"ชลาลัย" เล่าเรื่องขนหัวลุกเมื่อไปขอหวยจากคางคก
ดิฉันเป็นชาวดาวคะนอง ธนบุรี สงสัยว่าชื่อตำบลนี้เขียนอย่างไรแน่? เพราะมีทั้ง "ดาวคะนอง" และ "ดาวคนอง" เหมือนกับตำบลอื่นหลายแห่งในกรุงเทพฯ เช่น "ประดิพัทธ" ก็มี "ประดิพัทธ์" ก็มี ทั้งๆ ที่เป็นป้ายของทางราชการนะคะ
"แคราย" กับ "แคลาย" ควรจะเลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง ระยะหลังนี้คำว่า "แคลาย" ค่อยๆ หายไปแล้ว เหลือแต่ "แคราย"
"สาทร" ก็เหมือนกันค่ะ! เคยใช้ "สาธร" มาแต่ครั้งปู่ย่าตายาย จู่ๆ ก็มาเปลี่ยนเป็น "สาทร" อ้างว่าเป็นชื่อที่ถูกต้องมาแต่เดิม เลยต้องกลับไปเขียนให้เหมือนของเก่า! ถ้างั้นทำไมไม่เปลี่ยนให้หมดทุกชื่อย่านตำบลเลยล่ะคะ?
"วัวลำพอง" เพี้ยนเป็น "หัวลำโพง" ก็ต้องกลับไปเขียนว่า "วัวลำพอง"
"สามแสน" เพี้ยนเป็น "สามเสน" เห็นจะต้องเขียนใหม่ว่า "สามแสน"
ถ้าคิดว่านอกเรื่องก็ขอกลับไปที่ดาวคะนองอีกครั้ง เพราะเกิดเรื่องขนหัวลุกเมื่อเดือนสิงหาคม ฤดูฝนที่เพิ่งผ่านไปหยกๆ นี่เอง
เพื่อนบ้านดิฉันสมัยก่อนกับสมัยนี้มีกิจกรรมพิเศษที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือชอบเล่นการพนัน โดยเฉพาะ "เล่นหวย" เป็นชีวิตจิตใจ ทุกลมหายใจเข้าออกดูเหมือนจะมีแต่คำว่า "เล่นหวย" โดยเฉพาะ "งวดนี้ตัวไหนจะมา?" กับ "หวยจะออกอะไร?"
ในหมู่บ้านมีต้นประดู่เก่าแก่อยู่ต้นหนึ่ง ขึ้นอยู่ข้างบึงน้ำเขียวๆ มีทั้ง ฉำฉา, พุทรา, มะขามเทศ กับไม้ล้มลุกอื่นๆ ขนาดกลางวันแสกๆ ก็ยังดูเปล่าเปลี่ยวไม่น่าเชื่อ
ชาวบ้านไปขอหวยที่ต้นประดู่กันค่ะ! ร่ำลือว่าให้หวยแม่นเป็นพิเศษ มีทั้งผ้าสีสวยๆ พันรอบโคนต้น กับตุ๊กตาไม้และดินเผาเกลื่อนกลาด ของแก้บนไงคะ!
นอกจากจะให้หวยแล้วยังขอให้ทุกอย่าง ไม่ว่าเจ็บไข้ได้ทุกข์ ผัวไปมีเมียน้อย หรือลูกชายจะไปเกณฑ์ทหาร แม้แต่ของหายก็บนกับต้นประดู่ คิดว่าได้ผลกันหลายรายแล้วถึงได้มีของแก้บนมากมาย
เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละค่ะ เพราะเคยมีแต่ต้นโพธิ์ต้นไทร อย่างเก่งก็ต้นตะเคียน เรียกกันว่าเจ้าพ่อโพธิ์ เจ้าพ่อไทร เจ้าแม่ตะเคียนทอง...แต่นี่เป็นต้นประดู่ อาจจะเป็นของใหม่หรือชื่อยาวไปก็ไม่ทราบ เลยเรียกว่า "เจ้าพ่อ" เฉยๆ
เขาว่าไม่มีใครจะอุตริ วิตถาร พิลึกพิเรนทร์เท่ากับพวกขอหวยอีกแล้ว!
จะต้องบุกป่าฝ่าดง เข้าไร่เข้าสวนเปลี่ยวแค่ไหนก็ไม่ย่อท้อ ขนาดต้องเข้าป่าช้ากลางดึกที่มีแต่คนส่ายหน้าสยดสยอง นักเลงหวยก็บุกบั่นเข้าไปหน้าตาเฉย ขอให้มั่นใจว่าจะได้หวยตัวเด็ดๆ มาแทงเถอะ
สมัยดิฉันยังเด็กๆ มีแต่เรือกสวนเป็นส่วนใหญ่ ผู้คนมีน้อย บรรยากาศเปล่าเปลี่ยว เสียงยอดมะพร้าวกวัดแกว่งซู่ซ่าน่าวังเวงใจ กลางคืนก็มีสายลมคร่ำครวญกับยอดไม้ นกเค้าแมวกับค้างคาวออกหากิน ชาวสวนต้องชักตะขาบไล่กันเกรียวกราวเป็นประจำ
พวกคอหวยบุกบั่นเข้าไปในป่าช้า เห็นว่าถูกผีหลอกจนต้องร้องเอะอะโวยวาย วิ่งกระเซอกระเซิง ล้มลุกคลุกคลานไปตามๆ กัน บางคนถึงกับพลัดหล่นลงไปในตู้เย็นเฉียบ วิ่งตะโพงอยู่ในน้ำ ร้องว่าผีหลอกๆ แทบจะขาดใจก็มีค่ะ
การขอหวยพิสดารสุดขีดเท่าที่เคยรู้เห็นมาก็คือ ขอหวยจากคางคก!
ไม่ใช่คางคกแปลกประหลาดชนิด 5 ขา 2 หัว หรือตัวเป็นคางคก แต่มีหัวเป็นหมู หางเป็นแมวนะคะ คางคกธรรมดานี่แหละ ก่อนถึงวันหวยออกราว 2-3 วันจะไปชุมนุมกันที่บ้านยายไล้แถวท้ายวัด ใกล้ๆ กับบึงร้าง แหนเขียวๆ แทบจะเน่า อยู่ใกล้กับต้นประดู่ ต้นฉำฉา มะพร้าว มะขามเทศนั่นแหละค่ะ
หลังบ้านยายไล้มีเล่าไก่เก่าๆ ใกล้พัง มีลานแคบๆ เคยเป็นที่ชุนแห ซักผ้า ฝูงไก่ คุ้ยเขี่ยหากินอยู่ราว 3-4 ตัว ถ้ามีลูกเจี๊ยบก็มากหน่อย
ยายไล้เป็นนักแสดงหวยตัวฉกาจประจำตำบล ไม่ว่าจะเห็นอะไรแกตีเป็นหวยหมด ทั้งขี้เถ้าธูปหงิกงอ น้ำตาเทียน หยดน้ำมนต์ จิ้งจกทัก ตุ๊กแกร้องหมากัดกัน...ถ้าเกิดฝันขึ้นมายายไล้เป็นเก็บเอามาตีหวยได้หลายๆ ตัว ถูกก็มี ผิดก็มี แต่ที่แน่ๆ คือผิดมากกว่าถูก
วันดีคืนดี ยายไล้ก็ริอ่านขอหวยจากคางคกขึ้นมา!
กรรมวิธีสุดแปลกพิสดาร ไม่เคยพบเคยเห็น แต่พวกคอหวยล้วนตื่นเต้นกันทุกคน
นั่นคือ ยายไล้ฝันเห็นคางคกยักษ์ที่โคนต้นประดู่ศักดิ์สิทธิ์ ตื่นขึ้นก็รีบไปดูจนเห็นเข้าจริงๆ แกเอาสุ่มครอบไว้แล้วมาเล่าให้เพื่อนบ้านฟัง...เมื่อไปดูก็เห็นคางคกตัวใหญ่ขนาดชามข้าว ผิวหนังขรุขระเหมือนคางคกทั่วๆ ไป
วันนั้นฟ้าครึ้มมาแต่บ่าย เมฆหนาทึบลอยต่ำ ลมพัดอู้ๆ แต่พวกนักเลงหวยที่เป็นผู้หญิงล้วนๆ ไม่แยแส ยายไล้มีกระป๋องนมใส่แป้งมาจากบ้าน สั่งให้คนอื่นๆ คอยล้อมคางคกไว้แล้วเปิดสุ่มออก จัดการเทแป้งลงบนหลังคางคกแล้วช่วยกันประแป้งให้มันอย่างรวดเร็ว
จุดหมายก็คือ เพื่อดูแลเลขเด็ดจากแป้งขาวๆ บนผิวหนังตะปุ่มตะป่ำของคางคกนั่นแหละค่ะ เสียงพึมพำดังแซดว่าเห็นเลขนั้นเลขนี้ ตั้งแต่ 0 ถึง 9 เห็นหมด
ทันใดนั้น ฟ้าแลบวาบ ยังไม่ทันตั้งหลักก็ผ่าเปรี้ยงลงมา 2 ครั้งติดๆ กัน รู้สึกเหมือนแก้วหูแทบแตก ตกใจจนหงายหลังตึง คางคกเจ้ากรรมพองอืดตัวเกือบเท่าแมวอ้วนๆ แผดร้องเสียงเหมือนคน...โอ๊ย!
เท่านั้นแหละค่ะ เผ่นกระเจิงกันไม่รู้เหนือรู้ใต้ บางคนผ้าผ่อนหลุดลุ่ย บางคนวิ่งวนอยู่รอบบึงร้าง เสียงแผดร้องโวยๆ เหมือนเจ๊กตื่นไฟ...จับไข้กันไป 2 คน ที่เหลือสาบานว่าจะเลิกเล่นหวยไปชั่วชีวิต...ยายไล้เองอาการหนัก นอนเพ้อถึงคางคกได้ไม่นานก็ขาดใจตาย!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 8 พฤศจิกายน 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น