"ประคอง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากสาวใช้คนใหม่
เด็กรับใช้ที่มาอยู่กับดิฉันได้เดือนกว่าๆ นี้ท่าทางจะเก่งพอตัว กวาดบ้านถูเรือนได้สะอาด ซักรีดเสื้อผ้าได้เป็นที่ถูกใจ แถมยังทำกับข้าวกับปลาได้เข้าท่าเชียวละ...เสียอย่างเดียว เจ้าหล่อนมีพฤติกรรมบางอย่างที่เห็นแล้วน่าขนลุกชะมัดเลย!
เอ๋-มาจากเมืองน้ำดำ กาฬสินธุ์ค่ะ หล่อนอายุแค่ 18 ปี เรียนถึงม.3 ก็ออกจากโรงเรียนเพราะแม่หล่อนบอกว่าเรียนมากไปก็เท่านั้น มาช่วยแม่ทำนาดีกว่า
แหม! เอ๋ไม่ชอบเรื่องเรียนอยู่แล้วก็เลยดีใจใหญ่ แต่ทำนาปีกว่าๆ ก็ไม่ไหว รูปร่างเจ้าหล่อนบอบบางเหลือเกิน ไหนจะกลัวตัวดำ หน้าเป็นฝ้าซะอีก ผลก็คือต้องมาทำงานหาเงินในกรุงเทพฯ ประจวบเหมาะกับที่ดิฉันกำลังต้องการคนรับใช้แทนคนเก่าที่ลาไปแต่งงาน
สาวใช้ข้างบ้านที่เป็นญาติห่างๆ กับเอ๋ ก็เลยพาเธอมาฝากทำงานกับดิฉัน
สัปดาห์แรกผ่านไป ดิฉันเอ่ยปากชมกับลี-สาวใช้ข้างบ้านที่พาเอ๋มา ว่าเอ๋ทำงานดี หน้าตายิ้มแย้ม มีอัธยาศัย ดิฉันพอใจมาก
หลังจากนั้นไม่นานก็เริ่มมีอะไรแปลกๆ เมื่อสังเกตว่าเอ๋มักจะชอบพูดพึมพำคนเดียวอยู่ตลอดเวลา อย่างเช่น ขณะกวาดบ้าน เธอก้มหน้าก้มตากวาด บางครั้งก็ย่อตัวลงไปเพื่อกวาดใต้โต๊ะ ใต้ตู้ ส่วนปากก็จะพูด ...และพูดไม่หยุด เหมือนกำลังคุยกับใครสักคนอย่างเพลิดเพลิน!
"เอ๋ คุยอะไรน่ะ? เห็นคุยอยู่คนเดียวตั้งนาน" ดิฉันถามยิ้มๆ หล่อนหัวเราะกิ๊กเหมือนขบขันเต็มประดา
"แหม...คุณเห็นรึคะ? ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูเล่นละครกับตัวเองน่ะ แก้เหงา! แล้วทำงานไม่เหนื่อยด้วย สนุกดีออกค่ะ"
มันน่าจะส่งไปสมัครเป็นดาราละครวิทยุนัก แบบนี้เรียกว่ามีแววใช่ไหมคะ?
แต่การคุยเล่นกับตัวเองของเอ๋มันไม่ได้มีแค่นั้นหรอกค่ะ หลังจากวันที่ดิฉันไปทักเข้าเอ๋ก็ระวังตัวมากขึ้น หล่อนจะชำเลืองหางตาเวลาก้มหน้าก้มตากวาดบ้านถูบ้าน ถ้าเห็นดิฉันอยู่แถวๆ นั้นหล่อนก็จะเงียบ บางทีก็ทำเสียงจุ๊ๆ เบาๆ คล้ายจะห้ามใครบางคนให้หยุดพูด...
ใครบางคนผู้ไม่มีร่างกาย!
ลองเป็นขนาดนี้ ดิฉันชักจะกังวลเรื่องสภาพจิตของหล่อนแล้วสิ คุณคงนึกออกนะคะ ว่าถ้ามีคนสติไม่ดีอยู่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เราเพลินๆ อยู่ตามลำพังในบ้านของเราเองน่ะ มันน่าหวาดผวาแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ดิฉันจะขอทนดูพฤติกรรมของหล่อนอีกสักพักก็แล้วกัน เอ๋ยังดูไม่เป็นอันตรายอะไร ที่สำคัญก็คืองานดี ยิ้มแย้มแจ่มใส และไม่ลักขโมย ไว้ใจได้เลยค่ะเรื่องเงินๆ ทองๆ
ระยะเวลาไม่ถึงสิบวัน อาจจะเร็วไปที่จะตัดสินใจว่าใครซื่อสัตย์ แต่ดิฉันเคยให้แบงก์ใบละพันไปซื้อของหลายครั้ง หล่อนก็ทอนมาครบทุกบาททุกสตางค์เสมอ
ดิฉันไม่ใช่คนเดียวในบ้านที่เห็นเอ๋คุยกับลมกับแล้งแบบนี้ ป้ามา-คนครัวของเราก็เห็น แกเล่าว่า เวลากินข้าวเอ๋จะไม่กินพร้อมคนอื่นๆ แต่จะตักเข้าไปกินในห้อง มีจานข้าว ถ้วยกับข้าว ใส่ถาดเป็นสำรับอย่างดี
ห้องของป้ามาอยู่ติดกับห้องเอ๋ แกได้ยินบ่อยๆ ที่เอ๋พูดว่า "มาสิ...มากินด้วยกันนะ! นี่...อันนี้อร่อยมากเลย กินเยอะๆ"
เอาล่ะสิ! สงสัยเจ้าหล่อนจะเลี้ยงผีซะละมั้งนี่?
ป้ามากับพวกสาวรับใช้ที่เป็นพี่เลี้ยงหลานดิฉัน แอบมาปรึกษาว่าท่าทางน้องเอ๋ของเราจะบ้า หรือก็เป็นพวกหลงใหลไสยศาสตร์!
มีเรื่องแปลกอีกอย่างเกิดขึ้นค่ะ...
เช้าวันหนึ่งดิฉันตื่นลงมา อากาศเย็นสบายเชียว เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า...ขณะเดินลงบันไดก็เห็นเอ๋กวาดบ้าน และมีเด็กผู้ชายอายุราวสิบขวบนัวเนียอยู่ไม่ห่าง แต่พอลงมาถึงชั้นล่างก็ไม่เห็นใคร นอกจากเอ๋...ที่หยุดเล่นละครพูดแล้วหันมามองยิ้มๆ
ดิฉันคงจะตาฝาดไปเอง...แต่ถึงยังไงก็ยังมั่นใจว่าเห็นเด็กผู้ชาย! คิดไปคิดมาก็ขนลุกซู่เลยค่ะ นี่แปลว่าเอ๋เลี้ยงผีจริงๆ อาจจะเป็นกุมารทองก็ได้...น่ากลัวจังเลย
เมื่อสงสัยหนักๆ เข้า ดิฉันก็หาโอกาสไปถามลีว่ารู้ไหมว่าเอ๋มีอะไรแปลกๆ ลีทำหน้างงงัน ดิฉันก็เลยเล่าว่าหล่อนพูดคนเดียวเป็นคุ้งเป็นแคว มิหนำซ้ำยังชวนลมชวนแล้งกินข้าวด้วยกันทุกมื้อ!
พอเล่าถึงตรงนี้ ลีร้องอ๋อ...แล้วหล่อนก็เล่าความเป็นมาให้ฟังอย่างหมดเปลือก...
"เอ๋ไม่ได้บ้าหรอกค่ะคุณ ไม่ได้เลี้ยงผีด้วย สบายใจเถอะค่ะ เด็กคนนี้เป็นเด็กดีถึงจะโง่ๆ ไปหน่อย" ลีเกริ่นนำ ก่อนจะบอกต่อ "แต่เมื่อ 2-3 ปีก่อนน้องชายคนเล็กของเอ๋ชื่อเอก ตกน้ำตาย เอ๋รักน้องมากๆ รับไม่ได้เลยค่ะ คนที่บ้านน่ะรู้กันทั้งนั้นว่าเอ๋ชอบคุยคนเดียว แต่สำหรับเอ๋แล้ว ...มันคุยกับน้องมันค่ะคุณ!"
ถ้างั้นดิฉันก็ไม่ได้ตาฝาด เด็กชายที่เห็นคงเป็นเอกแน่ๆ ดิฉันรีบเล่าให้ลีฟัง หล่อนร้องอุทานแล้วยกแขนให้ดู...ขนลุกเกรียวไปหมด
ใจหนึ่งดิฉันก็กลัวผี อีกใจก็สงสารและซาบซึ้งความรักระหว่างพี่น้อง...เป็นอันว่า ดิฉันเข้าใจแล้วถึงอาการแปลกๆ ของสาวใช้คนนี้ ทำอย่างไรได้ล่ะคะ จะไล่ออกก็เสียดาย คนยิ่งหายากอยู่
ตั้งแต่นั้นดิฉันก็อยู่กับเอ๋ได้สบายดี ขึ้นเงินเดือนให้หล่อน และแอบภาวนาว่าอย่าให้เอกมาปรากฏตัวให้เห็นอีกเลย!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 16 มกราคม 2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น