23 มกราคม 2559

ตายทั้งกลม

"นฤพนธ์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากทางสามแพร่ง

คืนนั้นเป็นคืนวันศุกร์ แต่จะศุกร์ที่ 13 หรือเปล่าผมก็จำไม่ได้ เพราะมันเกิดขึ้นเมื่อราว 10 ปีก่อน ผมยังหนุ่มฟ้อ เข้าทำงานใหม่ๆ และแน่ล่ะ! เป็นคนหัวสมัยใหม่ยุคไอที ที่ไม่เชื่อเรื่องผีสักนิดเดียว

แต่นับจากคืนนั้น ผมเชื่อสนิทว่าผีมีจริง!

วันสุดสัปดาห์ปลายเดือน เพื่อนๆ ที่สนิทกันมาตั้งวง แต่พวกผมไม่ได้ไปกินกันตามผับตามบาร์หรอกนะครับ เราพากันไปที่ร้านลุงอึ่ง ที่อยู่แถวบางแคโน่น มันได้บรรยากาศดีเหลือเกิน

ลุงอึ่งผู้นี้เป็นพนักงานขับรถคนเก่าแก่ของบริษัทเรา ถึงแม้แกจะถ่อมตัวว่าต่ำต้อย แต่เราก็นับถือเพราะลุงคุยสนุก อารมณ์ดี และมีเรื่องเล่าไม่รู้จักหมดสิ้น...เป็นเรื่องเล่าสมัยเก่าๆ ที่น่าสนใจ จนผมอยากให้แกรวบรวมเขียนเป็นเล่มพ็อกเกตบุ๊ก...รับรองขายดีแน่

แต่ที่สำคัญ ลุงอึ่งทำกับแกล้มอร่อยเลิศรส แกน่าจะไปเปิดร้านอาหารมากกว่ามาขับรถอยู่แบบนี้นะครับ

พวกเรา คือเพื่อนๆ ในบริษัทกลุ่มใหญ่ มักจะไปบ้านลุงอึ่งเป็นประจำ อย่างเช่นปลายสัปดาห์แบบนี้ ผมจะบอกกับทางบ้านว่าไม่ต้องห่วง ผมอยู่ที่บ้านลุงอึ่ง ขอดื่มและคุยกันให้สบายอารมณ์ หากกลับบ้านไหวก็จะกลับ ถ้าไม่ไหวก็จะขอนอนที่ชายชาลาบ้านนั้น แล้วค่อยขับรถกลับตอนสายๆ

คืนนั้นจำได้ว่าเดือนหงายแจ่มเชียว...

บ้านลุงอึ่งเป็นบ้านไม้ปลูกง่ายๆ หน้าบ้านมีแคร่ไม้ไผ่อยู่นอกรั้ว เป็นที่ให้เรานั่งกินกันอยู่ใต้ร่มแคอย่างสนุกสนาน ลุงแกเป็นคนดังในถิ่นนี้ บางทีก็มีเพื่อนบ้านมาร่วมวง บางคนเดินผ่านก็ทักทายกันอย่างมีอัธยาศัยไมตรี

บ้านลุงอยู่ใกล้ๆ ทางสามแพร่งครับ ตอนหัวค่ำยันดึกจะมีคนเดินกันเยอะ สาวๆ ก็มีนะ เท่าที่ดูเห็นมีน่ารักหลายคนเชียวล่ะ เวลาผ่านเราพวกเธอจะทำเขินเอียงอาย บางคนยังหันมาชม้ายตามอง

ตีสอง...ดึกมากแล้ว!

สาวๆ เข้านอนกันหมด ผู้คนก็นานๆ จะมาสักที ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มๆ ที่ไปเที่ยวกลับมา ยิ่งดึกบรรยากาศก็ยิ่งดี เดือนหงายส่องแสงสว่างไปทั้งบาง หริ่งหรีดเรไรร้องระงม อยู่ในเมืองไม่ได้ยินเสียงอย่างนี้หรอกครับ

แต่ทันใดนั้น เสียงหมาเจ้ากรรมก็เริ่มโก่งคอหอนดังมาจากที่ไกลๆ พริบตาเดียว มันก็ส่งเสียงประสานรับกัน เหมือนหมาทุกๆ ตัวแถวนี้พร้อมใจกันหอนรับอะไรสักอย่างที่มนุษย์อย่างเราๆ มองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้...

"เออ! อยากเห็นผีว่ะ" เสียงห้าวๆ ดังขึ้น ไอ้หยอง-เพื่อนผมเองแหละ มันเป็นหนุ่มตัวล่ำบึ๊ก สูงใหญ่ หน้ากลมแป้น ไว้ผมหยิกฟู เราเลยเรียกว่าไอ้หยอง

พวกเรา 6-7 คน รวมทั้งลุงอึ่งถึงกับชะงักกึก หันไปมองมันอย่างฉุนๆ ปากทำด้วยอะไรเนี่ย...ดันพูดออกมาได้ท่ามกลางเสียงหมาหอน!

ชะรอยไอ้หยองจะรู้ตัวว่ากำลังเป็นจุดสนใจ มันเลยพูดต่อแก้ขวย

"อ้าว? อยากเห็นจริงๆ นะผีน่ะ! ขอดูเป็นบุญตา เกิดมายังไม่เคยเห็นสักตัว!"

พวกเราเงียบกริบ ลุงอึ่งซดเหล้าอั้ก ทำหน้าตาไม่สบายใจ

"เฮ้ย!" เพื่อนอีกคนร้องสะดุ้ง มองไปทางสามแยก พวกเราหันตามไป...

เชื่อไหมครับ เราทุกคนเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนคล้ายรอใครอยู่ที่นั่น ผมยังจำติดตาได้จนบัดนี้...หล่อนไม่ใช่คนสวย รูปร่างท่วมๆ เตี้ย ผมดัดยาวประบ่า ยืนหันข้างให้เรา...หล่อนก้มหน้าคางชิดอก นุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืดแขนกุดลายขวาง สีขาวสลับแดง...จุดเด่นคือตรงพุงของหล่อนยื่นป่องเหมือนคนท้องสัก 6 เดือน

"ใช่ผีไหมวะนั่น?" ไอ้หยองยังมองดูอยู่ ตอนที่เอียงหน้ามาถามผมเบาๆแต่เราก็ได้ยินกันทุกคน

เมื่อไม่มีใครตอบ มันก็ขยับตัวลุกขึ้น เดินส่ายอาดๆ จากแคร่หน้าบ้านลุงอึ่ง ตรงไปที่ทางสามแพร่งนั่น

"ไปตามมา!" ลุงอึ่งเอ็ดเบาๆ เหมือนกลัวสาวคนนี้จะได้ยิน แต่สายเสียแล้วผมว่าไอ้หยองมันเริ่มเมา ลูกบ้าเลยบังเกิด!

พวกเรายังไม่มีใครคิดหรอกครับ ว่านั่นเป็นผีหรือไม่ใช่ผี เราเห็นหล่อนมีเนื้อมีหนังเป็นคนธรรมดา แต่ท่าและน้ำเสียงลุงอึ่งทำให้ผมเอะใจยังไงอยู่...หันขวับไปมองไอ้หยองด้วยใจระทึก มันถึงตัวสาวคนนั้นแล้ว...

สาวเสื้อลายยืนท่าเดิม ครั้นไอ้หยองเข้าไปใกล้หล่อนก็เงยหน้าขึ้นมอง

ผมเห็นถนัดตาว่าไอ้หยองผงะ ตัวแข็งทื่อก่อนแหกปากลั่น พวกเราแตกฮือทันใด เสียงแคร่ดังโครม ลุงอึ่งเผ่นเข้าบ้านเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มันพริบตาเดียวจริงๆ ครับ

ลุงอึ่งบอกว่าจำผู้หญิงคนนั้นได้ หล่อนเป็นคนในหมู่บ้านนี้ ผูกคอตายทั้งกลมประชดผัวไปเมื่อ 3 เดือนก่อน

ไอ้หยองยืนตัวแข็งเป็นอนุสาวรีย์อยู่ตรงทางสามแพร่งตั้งนาน จนผมไปลากตัวออกมา...ซึ่งตอนนั้นผีสาวหายตัวไปกลางแสงจันทร์แล้ว

มันเป็นเรื่องประทับใจที่พวกเราเล่าทีไรก็ฮากันทุกที...เป็นตลกโหดจริงๆ ครับ!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 23 มกราคม 2551

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น