25 ธันวาคม 2558

เงาในกระจก

"หนูหลิน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากกระจกอาถรรพณ์

คนสมัยก่อนเชื่อโชคถือลางกันสารพัด โดยเฉพาะพวกผู้หญิงดูเหมือนจะถูกความเชื่อถือเหล่านี้ เป็นกฎเกณฑ์ให้ต้องระมัดระวังตัวมากกว่าผู้ชาย เช่น ห้ามร้องเพลงในครัว ใครไม่เชื่อก็จะได้ผัวแก่! ผู้ใหญ่ท่านคงรำคาญหรือหนวกหู ก็เลยเอาความเชื่อเก่าๆ มาขู่ให้พวกสาวๆ กลัวนะคะ ดูเหมือนจะได้ผลเสียด้วยซี

นอกจากนั้นมีห้ามหวีผมตอนกลางคืน กลัวว่าจะแอบหนีเที่ยว! มีเสียงอะไรดังนอกบ้านห้ามทัก ห้ามตอบ...คงเกรงว่าจะมีผู้ชายมาส่งเสียงเป็นสัญญาณนัดแนะ แต่อ้างว่าเดี๋ยวจะโดนของ โดนคุณไสยที่คนมีวิชาอาคมเขาปล่อยออกมา

ยิ่งกระจกเงาด้วยแล้วยิ่งถือกันมากค่ะ!

เชื่อว่า กระจกเงาของใครก็ตาม เมื่อส่องดูนานๆ ย่อมจะดูดซับเอาจิตวิญญาณของผู้นั้นไว้ข้างใน ใครทำกระจกแตกถือว่าโชคร้าย ชีวิตอาจจะแตกดับ หรือไม่ก็อายุสั้นเพราะดวงชะตาพลอยขาดไปตามกระจก ต้องปล่อยนกปล่อยปลาเพื่อสะเดาะเคราะห์กันให้ถูกต้อง

เข้าใจว่าหมายถึงกระจกเล็กๆ ที่พกติดกระเป๋าของผู้หญิงมากกว่ากระจกเงาบานใหญ่ๆ ในบ้าน เพราะอย่างหลังนี้ไม่ว่าใครๆ ก็ใช้ร่วมกัน ไม่ว่าพ่อแม่ พี่น้อง หรือสามีและภรรยา รวมทั้งญาติมิตรที่สนิทสนมกัน

ดิฉันเพิ่งเข้าใจว่า อาถรรพณ์ของกระจกเก็บวิญญาณนั้น ไม่ได้หมายถึงกระจกบานเล็กๆ เสมอไป!

สาเหตุมาจากเพื่อนๆ กลุ่มเดียวกัน 3 คน คืออ้อย แหม่ม และ ดิฉัน ตกลงใจซื้อทัวร์ไปเที่ยวอ่างทอง และอยุธยา เป้าหมายก็คือไหว้พระเก้าวัดที่ อำเภอวิเศษชัยชาญ จำได้เลาๆ ว่ามีวัดน้อย วัดข่อย วัดอ้อย วัดม่วง ฯลฯ ค้างแค่คืนเดียว....ปัญหาอยู่ที่จุดนัดพบแถวหน้าสถานีรถไฟฟ้าช่องนนทรี ย่านสาทร แถมในเวลา 06.30 น. อีกต่างหาก

บ้านดิฉันอยู่ถนนติวานนท์ พอๆ กับอ้อยที่อยู่สะพานใหม่...เราเลยแก้ปัญหาด้วยการไปค้างบ้านแหม่มแถวยานนาวา สิ้นเรื่องสิ้นราวไปค่ะ

พ่อแม่แหม่มใจดีมาก น้องๆ ของเธอก็น่ารัก เราเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ในห้องนอนเพื่อนใกล้ๆ ห้องรับแขก แล้วมากินข้าว ดูทีวี คุยกันสนุกสนาน...ไม่มีวี่แววว่าจะเจอะเจอเรื่องขนหัวลุกแม้แต่น้อยนิด!

พ่อรับปากจะขับรถไปส่งตอนเช้ามืดวันเสาร์ กำชับลูกสาวที่มีโปรแกรมไหว้หลวงพ่อมงคลบพิตรเป็นจุดสุดท้าย...อย่าลืมซื้อหนังปลาทอดมาให้พ่อแกล้มเบียร์แล้วกัน

ราวสี่ทุ่มเศษเราก็ชวนกันเข้าห้องนอน...

เปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่ออาบน้ำ อวดชุดเก่งกันพลางหัวเราะคิกคัก ดิฉันกับอ้อยแย่หน่อย ที่ต้องเพิ่มเสื้อผ้าอีกหนึ่งชุด...แหม่มขอตัวไปอาบน้ำอาบท่า ไม่ช้าก็เดินเช็ดผมออกมาเพราะเธอติดนิสัยต้องสระผมก่อนนอนทุกวัน ตามด้วยอ้อยที่เข้าห้องน้ำเป็นคนถัดมา

ดิฉันสวมหมวกอาบน้ำ คว้าผ้าเช็ดตัวและชุดนอนเตรียมจะเข้าไปอาบน้ำเป็นคนสุดท้าย...พอดีเสียงอ้อยร้อยกรี๊ดดังขึ้น!

เราหันขวับไปเห็นร่างเล็กๆ ของอ้อยเปิดประตูพรวดพราดออกมา หน้าตาซีดเผือด มือกุมปมผ้าเช็ดตัวหลวมๆ ปากคอสั่น...แหม่มย่นคิ้วถามว่าเป็นอะไรไป? กลัวจิ้งจกเหรอ...แต่อ้อยร้องว่า "ฉันโดนผีหลอก!"

"ฮ้า!" แหม่มร้องลั่น ดิฉันเองก็อ้าปากค้าง หันไปมองประตูห้องน้ำที่เปิดโล่ง ไฟสว่างโพลงอย่างไม่แน่ใจ อ้อยกลืนน้ำลายก่อนจะเล่าเรื่องให้ฟัง

ขณะที่เธอยืนอาบน้ำอยู่ใต้ฝักบัวพร่างพรู รู้สึกว่าอากาศเยือกเย็นชอบกบ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จนกระทั่งอาบน้ำเสร็จมายืนเช็ดตัวอยู่หน้ากระจก

"ฉันเห็นใครก็ไม่รู้มายืนอยู่ข้างหลัง หน้าขาว ผมยาว...ตอนแรกนึกว่าแหม่มโผล่เข้ามาทำผีหลอก แต่หันไปมองก็ไม่เห็นอะไร...ประตูก็ยังล็อกอยู่ตามเดิม! ฉันเลยสติแตก ปล่อยกรี๊ดๆ เลยน่ะซี!"

แหม่มถอนใจเฮือก ส่ายหน้าพลางยิ้มละไม ยืนยันว่าอ้อยตาฝาดไปเองแน่ๆ เลย...สงสัยจะคิดถึงเมืองโบราณที่เราจะไปเที่ยวพรุ่งนี้มากเกินไป

"แล้วเธอล่ะ หลิน?" แหม่มหันมาเลิกคิ้วกับดิฉัน "กลัวหรือเปล่า? ให้ฉันเข้าไปยืนเป็นเพื่อนมั้ย?"

"บ้าน่ะซี!" ดิฉันอดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะก้าวเข้าห้องน้ำ ปิดประตูเรียบร้อย...ก้าวเข้าไปยืนใต้ฝักบัว ไขน้ำอุ่นๆ สาดกระจายลงมาชุ่มฉ่ำ อากาศค่อนข้างเย็นยะเยือกชอบกล

นึกถึงเรื่องที่อ้อยเล่า อดห่อไหล่ไม่ได้.....ถ้ามีอะไรแปลกๆ ในห้องนั้นล่ะ?

จนกระทั่งอาบน้ำเสร็จก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น....

ดิฉันมายืนเช็ดเนื้อเช็ดตัวที่อ่างล้างหน้า สวมชุดนอนสองชิ้น จัดการแปรงฟันและล้างมือก่อนจะเข้านอนตามความเคยชิน...เงยหน้ามองเงาในกระจกอีกครั้ง ไม่เห็นใครยืนอยู่ข้างหลังเหมือนที่อ้อยเห็นหรอกค่ะ...แต่ดิฉันเห็นตัวเองกำลังก้มลงล้างหน้าล้างตาเด่นชัดอยู่ในแสงไฟ

คุณพระคุณเจ้าทรงโปรดด้วยเถิด! ดิฉันยืนตัวตรง อ้าปากค้าง แต่ผู้หญิงผมยาวคนนั้นกำลังก้มหน้าก้มตาล้างหน้า...เห็นชัดเจนในกระจกเงา!

ไม่ทราบว่าเปิดประตูออกมาได้ยังไง...เพื่อนทั้งสองหันมาเห็นหน้าก็ปราดเข้ามาหา ได้ยินเสียงอ้อยถามแว่วๆ ว่า เจอเข้าเหมือนกันเรอะตัวเอง? ดิฉันได้แต่พยักหน้า แข้งขาอ่อนจนต้องนั่งแปะลงบนเตียง ปากลิ้นแข็งชาจนแทบพูดอะไรไม่ออก

แหม่มเพิ่งเล่าว่า น้าสาวที่นอนอยู่ห้องเดียวกันหัวใจวายตายในห้องน้ำตั้ง 4-5 ปีมาแล้ว เธอเองไม่เคยเห็นอะไรน่ากลัวซักครั้งเดียว...

คืนนั้นเรานอนเบียดกันบนเตียงทั้งสามคน ดิฉันเชื่อว่าน้าของแหม่มคงยืนส่องกระจกจนหัวใจวายตายแน่ๆ เลยค่ะ!


ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 25 ธันวาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น