11 ธันวาคม 2558

ศาลาหกเหลี่ยม

"กลิ่นพิกุล" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากศาลาริมสนาม

ซุ้มศาลาไม้ทรงหกเหลี่ยมนั้นสวยสะดุดตาสะดุดใจดิฉันจริงๆ ตั้งแต่แรกเห็นที่ร้านต้นไม้แถวบางแค มันถูกใจจนต้องจอดรถลงไปเจรจากับเจ้าของร้าน...ในที่สุดมันก็ถูกยกมาไว้ที่บ้านแถวบางพลัด


"เหตุผลหนึ่งดิฉันอยากได้มันเหลือเกิน ก็เพราะปีนี้คุณแม่อายุครบ 60 ปี ท่านเคยพูดมานานแล้วว่าอยากมีศาลาเล็กๆ ตั้งริมสนาม เวลาแขกไปใครมาจะได้มานั่งคุยกันในที่โปร่งโล่ง...แทนที่จะอุดอู้อยู่ในห้องรับแขก

สนามหญ้าบ้านเรากว้างขวาง มีดอกไม้ปลูกไว้สะพรั่งเชียวค่ะ...

ต้นจำปีที่อยู่มาตั้งแต่สมัยคุณยาย ซึ่งก็เกือบ 50 ปีแล้ว...ก่อนดิฉันเกิดตั้ง 10 ปีแน่ะ ต้นสูงใหญ่ ออกดอกสะพรั่ง หอมกรุ่นขจรขจาย และให้ร่มเงาอย่างวิเศษ

มุมสนามด้านหนึ่งมีซุ้มนมแมว ส่งกลิ่นชื่นใจทุกค่ำคืน บางคนบอกว่ามันหอมแรงจนฉุนน่าเวียนหัว แต่ดิฉันชอบมาก มันได้บรรยากาศไทยๆ ดีออก

คุณแม่เป็นแบบฉบับผู้หญิงไทยเต็มตัว คือทำกับข้าวเก่งเช่นเดียวกับน้องสาวซึ่งยังเป็นโสด เธอใกล้ 30 แล้วค่ะ คิดว่าอยู่ตัวคนเดียวสบายกว่า เธอจะหาแต่หนุ่มๆ ที่สมบูรณ์แบบ...ชาตินี้ไม่ได้แต่งงานแน่ๆ

เมื่อทางร้านขนซุ้มศาลามาตั้งข้างซุ้มราชาวดี คุณแม่ก็ชอบอกชอบใจมาก...

ศาลาไม้หลังนี้สวยแปลกตาดีจริงๆ มีขอบเป็นไม้ที่ฉลุลวดลายเถาวัลย์ งดงามมาก ถ้าดูดีๆ จะเห็นว่าเขาแต่งเป็นฝูงนก ฝูงกระต่าย แฝงอยู่ในเครือเถาวัลย์นั้นด้วย

ศาลากลางสนามทั่วๆ ไปมักจะเป็นทรงกลม แต่หลังนี้เป็นหกเหลี่ยมขนาดกำลังดี นั่งได้สบายๆ สิบคน ตรงกลางอาจจะมีโต๊ะไม้เล็กๆ ไว้วางขนม วางอาหารได้ น้องสาวจัดแจงยกเตาบาร์บีคิวมาไว้ใกล้ๆ ให้เราฉลองศาลาในค่ำคืนแรก ด้วยการย่างเนื้อ ย่างกุ้ง นั่งกินกันเพลิดเพลิน...

ไม่กี่วันต่อมา มีเพื่อนคุณแม่มาหาที่บ้าน

ดิฉันเรียกท่านว่าคุณป้ารจิต อายุ 70 กว่าแล้วนะคะ แต่เก่งมาก คล่องแคล่ว คุยสนุก ยังขึ้นรถเมล์หรือซ้อนมอเตอร์ไซค์ได้ราวกับสาวๆชอบทำอาหารเหมือนคุณแม่...ด้วยความที่เป็นเชื้อสายตระกูลผู้ดีชาวรั้วชาววัง ท่านจึงมีความรู้เรื่องไทยๆ มาสอนพวกดิฉันเสมอ

พอคุณป้ารจิตเห็นศาลาหกเหลี่ยมริมสนามของเรา ท่านถึงกับชะงักและมองมันอย่างพิจารณา พลางถามเสียงเรียบๆ เย็นๆ ว่า "นั่นหนูได้มาจากไหน?"

ดิฉันเล่าให้ฟัง คุณป้ารจิตครุ่นคิดอยู่นาน พอคุณแม่ขอตัวเข้าครัว ท่านก็บอกว่า เดี๋ยวจะตามไป แต่ดึงมือดิฉันไปคุยด้วย

...เล่าว่าศาลานี้ท่านจำได้ไม่ผิดแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีกระต่ายตัวหนึ่ง ตรงหูมันหักไป! ท่านชี้ให้ดู และดิฉันก็ออกจะตกใจไม่น้อยเลย เพราะแสดงว่าคุณป้าจำไม่ผิด!


เดิมที ศาลานี้อยู่ที่บ้านผู้ดีเก่าท่านหนึ่ง มันเคยวางริมสนามแบบนี้ เคยเป็นที่สำราญใจของผู้คนมายาวนาน

แล้วทำไมเจ้าของถึงได้ขายมันล่ะ?

"ทำบุญนะหนู" คุณป้ากระซิบ "นิมนต์พระมาทำสังฆทานก็ได้...ทำซะนะ!"

ท่านย้ำแล้วย้ำอีก จนดิฉันสังหรณ์ใจว่าต้องมีอะไรแน่ๆ แต่ท่านไม่ยอมเล่า

ไม่ทราบว่าเพราะคิดฟุ้งซ่านหรือเปล่า? ดิฉันฝันว่าตัวเองไปอยู่ในบ้านใหญ่หลังหนึ่ง มีศาลาหกเหลี่ยมนี่ตั้งริมสนาม และมีงานเลี้ยงที่ติดไฟระยิบระยับไปหมด

ฉับพลัน มีแขกคนหนึ่งในงานล้มพับ และถูกหามมานอนบนม้านั่งในศาลา...ซึ่งนาทีนั้นเอง ชายสูงวัยที่ล้มนั่นก็กลายเป็นศพ และศพนั้นก็ลุกขึ้นหลอกหลอนอย่างน่ากลัว...แขกเหรื่อคนอื่นวิ่งหนีกันวุ่นวาย

เมื่อดิฉันโทรศัพท์ไปเล่าให้คุณป้ารจิตฟัง ท่านบอกว่า...นั่นแหละคือสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต!

สุภาพบุรุษชราผู้หนึ่งหัวใจวาย และตายในศาลาหลังนี้ จากนั้นก็มีคนเห็นเขามานั่งอยู่ในศาลาแทบทุกคืน จนเจ้าของให้คนสวนกำจัดมันไป จะเอาไปขายหรือไว้ที่ไหนก็ตามใจ

สุดท้ายมันก็มาอยู่ที่บ้านดิฉัน!

น้องสาวกลัวมากค่ะ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยกลัวผีสางนางไม้อะไรเลย คุณแม่เองก็ไม่สบายใจ ผลก็คือ ดิฉันไปติดต่อกับร้านที่ดิฉันซื้อมาและเล่าให้เขาฟังตามตรง...เขาขอโทษขอโพยและยอมรับซื้อคืน แถมยังเอารถมาขนกลับไปด้วย...

เขาเล่าว่ามีคนซื้อไป 2-3 ราย แล้วเอามาคืนแบบนี้ทุกคน ยังดีนะที่ดิฉันไม่โดนผีหลอกอย่างรายอื่น ซึ่งบางคนเห็นอย่างเต็มตา เป็นผู้ชายร่างผอม ผมขาว มานั่งสูบไปป์อยู่ในนั้นค่ะ!

ดิฉันถามเขาว่าเจ้าของร้านเคยเห็นไหม? เขาบอกว่าไม่เคย แต่มีอยู่วันหนึ่งที่เขาได้กลิ่นเน่าคละคลุ้ง และหาที่มาไม่ได้

น่าเสียดายจริงๆ แต่คิดๆ ก็ใจหายนะคะ

ศาลานี้มาอยู่ที่บ้านดิฉัน 2 คืน ไม่รู้สิ...ถ้าอยู่ต่อเราจะเจออะไรบ้าง?

อย่างไรก็ตาม ดิฉันหาศาลาริมสนามมาให้คุณแม่จนได้ เป็นซุ้มศาลาที่ทำใหม่ๆ เลยล่ะค่ะ ยังมีกลิ่นเล็กเกอร์อยู่เลยนะ...แต่นึกถึงศาลาหกเหลี่ยมหลังเก่าทีไร เสียวสันหลังทุกที!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 11 ธันวาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น