองประปาแถวประชาชื่น เป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่นับร้อยๆ หลังคาเรือน ผู้คนนับแล้วเป็นพันคนเห็นจะได้ค่ะ

บ้านช่องมีทั้งเล็กและใหญ่ ขนาดคฤหาสน์ก็มี เป็นกระท่อมซอมซ่อพอกันแดดคุ้มฝนได้ก็มี ไม่นับตึกแถวและทาวน์เฮาส์ที่ปนเปกัน ร้านค้า แผงลอยมีหมด รถเข็นก็มีทั้งขายสินค้ากับซาเล้ง ผู้คนส่วนมากแปลกหน้าทั้งนั้น ต่างคนก็ต่างอยู่ไม่ค่อยสุงสิงกัน

บ้านดิฉันอยู่ค่อนซอย เรารู้จักมักจี่แต่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ กัน และอยู่กันมานานตั้งแต่สมัยคุณยายยังสาวทั้งนั้น พวกเด็กๆ รุ่นเดียวกันก็กลายเป็นเพื่อนเล่นกันแทบทุกคน

สมัยนั้นรถรายังไม่พลุกพล่านหรอกค่ะ ตอนเย็นๆ โรงเรียนเลิกเราโยนกระเป๋าหนังสือเข้าบ้าน กินขนมนิดหน่อยก็ออกมาเล่นกันที่ถนนหน้าบ้าน เด็กผู้ชายก็เล่นล้อต๊อก ทอยกอง เด็กผู้หญิงก็เล่นกระโดดเชือก ซ่อนแอบ บางทีก็เล่นไล่จับกันจนส่งเสียงเกรียวกราวไปครึ่งค่อนซอย

เด็กผู้หญิงที่พ่อแม่เข้มงวดก็มักเข้าไปเล่นในบ้านเพื่อน ทั้งเล่นตุ๊กตา มอญซ่อนผ้า บางวันก็ล้อมวงเล่นหมากเก็บบ้าง เล่นอีตักบ้าง สนุกเพลิดเพลินตามประสาเด็กจนกว่าจะเย็นค่ำพ่อแม่ถึงมาตามตัวกลับบ้าน

เพื่อนสนิทของดิฉันมี 2 คนคือเปียกับน้อยหน่า ทั้ง 2 คนนั่นบ้านรั้วติดกับบ้านดิฉันซ้ายขวาเลยค่ะ ไม่ว่าจะตอนเย็นวันธรรมดา หรือวันเสาร์อาทิตย์ เปียกับน้อยหน่าจะวิ่งเข้ามาเล่นในบ้านดิฉันเป็นประจำ โต๊ะหินใต้ร่มชมพู่ริมรั้ว ใกล้ๆ ศาลพระภูมิเป็นจุดนัดพบที่เรากินขนมกัน คุยกัน ผลัดกันเล่านิทานแบบเด็กๆ สู่กันฟัง

ดิฉันกับเปียจำนิทานที่แม่เล่าก่อนนอนมาเล่าต่อ แต่น้อยหน่ามีนิทานที่เจ้าตัวบอกอย่างภูมิใจว่า...แต่งเองค่ะ!

น้อยหน้าอ้วนขาว แก้มยุ้ย ปากแดง ผมหยิกฟู นัยน์ตาดำโต ขนตางอนหยับเชียว

เธอเป็นเด็กช่างคิดช่างฝันเกินวัย อาจจะเป็นเพราะมีน้องๆ อีกตั้ง 2 คนแถมคนเล็กเพิ่ง 3 ขวบ กำลังช่างพูดช่างฉอเลาะจนพ่อแม่หลง น้อยหน่าที่อายุ 10 ขวบเลยดูเป็นส่วนเกิน ต้องอาบน้ำแต่งตัวเองมา 2-3 ปีแล้ว ตอนกลางคืนก็เล่าว่าพ่อแม่มัวแต่โอ๋น้องจนลืมน้อยหน่าไปเลย

"ก่อนนั้นแม่เคยกอดนอน เล่านิทานให้ฟังทุกคืน พอมีน้องอีก 2 คน..น้อยหน่าต้องเล่านิทานให้ตัวเองฟังทุกคืน..." เธอเคยบอกดิฉันขณะนั่งแกว่งขาเล่นที่ม้าหิน "น้อยหน่าอยากเป็นลูกคนเดียวเหมือนเธอกับเปียจังเลย!"

ถึงแม้จะสงสารเพื่อน แต่เราก็ไม่รู้จะปลอบยังไงหรอกค่ะ

ตอนค่ำๆ แม่ของเปียจะมาเกาะข้างรั้วร้องเรียกลูก แต่น้อยหน่าไม่มีใครมาเรียกหรือมาตาม จนแม่ดิฉันออกจากบ้านมาเรียกให้เข้าไปอาบน้ำกินข้าว

"อ้าว?" น้อยหน่าทำไมยังไม่กลับบ้านอีกล่ะลูก เดี๋ยวคุณแม่ก็เป็นห่วงแย่หรอก"

ดิฉันลุกขึ้นยืนมองดูเพื่อนอย่างเห็นใจ น้อยหน้ายิ้มเศร้าๆ ก่อนจะลุกเดินก้มหน้าออกจากประตูรั้วไป...ดิฉันรู้สึกเงียบเหงาและวังเวงใจแทนน้อยหน่าอย่างบอกไม่ถูก ก่อนจะวิ่งตื๋อเข้าบ้านที่มีแม่ยืนรอ...

ตอนปิดเทอมปลาย พ่อแม่น้อยหน่ามักจะพาลูกๆ ไปเยี่ยมปู่ย่าที่ลพบุรี...หลังสงกรานต์ปีนั้นก็เช่นกัน!

ถนนในหมู่บ้านโชกชุ่มมาหลายวัน เด็กๆ หลายคนถึงกับเป็นไข้เพราะเล่นสาดน้ำกันขนาดหนัก เปียเข้ามาเล่นหมากเก็บกับดิฉันแค่สองคน บรรยากาศยามเย็นดูเงียบเหงาอย่างบอกไม่ถูก...เล่นไปสักพักก็เบื่อ ว่าจะเล่านิทานสู่กันฟังก็พอดีเปียเอ่ยถึงน้อยหน่าขึ้นมา

"เมื่อไหร่จะกลับก็ไม่รู้ สงสัยจะเล่นเพลินอยู่ที่ลพบุรีแล้วละมั้ง?"

แทบจะไม่ขาดคำด้วยซ้ำ ดิฉันก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อชัดหู...ชมพู่! เปีย!

"เอ๊ะ! น้อยหน่านี่นา...กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?"

เปียร้อง ส่วนดิฉันหันขวับ เบิกตากว้างด้วยความดีใจเมื่อเห็นน้อยหน่ายืนอยู่หน้าประตูรั้ว นุ่งกางเกงขาสั้นสีขาว สวมเสื้อยืดสีชมพู ผมที่เคยหยิกสลวย ฟูเต็มหัว กลับเปียกลู่...เพิ่งสังเกตว่าเสื้อผ้าของเธอก็เปียกโชกเช่นกัน

"เล่นสงกรานต์ไม่เลิกอีกเหรอ?" เปียหัวเราะร่วนพร้อมกับกวักมือ "เข้ามาซี่! เราคิดถึงเธอจะตายแล้วรู้มั้ย?"

ดิฉันเห็นน้อยหน่ายกมือขึ้นกอดอก ร่างสั่นสะท้าน ส่ายหน้าช้าๆ

"ไม่ได้...เข้าไปไม่ได้..."

"ทำไมล่ะ?" ดิฉันย่นคิ้ว น้อยหน่าก็ชี้มือไปที่ศาลพระภูมิ...ดิฉันมองตามมือเธอไปก็ขนลุกซ่าขึ้นมาเฉยๆ ลมพัดจนยอดชมพู่แก้มแหม่มสะบัดใบเกรียวกราว...พอหันไปมองอีกทีก็ไม่เห็นน้อยหน้าแล้วค่ะ

"เอ๊ะ! น้อยหน่าหายไปไหนนะ?" เปียร้อง หันไปทางบ้านเพื่อนก็เห็นปิดประตูหน้าต่างเงียบเชียบ...เธอหน้าเสีย อ้าปากค้างก่อนจะอุทานว่า...น้อยหน่า!

แทบไม่ขาดคำก็ลุกขึ้นวิ่งตื๋อออกจากบ้าน มีดิฉันตามติด...ไม่มีวี่แววของน้อยหน่าเลย ผู้คนยังเดินกันคึ่กๆ ประตูรั้วก็ปิดสนิท...จู่ๆ เหมือนน้อยหน่าจะหายตัวไปเลย ทั้งที่เธอเพิ่งมายืนคุยกับเราที่หน้าประตูหยกๆ

พ่อแม่เธอยังไม่กลับจากลพบุรีหรอกค่ะ จะว่าเราตาฝาดก็ไม่ใช่เพราะเห็นพร้อมๆ กันทั้งสองคน...จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น พ่อแม่น้อยหน่าก็กลับมาพร้อมกับข่าวร้าย...น้อยหน่าตกน้ำตายที่หน้าบ้านปู่ย่านั่นเอง ขณะที่พ่อแม่ของเธอกำลังเล่นกับลูกชายคนเล็กอย่างเพลิดเพลิน

ไม่เคยมีใครเห็นน้อยหน่าอีกเลย เปียเองก็ยกมือท่วมหัว บอกว่า...รีบไปผุดไปเกิดเถอะน้อยหน่า อย่ามาให้เราเห็นอีกเลย แค่นี้ก็กลัวผีจนนอนไม่หลับแล้วล่ะค่ะ!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 11 มกราคม 2551

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น