10 ธันวาคม 2558

ล่าวิญญาณ

"ป้า 75" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อยมทูตมาเยือน

มันดังขึ้นอีกแล้ว...คราวนี้ดังใกล้เข้ามาที่หน้าประตูบ้านของฉันเอง!

ดึกเปลี่ยว สรรพสิ่งเงียบเชียบเหมือนโลกนี้กลายเป็นโลกร้างไปโดยสิ้นเชิง ทั้งๆ ที่ย่านตลิ่งชันมีบ้านช่องหนาตา รถราและผู้คนเคยคึกคัก แม้แต่ในซอยบ้านของฉันเองก็ตามที

หรือว่าตอนนี้ตี 2 ตี 3 มันจะดึกดื่นเกินไป...

เสียงมอเตอร์ไซค์ของพวกวัยรุ่นกวนเมือง เคยดังกระหึ่มเข้ามาในซอย โดยเฉพาะคืนวันศุกร์วันเสาร์ แต่ตำรวจอาจจะปราบปรามเข้มงวด ได้ข่าวว่าเคยจับได้ถึงคืนละ 40-50 คนแน่ะ แต่ก็ยังไม่หมดสิ้นเสียทีเดียว พอๆ กับยาเสพติดนั่นแหละค่ะ

ช่างเถอะ! เรื่องอื่นๆ ไม่ว่าจะรุนแรงปานใดก็ไม่ใช่เรื่องของฉันโดยตรง ยกเว้นแต่เสียงอุบาทว์ที่เขย่าขวัญฉันมาหลายคืนติดๆ กัน!

เขาว่าคนสูงอายุมักจะนอนหลับยาก แต่ตื่นง่าย...เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วก็ตาสว่าง คิดนั่นคิดนี่เรื่อยเปื่อย ที่เขาเรียกว่าฟุ้งซ่านนั่นแหละ...วันนี้เรากินยาครบหรือยัง? ลืมยาก่อนนอนหรือเปล่า? วิตามินอีที่หมอเขาให้หยุดอาทิตย์ละ 2 วันน่ะ เรากินติดต่อกันมากี่วันแล้ว?

คราวนี้ก็ตาแข็งค้าง ชักแพรเพลาะขึ้นมาคลุมอก ลืมตาโพลงอยู่ในความสลัวลางเพียงเดียวดาย

คู่ชีวิตฉันตายจากไปหลายปีแล้ว ตอนแรกๆ ก็คิดนะว่าเขาอาจจะกลับมาหา...มาเยี่ยมเยือนเหมือนที่เราเคยสัญญากันไว้ ถ้าใครจากไปก่อนจะต้องกลับมาพบกัน มาบอกเล่าเรื่องราวของโลกหน้าว่าเป็นยังไง...ฟากโน้นจะมีอะไรรอคอยเราอยู่บ้างหนอ?

เปล่าเลย! เขาหายเงียบเหมือนจะสาบสูญไปจากฉัน ทิ้งไว้แต่ความทรงจำเก่าๆ ของเรา...ไม่รู้ว่าทุกข์สุขยังไง? หรือมีอะไรกีดขวางเราไว้ระหว่างสองภพไปตลอดกาล

กลัวตายไหม? ทำไมจะไม่กลัว! ทั้งๆ ที่เรารู้แน่ว่าวันหนึ่งต้องสิ้นลมหายใจ ร่างกายแน่นิ่งเหมือนท่อนไม้ ญาติเอาไปเผาหรือฝัง...กลายเป็นผงคลีดินเหมือนผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่า! แต่เราก็ยังหวั่นกลัวความตายอยู่นั่นเอง
เพราะเราไม่รู้แน่นอนใช่ไหมว่าตายไปแล้วจะได้พบอะไร? โลกหน้าจะสดสวยสว่างไสว หรือมืดมนอนธการจนน่าตระหนกอกสั่นปานใด!

เราอยากมีชีวิตอยู่...ชีวิตที่เรารู้จักและคุ้นเคยมาช้านาน แม้ว่ากาลเวลาจะทำให้เราเหนื่อยล้า สังขารทรุดโทรมลงไปทุกที อาหารและยาดีๆ อาจจะช่วยเราได้ แต่ความเสื่อมถอยของอวัยวะทุกส่วนที่รับใช้เรามาเนิ่นนานก็บ่งบอกว่ามันอ่อนล้า ใกล้จะถึงวาระสุดท้ายอยู่แล้ว...

เสียงเคาะที่ประตูบ้านเงียบหายไป! แต่ฉันรู้ดีว่ามันยังอยู่ที่นั่น...

หลายคืนมาแล้วที่เสียงของมันดังแว่วมาเข้าหู...จากที่ไกลๆ เหมือนอยู่แถวถนนใหญ่ บอกไม่ถูกว่าเป็นเสียงอะไรแน่ แต่สัญชาตญาณบางอย่างของคนเราก็ทำให้ฉันรู้ดีว่าจุดหมายปลายทางของมันอยู่แห่งหนใด?

คืนต่อๆ มา เสียงนั้นก็ดังใกล้เข้ามาทุกที...จากปากซอยมาถึงกลางซอย ไม่ช้าและไม่รีบร้อน แต่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ อย่างแน่นอนเหนือสิ่งอื่นใด!

เสียงเท้ากระทบพื้น? หรือเสียงแสกสากคล้ายงูเลื้อยเข้าหาเหยื่อ? แหละหรือว่าเป็นเสียงลมที่พัดเอื่อยเฉื่อยเข้ามาหา กระซิบกระซาบอยู่ข้างหู เย้ยหยันจนน่าขนลุกขนพอง...

คืนก่อนนี้เองที่เสียงนั้นมาถึงหน้าบ้าน และฉันแทบจะกลั้นใจ...รอคอยให้มันผ่านเลยไป แต่ก็ไร้ผลโดยสิ้นเชิง...คุณพระช่วย! มันมาหยุดตรงประตูรั้วบ้านฉันนั่นเอง!

เหงื่อกาฬแตกซิกเต็มหน้า...แม้ว่าเสียงนั้นจะเงียบหายไปแล้ว...เงียบเกินไปจนน่าอกสั่นขวัญแขวน...บางคนอาจจะนอนใจหรือโล่งอกว่ามันผ่านไปแล้ว แต่คนที่เห็นโลกเก่าแก่ลูกนี้มาช้านานอย่างฉันน่ะ ไม่มีวันจะโดนหลอกได้ง่ายๆ แน่นอน

นั่นปะไร! คืนนี้เองฉันก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาด...เสียงแห่งความเงียบที่ดังกระหน่ำเข้าไปถึงหัวอกหัวใจ เมื่อมันผ่านรั้วเข้ามาเคาะประตูบ้าน...กึกก้องเข้าไปดังกระหน่ำอยู่ในสมองจนฉันหนาวสะท้าน ปากคอแห้งผากเป็นผุยผงเหมือนกลืนทรายเข้าไปสักหนึ่งกำมือ

เสียงของยมทูต...เสียงของความตาย!

นรกเป็นพยาน! ความเงียบที่ดังกึกก้อง น่าสยดสยองกว่าเสียงใดๆ ที่เคยได้ยิน

นอกจากเสียงยมทูตที่หน้าประตู ฉันเพิ่งได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นแรง...แรงจนกระทบทรวงอก เจ็บเสียวหนักหน่วง ก่อนจะแผ่ซ่านไปทั้งร่างกายที่แข็งทื่อราวกับท่อนหิน...แต่ก็อยากรู้อยากเห็นความตายที่จะจู่โจมเข้ามาหา...

มันจะหมดจดงดงาม เรียบง่าย หรือว่าจะโหดเหี้ยมจนเป็นอำมหิต ก่อให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าวสุดขีดก่อนจะสิ้นใจ?

สรรพสิ่งยังเงียบเชียบ เปล่าเปลี่ยว ชวนให้เยือกเย็นไปทุกขุมขน...หัวใจวาบหวิวเจียนจะขาดรอนๆ เมื่อนึกว่า อีกไม่ช้าเจ้าของเสียงก็คงจะผ่านประตูบ้าน...ผ่านห้องรับแขก เข้ามาถึงห้องนอนฉันแน่นอน

เงียบเหลือเกิน...เงียบเหมือนความตาย!

คุณพระช่วย! ลูกหลานของฉันที่ชั้นบนล่ะ? คราวนี้หัวใจคล้ายจะหยุดเต้นเมื่อนึกถึงเลือดเนื้อเชื้อไข ลูกและหลานตัวเล็กๆ อีก 2 คน...ฉันอยากจะตะโกนให้ "เขา" ได้ยินว่าฉันอยู่ที่นี่! อย่าขึ้นไปเลย...มาที่ฉันเถอะ! มาเอาคนแก่ชราอย่างฉันไปเลย! ได้โปรดเถิด...แต่ทุกสิ่งดูเหมือนจะสายเกินไปแล้ว


แสงสว่างของยามอรุณเรื่อเองขึ้นนอกหน้าต่าง ฉันสลัดผ้าห่ม เผ่นลงจากเตียงถอดกลอนประตูมือไม้สั่น...ไม่มีใครอยู่ที่นั่น! ฉับพลันเสียงร้องไห้โหยหวนก็ดังมากระทบหู...บาดลึกลงไปถึงหัวใจ

...น้าสมทรงอายุเกิน 90 ปีอยู่ข้างบ้านฉัน นอนหลับตายจนลูกหลานร้องไห้โฮ! ฉันเซซังเข้าห้องนอน ลืมตาโพลงพลางทอดถอนใจ "ท่านเข้าผิดบ้านหรือ...เมื่อไหร่หนอพระองค์จะเสด็จมาหาหม่อมฉันเสียที..."

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 10 ธันวาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น