"นายหนุ่ม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากรถผีสิง
ผมเคยเล่าเรื่องโดนผีหลอกที่นิคมรถไฟ ก.ม.11 มาสองครั้งสองหนแล้วนะครับ
เห็นลุงม้วนมาซดยาดองที่เพิงหน้าชุมชนภักดีตอนเย็น ทั้งๆ ที่แกนอนแหงแก๋อยู่ที่วัดเสมียนนารีแล้ว แต่ผมไม่รู้มาก่อน กับหนุ่มสาวที่เกี่ยวก้อยเข้าไปนั่งจู๋จี๋กันที่โต๊ะม้าหินใต้ร่มไทรตอนดึก พอผมกับเพื่อนเกลอตามไปดูเพราะเจ้าหงหาว่าผมตาฝาด อ้าว? หนุ่มสาวที่หันมามองน่ะไม่ยักมีหน้าตาหรอกแฮะ
ไม่เข็ดก็ต้องเข็ดครับ งานนี้น่ะ!
ตอนกลางวันโฉบรถไปดูให้แน่ใจอีกครั้งก็ไม่มีอะไร ห้องแถวไม้เก่าๆหลากรูปแบบ เสียแต่บรรยากาศร่มครึ้มน่าวังเวงใจ เพราะอยู่ใต้ร่มไทรดกหนา ด้านหน้าห้องที่เป็นบานเฟี้ยมน่ะมีรากไทรห้อยระย้า ทางขวามือคือโต๊ะม้าหินที่เจอดีเข้าจังๆ นั่นแหละคุณ
ถามเพื่อนซี้ทั้งสองคน แต่เจ้าหงกับเจ้าตี๋ก็บอกว่าไม่เคยได้ยินว่ามีใครมาล้มตายที่นั่นแน่ๆ สงสัยว่าคืนนั้นพวกเราคงจะดวงซวย ถึงได้เห็นเข้าเต็มตาทั้งสามคน
บอกตรงๆ ว่ากลางค่ำกลางคืนผมไม่ค่อยอยากไปแถวนั้นหรอกครับ สาเหตุสำคัญก็คือกลัวโดนผีหลอกน่ะซี
อย่างว่าแหละ คนเราส่วนมากน่ะมีนิสัยลืมง่าย ยิ่งวัยหนุ่มคะนองอย่างพวกเรามักจะรักสนุก ชอบเที่ยวเตร่เฮฮา ยิ่งตอนกลางคืนมีแสงสีสวยๆ งามๆ ล่อตาล่อใจ จะว่าเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟก็คงไม่ผิดนัก
วันดีคืนดีก็โดนผีหลอกเข้าอีกจนได้!
คราวนี้ไม่ใช่แถวชุมชนภักดีนะครับ แม้ว่าบรรยากาศตอนค่ำคืนค่อนข้างจะน่าวังเวงใจก็ตาม ยิ่งแถวแผงผัดไทยป้าแดง ข้าวแกงน้องเฟิร์น ที่เปลี่ยนมาขายผลไม้มีศาลถึงสองศาล ด้านในชื่ออะไรไม่รู้ แต่ด้านนอกน่ะเป็นศาลปู่แก้วย่าพิมพา เขาว่าขลังนักเชียว
คืนนั้นตรงกับวันเสาร์ เราสามคนนัดแนะไปเที่ยวผับกันที่หน้า อ.ต.ก.
จุดนัดพบก็ที่หน้าชุมชนภักดีตามเคย ตอนเย็นๆ ค่ำๆ ยังไม่เปลี่ยวนะครับ มีผู้คนคึกคักตามสมควร พอเจ้าหงรับเจ้าตี๋ซ้อนท้ายมาแถวหน้าเพิงยาดอง ผมว่าจะซดพลังเสือโคร่งอุ่นเครื่องซัก 2-3 ก๊ง แต่วันนั้นเขาไม่ขายเฉยเลย! ไม่เป็นไร ร้านย่านใกล้ๆ กันมีเยอะแยะไป เอาไว้ 3-4 ทุ่มค่อยเข้าผับก็ได้
เลี้ยวซ้ายข้ามทางรถไฟไปออกถนนกำแพงเพชร 6 เลี้ยวขวาผ่านอู่รถทัวร์ที่คงวิ่งสายอีสานโดยเฉพาะ เห็นมีแต่ป้ายว่าไปจังหวัดขอนแก่น, อุดร, หนองคาย, เลย, นครพนม ฯลฯ จอดอยู่เป็นสิบๆ คัน ผมเคยแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวไก่มะระที่หน้าอู่ ต้องยอมรับว่า อร่อยติดลิ้นเอาการ
คราวนี้ก็บึ่งรวดไปร้านขาประจำ ที่มี "น้องสวย" สาวเสิร์ฟอวบอึ๋มเป็น อาหารตาของเสือหนุ่มและสิงห์เฒ่า ถือว่าเป็นกับแกล้มขนาดวิเศษ...ซดเหล้าอุ่นเครื่องกันที่นั่นไปก่อน คืนนั้นคุณเธอสวมเสื้อรัดรูปคอกว้าง เจ้าตี๋มองเห็นก็ทำท่าเหมือนจะรากเลือดลงแดงซะให้ได้
อ้าว? เจ้าหงดันมีเรื่องผีมาเล่าให้ฟังอีกแล้วซีครับ!
ไม่ใช่เรื่องผีลุงม้วนหรือผีแถวบ้านมัน แต่เป็นผีในรถทัวร์ หรือรถทัวร์ผีสิง
แถวสถานีขนส่งหมอชิต 2 แยกไปถนนกำแพงเพชร 6 นั่นแหละครับ ตอนดึกๆ มีคนเห็นรถทัวร์แล่นผ่านไปช้าๆ เปิดไฟสว่างโร่ ผู้โดยสารนั่งตัวแข็งทื่อหันมามอง...หน้าตามีแต่เลือดแดงเถือก แถมเหวอะหวะน่าสยดสยองสิ้นดี
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าโดนผีหลอกเข้าเต็มเปา คนที่เห็นน่ะขี่มอเตอร์ไซค์อย่างพวกเรานี่แหละ ร้องจ๊าก...รถเผ่นพรวดตกถนนลงไปกลิ้งแอ้งแม้ง อยู่ในพงหญ้า ไม่แข้งขาหักก็ถือว่าโชคดีเหลือหลายแล้ว
เจ้าตี๋มีอุปนิสัยกลัวผีสุดๆ สังกัดบริษัทตาแหกเหมือนผม ละสายตาจากหน้าอกหน้าใจมหึมาของน้องสวย หันมาคำรามว่ามึงจะเล่าเรื่องผีไปสามง่ามอะไรวะ?
เจ้าหงก็ยักคิ้วตอบหน้าตาเฉยว่า...กูเล่าเพื่อเบรกอารมณ์มึงไงล่ะ? เห็นจ้องส้มโอน้องสวยจนนัยน์ตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้าแน่ะ! เจ้าตี๋ยิ้มแหยๆ ก่อนจะหันไปมองบั้นท้ายงอนงามของน้องสวยที่กำลังเดินยักคิ้วไปที่เคาน์เตอร์ คว้าแก้วมาซดเหล้าฮวบใหญ่
ราว 4 ทุ่มเราก็ย้อนไปทางหน้าอ.ต.ก.ฝั่งตรงข้ามมีผับดังๆ ที่ตำรวจเคยเข้าไประงับการวิวาทของนักเที่ยว ส่วนมากเป็นวัยรุ่นหลายสิบคน...แต่พวกเราไปหาความสุขกันครับ ไม่ได้ไปหาเรื่อง สนุกกันแต่ในโต๊ะเรา ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโต๊ะอื่น ก็เลยไม่เคยเกิดปัญหาอะไรซักที...
ปัญหามาเกิดตอนขากลับน่ะซีคุณ!
เราชวนกันกลับตอนตีหนึ่งเศษ ยอมรับว่าค่อนข้างมึนกันตามสมควร ร้องเตือนกันว่าขับรถช้านิด ระวังเอาไว้หน่อย ถึงทางกลับไม่มีด่านก็เถอะ อย่าประมาทเป็นดีที่สุด
ลมเย็นๆ ที่พัดวูบเข้าปะทะทำให้หูตาสว่างขึ้น...จนใกล้จะถึงทางลัดข้ามทางรถไฟเข้าชุมชนภักดี ผมก็เหลือบไปทางอู่รถทัวร์ขวามือเหมือนมีอะไรดลใจ
แสงไฟสะดุดตาชอบกล...ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ปิดเงียบ แต่มีรถทัวร์คันหนึ่งจอดอยู่ริมถนนเปิดไฟสว่างทั้งคัน เห็นผู้โดยสารนั่งอยู่เต็ม...ที่นี่ไม่ใช่สถานีขนส่งนี่นา แถมไม่ใช่ทางผ่านอีกต่างหาก... ผมเรียกเจ้าหงที่ตีคู่กันมาทางด้านใน ก่อนจะชะลอรถโดยไม่รู้ตัว
นรกเป็นพยาน! ผู้โดยสารริมหน้าต่างหันหน้ามาทางเราเป็นจุดเดียวกัน...ดูแน่นิ่งเยือกเย็น เลือดเปรอะ นัยน์ตาเบิกถลน...ผมแว่วเสียงเพื่อนทั้งสองด่าทอเต็มสองหูอื้ออึง ตามด้วยเสียงเร่งเครื่องดังสนั่น เคล้ากับเสียงหัวเราะแหบโหยเขย่าขวัญสิ้นดี
เจ้าหงเลี้ยวพรวด ส่วนผมห้อตะบึงไปข้างหน้า....ไม่มีใครห่วงใครนอกจากตัวเอง! ผม กลับไปนอนจับไข้อยู่ 3 วัน เพื่อนเกลอทั้งคู่ก็อาการปางตายพอๆ กัน...จะเป็นเพราะพิษเหล้าหรือดวงซวยจนโดนผีหลอกจริงๆ ก็ไม่รู้ซีครับ?
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 26 ธันวาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น