"น้ำตาล" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากพะเยา
น้องแสงมาจากพะเยา ปีนี้เธออายุ 17 ปี จวนจะจบ ม.6 อยู่รอมร่อแล้ว เธอเข้ากรุงเทพฯ เมื่อ 3 ปีก่อน มาอยู่กับแม่ที่ทำงานเป็นแม่ครัว
เมื่อคืนนี้พระจันทร์เกือบเต็มดวง เป็นคืนก่อนวันลอยกระทง เรานั่งล้อมวงคุยเรื่องผีกัน มีดิฉันกับลูกชายวัยรุ่นสองคน เพื่อนของลูกที่มาค้างที่บ้าน ต้อมซึ่งเป็นแม่ของแสงและแสงเอง
เรานั่งที่โต๊ะหินข้างสนาม ไม่ได้เปิดไฟ แต่จุดเทียนหอม...ที่ออกมานั่งคุยจนดึกดื่นเที่ยงคืนแบบนี้ก็เพราะอากาศเย็นสบาย พระจันทร์ก็สวย ทุกอย่างดูสงัด นานๆ จะมีเสียงจุดพลุมาจากบ้านไหนก็ไม่รู้ ดังมาเป็นระยะๆ
มันเป็นบรรยากาศที่น่าเล่าเรื่องผีมากเชียวละ!
ลูกชายดิฉันเป็นคนเริ่มต้นก่อน แต่เรื่องผีที่เขาเล่าก็เป็นเรื่องแบบเดิมๆ ซึ่งมันมีแง่มุมที่แปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ...เรื่องผีนี่เล่าซ้ำสักกี่ครั้งก็ยังฟังสนุกอยู่นั่นแหละ เสียแต่มันจืดไปนิดหน่อยเท่านั้น
ขณะกำลังอยากฟังอะไรที่มันใหม่ๆ น้องแสงก็เอ่ยขึ้นราวกับจะรู้ใจ
"แสงก็เคยเจอผีค่ะ" เธอเป็นคนหงิมๆ พูดอะไรก็พูดเสียงเบาๆ เรียบๆ เหมือนไร้อารมณ์ แต่คราวนี้เราทุกคนหูผึ่งไปตามๆ กัน
แสงเล่าว่า ตอนนั้นเธออายุเพียง 12 ปี ยังเด็กมาก ตัวกะเปี๊ยกเดียวและอยู่ที่บ้านของย่า ซึ่งเป็นบ้านไม้ 2 ชั้นหลังใหญ่ ย่ามีลูก 4 คน คนโตก็คือพ่อของแสง อีก 3 คนเป็นผู้หญิงทั้งหมด อาที่เป็นน้องรองจากพ่อชื่อสวย...ตายไปตั้งแต่แสงอายุได้ 5 ขวบ ส่วนอีกคนหนึ่งมาทำงานที่กรุงเทพฯ เหลือแต่อาสุดใจคนเดียว
ปกติลูกสาวคนเล็กของย่าจะนอนกับแสงที่ห้องชั้นล่างข้างบันได...ทว่าคืนที่เกิดเหตุนั้น อาสุดใจไม่อยู่บ้าน ไปค้างกับเพื่อน แสงก็เลยนอนคนเดียว
กลางดึก...แสงลืมตาตื่น ห้องมืดสนิท ดีนะที่มีแสงจันทร์ส่องมาทางหน้าต่าง...เธอพลิกตัวและหันหน้ามาทางประตูห้อง
ทันใดนั้น เธอเห็นว่าที่ประตูมีเงาของใครคนหนึ่งยืนทะมึนอยู่!
เงานั้นเป็นคนสูงใหญ่ และต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆ เพราะแสงเห็นผมที่ยาวและฟูจนเป็นกระเซิง...
"เขายืนที่ประตูค่ะ ยืนเฉยๆ หนูก็จ้องใหญ่เลย คิดว่าใครกันนะมายืนอยู่มืดๆ"
เธอเด็กเกินกว่าจะกลัวว่าเป็นผู้บุกรุก หรือขโมยขโจร ในใจเต็มไปด้วยความงุนงงสงสัยว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร? มาทำอะไรอยู่ในห้องนอนนี้?
"หนูก็เลยไปหยิบไฟมาส่อง...พอส่องไปเงาก็จางจนหายไปหมด เห็นแต่ประตู พอปิดไฟฉายเขาก็ยืนตรงที่เดิมไม่ได้ไปไหน หนูเลยรู้ว่านั่นไม่ใช่คน! แล้วหนูก็ขนลุกซ่าไปทั้งตัวขึ้นมาเฉยๆ เลย"
พอถามว่ากลัวมากไหม? แสงตอบว่ากลัวมากอยู่เหมือนกัน คิดอยู่ตั้งนานว่าจะทำยังไงดี? ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจได้ว่าจะไม่ขออยู่ร่วมห้องกับผีตัวนี้จนตลอดคืนหรอก
แต่จะทำยังไงดีล่ะ?
ผียืนทะมึนขวางประตูอยู่อย่างนั้น! จะปีนหน้าต่างออกไปก็ไม่ได้เพราะติดลูกกรงแน่นหนา...
แสงกดไฟฉาย เปิด ปิด-เปิด ปิด และเธอก็พบว่า ยิ่งทำอย่างนั้นมันก็ยิ่งเพิ่มความสยดสยองเข้าไปใหญ่ จะให้ลุกขึ้นเปิดไฟห้องนอนน่ะเหรอ? สวิตช์ไฟอยู่ตรงประตู...ผีมันยืนบังอยู่เต็มๆ เลยค่ะคุณ!
ในที่สุด แสงก็ลุกขึ้นอย่างกล้าหาญ แล้วเดินตัวตรงแน่วไปที่ประตูนั้น...
เปล่าค่ะ เธอไม่ได้เปิดไฟ แต่ไหนๆ ก็มาถึงนี่แล้ว เธอถอดกลอนประตูเพื่อจะออกจากห้องนี้ให้เร็วที่สุด
"ผียืนอยู่เหมือนเดิม หนูต้องเอามือลอดข้อศอกเขาไปเปิดกลอน เขาก็ก้มลงมองหนู โดยที่ตัวไม่ได้ขยับมาเลย เขาจ้องตาขาว ไม่เห็นตาดำ...จนหนูเปิดประตูออกไปได้...ตอนอยู่ใกล้ๆ เขา หนูขนลุก ผมตั้งเลยค่ะ"
แสงเดินขึ้นบันไดไปเรียกพี่ชายที่นอนอยู่หน้าห้องย่า พี่คนนี้เป็นลูกของอาคนที่มาทำงานในกรุงเทพฯ น่ะค่ะ เขาบวชเพิ่งสึกออกมา ผมยังเกรียนอยู่เลย
พี่ชายแสงเดินลงบันไดมา ชะโงกมองแล้วก็ถอยกลับอย่างเร็ว ก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปในห้องพระ และอุ้มพระพุทธรูปจากหิ้งพระลงมา...เงานั้นก็หายไป
คืนนั้นแสงกลับเข้าห้อง ส่วนพี่ชายก็นอนในห้องนี้แหละ โดยวางพระไว้บนโต๊ะข้างประตู และผีก็ไม่มาปรากฏตัวอีก
ส่วนผีตนนั้น พี่ชายจำหน้าได้แม่นว่าคือ "อาสวย" ที่ตายไปเมื่อแสงอายุ 5 ขวบนั่นเอง เธอมาในสภาพของศพ คือห่อผ้าตราสัง มายืนเหมือนคนคลุมผ้าขาว ผมยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง หน้าบวมอืด และมีแต่นัยน์ตาขาว...
ทำไมไม่ไปผุดไปเกิดก็ไม่รู้สิ?
แสงเล่าจบพวกเราก็เยือกไปทั้งสันหลัง...เธอเห็นผีจริงๆ น่ากลัวมากด้วย และนั่นเป็นครั้งเดียวที่แสงเจอผี...ตั้งแต่นั้นอาสวยไม่ได้มาหาอีกเลยค่ะ!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 5 ธันวาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น