"นรินทร์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากพรพิเศษของตัวเอง
หลายๆ คนเชื่อว่าตัวเองมีสัมผัสพิเศษ หรือเป็นพรสวรรค์เหนือกว่าเพื่อนมนุษย์ทั่วๆ ไป เช่น รู้ล่วงหน้าว่าใครจะมาหา หรือคิดว่าจะมีโชค-มีเคราะห์ แล้วสิ่งนั้นก็เกิดขึ้นจริงๆ บางคนแค่ได้แตะเนื้อต้องตัวใครก็รู้แล้วว่าคนๆ นั้นกำลังคิดอะไรอยู่ ยิ่งกว่านั้นก็คือได้ล่วงรู้เบื้องหลังเขาจนหมดสิ้น ว่ามีความลับอะไรบ้างที่ปกปิดซ่อนเร้นอยู่
คนเราย่อมมีความลับทุกคนน่ะแหละครับ บางคนก็มากกว่าหนึ่งอย่าง!
เพื่อนผมคนหนึ่งแปลกประหลาดกว่าใครๆ ตรงที่...ถ้าเขาคิดถึงญาติมิตรคนไหนที่ไม่ได้พบปะหรือติดต่อกันนานๆ แล้วเกิดโทรศัพท์ไปหา...แค่ไม่เกิน 3 วัน 7 วัน คนที่เขาโทรศัพท์ไปคุยด้วยนั้นจะล้มตายไปดื้อๆ
ตายด้วยอุบัติเหตุก็มี เจ็บไข้ได้ป่วยจนเสียชีวิตกะทันหันก็มี
ผมเองก็มีพรพิเศษที่น่าสยองเหมือนกันครับ!
ถ้าผมได้พบเห็นคนที่รู้จักโดยบังเอิญ โดยเฉพาะญาติมิตรที่ห่างหายไม่ได้พบปะกันนานๆ เพราะแยกย้ายกันไปบ้าง อยู่ห่างไกลกันบ้าง ทั้งๆ ที่อาจจะติดต่อกันได้ง่ายๆ ทางโทรศัพท์ แต่ต่างคนก็ต่างวุ่นด้วยกิจธุระของตัวจนไม่ได้พบหน้า หรือแม้แต่พูดคุยกันทางโทรศัพท์...ไม่ช้าจะได้ข่าวว่าเขาตายแล้ว
เย็นหนึ่ง ผมกำลังเดินจากแผงขายหนังสือจะเข้าซอยบ้าน ก็เหลือบไปเห็นรุ่นพี่คนหนึ่งชื่อวิชิต เคยทำงานอยู่ด้วยกันแถวถนนราชดำเนิน เมื่อราว 5-6 ปีก่อนเขาโดนย้ายไปอยู่เพชรบุรี...และตั้งแต่นั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
ผมเห็นพี่วิชิตขับรถผ่านไปช้าๆ มีสาวสวยนั่งเคียงข้าง...ไม่มีพี่วลัย-ภรรยาเขาแน่ๆ ผมร้องเรียกชื่อพี่วิชิตดังๆ จนมีคนหันมามอง แต่รถที่ติดแอร์ปิดกระจกมิดชิดทำให้เขาไม่ได้ยิน ผมวิ่งเหยาะๆ เข้าไปด้วยอารามดีใจ...จังหวะเดียวกับที่มีสัญญาณไฟเขียว พี่วิชิตเร่งรถแล่นปราดออกไปทันที
คิดว่าผมคงเห็นเขาข้างเดียว แต่เขาไม่เห็นผมแน่ๆ
วันรุ่งขึ้นก็เห็นข่าวในทีวีว่าพี่วิชิตเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำแถวมหาชัย เสียชีวิตคาที่พร้อมกับเพื่อนสาวที่นั่งเคียงข้างอยู่ด้วย!
อ๋อ! ผมไม่ได้เห็นผีหรอกครับ เพราะดูตามเวลาที่ผมพบพี่วิชิตน่ะ เขายังไม่ตาย
ลุงไสว-คนในซอยบ้านผมนี่เอง ระยะหลังๆ ไม่ได้พบปะกันปีเศษ วันดีคืนดีผมเห็นแกเดินในห้างสรรพสินค้าแถวลาดพร้าว ผู้คนคึ่กๆ โดยเฉพาะหนุ่มสาวค่อนข้างหนาตา ผมเห็นลุงไหวยืนอยู่หน้าบูธขายมือถือ มีสาวสวยเป็นพรีเซ็นเตอร์ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ชอบไปมุงดู ส่วนมากจะซักถามแบบเจ๊าะแจ๊ะกับเด็กสาวๆ หน้าตาสะสวยมากกว่าจะคิดซื้อของ ลุงไหวเองก็เพิ่งจะ 50 เศษ หน้าตายังมีเค้าหล่อเหลาแบบหนุ่มใหญ่
คราวนี้ผมไม่ได้เรียก แต่เดินแหวกคนเข้าไปหา...เชื่อมั้ยครับ? เมื่อตะกี้ยังเห็นลุงไหวยืนจีบเด็กอยู่แท้ๆ แต่ตอนนี้แกหายไปไหนก็ไม่รู้?
เด็กสาวคนนั้นกำลังยิ้มแย้มกับคุณลุงอายุใกล้ 60 อีกคน ผมชักงง ได้แต่เหลียวแลไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นลุงไหว...นอกจากด้านหลังไวๆ ที่เดินห่างออกไป เกือบจะวิ่งตามไปเรียกแกอยู่แล้ว...แต่เพื่ออะไรล่ะครับ?
ผมเลิกสนใจ...จนอีก 2-3 วันต่อมาก็ได้ข่าวว่าลุงไหวหัวใจวายไปแล้ว!
บอกตรงๆ ว่าผมชักสยอง...จนกระทั่งวันหนึ่งผมไปซื้อของที่อ.ต.ก. ตอนบ่ายๆ ขากลับออกมายืนรอแท็กซี่ พอดีเห็นครูสมศรีนั่งรถเมล์ผ่านไปช้าๆ เหมือนภาพสโลว์โมชั่น...
เธอเคยสอนลูกชายผมตอนเรียนอนุบาลเมื่อ 3 ปีก่อน เราสนิทสนมกันพอสมควร ครูสมศรีเป็นคนหน้าตาดี ผิวขาว รูปร่างสมส่วน เท่าที่รู้ก็คือเธอยังโสด แต่เห็นมีหนุ่มๆ มารอรับหน้าโรงเรียน บางวันมีหนุ่มขับรถเก๋งมารับตัดหน้าไปก่อนก็มี
ครูสมศรีนั่งริมหน้าต่าง ดูเหมือนเธอจะหันมาทางผมแว่บหนึ่ง...แล้วรถเมล์ก็แล่นห่างออกไป...
อาทิตย์นั้นเองก็มีข่าวครูสาวถูกแทงตาย หมกศพไว้ในห้องพักแถวลาดพร้าว! ตำรวจสันนิษฐานว่าฆาตกรคงจะเป็นคนที่ผู้ตายสนิทสนม อาจจะเป็นคนรักที่เกิดความหึงหวงจนมีปากมีเสียงกัน แล้วฝ่ายชายก็ใช้อาวุธมีดแทงครูสมศรีจนเสียชีวิต ก่อนจะเก็บทรัพย์สินไปเพื่ออำพรางคดี
ผมนึกทบทวนเรื่องเก่าๆ แล้วขนหัวลุกเกรียวกราว...
นี่แปลว่าผมมีสัมผัสพิเศษ...พรสวรรค์หรือครับ? ความจริงน่าจะเรียกว่าพรนรกมากกว่า!
จนกระทั่งค่ำหนึ่ง ผมลงรถเมล์ที่หน้าแผงขายหนังสือพิมพ์ ลมพัดอู้ๆ เหมือนจะมีฝนกระหน่ำลงมา เศษกระดาษปลิวว่อน ผู้คนจ้ำอ้าวจนแทบจะชนกัน ผมเองก็รีบร้อนมุ่งหน้าไปทางปากซอย...ขณะนั้นเองผมก็เห็นวันชัยเข้าพอดี...
ญาติห่างๆ อายุใกล้ 40 ทำงานไม่เป็นหลักเป็นแหล่ง สนใจกับเรื่องเที่ยวเตร่และสุรานารีมากกว่า เราไม่ได้ติดต่อกันมาหลายปีแล้ว วันชัยย้ายไปอยู่ที่เชียงรายกับครอบครัวที่มีอาชีพค้าขายเมื่อราว 4-5 ปีก่อน...ว่าแต่เขามาทำธุระอะไรที่กรุงเทพฯ โดยไม่บอกกล่าว?
หันไปมองก็เห็นหลังไวๆ ก่อนจะลับไปในแสงไฟ ลมพัดแรงทำให้ผมรีบเลี้ยวเข้าซอยบ้าน...นึกสังหรณ์ว่าจะเป็นลางร้ายอีกหรือเปล่า?
พริบตานั้นเอง! ซอยแคบๆ ที่สว่างไสวก็พลันดำมืด ความหนาวเย็นจู่โจมเข้าจับต้นคอ ก่อนจะแล่นซ่านไปตามไขสันหลัง ปากคอแห้งผาก แข้งขาอ่อนเปลี้ยจนแทบจะไม่มีเรี่ยวแรงก้าวต่อไป เมื่อนึกได้ว่า...ปีกลายนี้เองมีข่าวว่าวันชัยเป็นมะเร็งตับตายเสียแล้ว...
ผมติดงานจนไม่ได้ไปงานศพเขา แต่วันชัยก็โผล่มาหาจนได้...ขนหัวลุกนะซีครับ!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 24 ธันวาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น