"ลูกปลา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากร้านอาหาร
เมื่อปีก่อน ดิฉันเคยทำงานเป็นพนักงานเชียร์เหล้าและเบียร์ อยู่ในร้านอาหารตามชานเมืองมาหลายแห่ง แต่ลูกค้ามักชอบเรียกพวกเราว่า "สาวเชียร์เบียร์" ค่ะ พูดถึงรายได้ก็ไม่เลวนะคะ คือได้รับคืนละ 300 บาท ขายเหล้าก็ได้เปอร์เซ็นต์ขวดละ 20 บาท ถ้าขายเบียร์ได้ขวดละ 3 บาท คนสวยๆ พูดเก่งๆ หรือเจ๊าะแจ๊ะให้ลูกค้าถูกใจก็ขายเบียร์ได้คืนละ 100 กว่าขวดไหนจะค่าทิปอีกล่ะคะ
ส่วนมากจะได้ทิปจากโต๊ะที่เอาเหล้ามาเอง แต่เราก็แวะไปเสนอสินค้าของเรา ชวนพูดคุยบ่อยๆ คือวนไปวนมาให้เขาเกิดความหวังลมๆ แล้งๆ ถึงตอนจบจะไม่ซื้อเหล้าเบียร์ของเราก็อดมีค่าทิปติดมือไม่ได้แทบทุกราย
อ๋อ! เสื้อผ้าเราน่ะทางบริษัทเขาออกแบบให้ดูเซ็กซี่ โดยเฉพาะมียี่ห้อของสินค้าติดหรา สะดุดตาและสะดุดใจค่ะ!
พวกเราที่คิดว่ามีรายได้ประจำอย่างเดียวก็พอ ถือว่าคิดผิดนะคะ เพราะถ้าทำยอดขายไม่เข้าเป้า (แล้วแต่บริษัทจะกำหนดตามทำเล) สิ้นเดือนก็ต้องย้ายไปอยู่ตามร้านที่แขกน้อย ขายไม่ค่อยดี แล้วย้ายพวกที่มือเจ๋งกว่ามาแทนเราเฉยเลย
ไม่สู้ก็ต้องสู้ค่ะ งานนี้น่ะ!
ดิฉันไปเจอเรื่องขนหัวลุกเข้าที่ร้านอาหารริมถนน ย่านถนนตัดใหม่เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราเข้าอย่างจังๆ
ร้านนี้ก็เหมือนร้านส่วนมากที่มีทั้งกลางแจ้งและในร่ม คือชั้นล่างจัดโต๊ะและมีวงดนตรีขับกล่อม แต่แขกส่วนใหญ่มักชอบนั่งโต๊ะกลางแจ้งมากกว่า โดยเฉพาะโต๊ะริมติดกับฟุตปาธจะมีแขกเต็มก่อนเพื่อน
ตอนแรกๆ ก็มีปัญหากับคนร่วมอาชีพนิดหน่อย พวกเธอคิดว่าตัวเองเป็นรุ่นเก๋าต้องได้โอกาสก่อน แต่ดิฉันไม่แคร์! เห็นแขกมานั่งผู้ชายล้วนๆ ก็ปราดเข้าไปหา ยิ้มหวานทำหน้าที่โปรโมตสินค้าทันที...ต้องบอกว่าถึงจะใหม่ที่นี่ แต่เก๋ามาจากที่อื่น! ไม่งั้นจะย้ายมาอยู่ร้านทำเลดีๆ ได้ไงล่ะ? ปัญหาชิงดีชิงเด่นจิ๊บจ๊อยตามประสาผู้หญิงแหละค่ะ ไม่มีอะไรน่าสนใจ เพราะต่อมาก็เข้าใจกันเอง
แหม! ปัญหาขนหัวลุกนี่ซิคะ เรื่องใหญ่มากๆ เลย!
คืนเกิดเหตุเป็นวันศุกร์ต้นเดือนธันวาคม รถราติดขัดน่าดู แม้แต่ย่านนั้นที่เคยถนนโล่งๆ รถแล่นฉิว บางครั้งก็ยังติดยาวเชียว ตามร้านอาหารหรือสถานบริการยิ้มแป้นเพราะเป็นวันรับทรัพย์ ไม่ต้องห่วงว่าฝนจะเทลงมาให้งานกร่อย
เฉพาะด้านนอกที่มีราว 30 โต๊ะน่ะ พอ 2-3 ทุ่มก็เต็มหมดแล้วค่ะ ใครมาตอนนี้ต้องเข้าไปนั่งโต๊ะใน...คืนนั้นดิฉันฝันหวานว่าคงจะขายเหล้าได้ไม่ต่ำกว่า 20 ขวด เผลอๆ อาจจะมากกว่านั้นก็ได้ เพราะแขกหมุนเวียนนี่คะ ไม่ใช่มานั่งแช่ตั้งแต่หัวค่ำจนร้านปิดซะที่ไหนล่ะ
บางคนก็ไปนวด ไปสปามาก่อน แล้วถึงยกโขยงมาต่อกันที่ร้านอาหาร
บางโต๊ะก็มาอุ่นเครื่องที่นี่ก่อน แล้วถึงไปสปา ไปโรงนวด หรือไม่ก็ไปต่อกันที่บาร์มีสาวโคโยตี้...มีห้องวีไอพีที่เต้นในชุดวันเกิดด้วยค่ะ! โหย...ไม่เคยไปดูหรอก ได้แต่ฟังพวกลูกค้าหนุ่มๆ (และแก่) เขาคุยกันน่ะค่ะ
เอ...ปล่อย "ของ" ไม่คล่องตามคาด จน 4 ทุ่มกว่าเพิ่งขายได้แค่ 5 ขวดเอง ส่วนมากแขกเอาเหล้ามาเอง แต่ชวนคุยเจ๊าะแจ๊ะ เราก็ต้องอ้อล้อ ตื๊อไปเรื่อยๆ ตามฟอร์ม ข้อสำคัญต้องหูตาว่องไวด้วยนะคะ เห็นแขกกลุ่มใหม่เข้ามาเราก็ต้องปราดเข้าไปให้ถึงเร็วที่สุดกว่าคนอื่น
เหล้าก็เยอะ เบียร์ก็แยะ...แต่เราก็ต้องสู้กันในเกม ใครดีใครได้!
ราว 5 ทุ่มเศษ ขายเหล้าได้อีกขวดเดียว พอดีเหลือบเห็นผู้ชาย 2 คนเดินจากลานจอดรถมา ท่าทางบอกว่าอุ่นเครื่องมาจากที่อื่นเรียบร้อย...ที่นี่คงเป็นสถานีสุดท้ายมั้ง?
ดิฉันปราดเข้าไปหาเมื่อพวกเขานั่งโต๊ะว่าง ใกล้ๆ กับประตูเข้าด้านในที่ดนตรีกำลังแผดเสียงออกมา เสนอวิสกี้สุดยอดแต่ราคาย่อมเยา จีบปากจีบคอจ๋อยๆ เหมือนนกแก้วนกขุนทองด้วยความเคยชิน...บางทียังนึกขำตัวเอง
อากาศยามดึกหนาวเย็นขึ้นทุกที! เสื้อผ้าของเรายิ่งต้องโชว์ส่วนโค้งส่วนเว้าอยู่ด้วย...ช่วยไม่ได้หรอกค่ะ
หนุ่มใหญ่ทั้ง 2 หันมามองยิ้มๆ คนหนึ่งมองหน้า อีกคนมองอก...จ้องมองราวจะแทงทะลุเข้าไปแน่ะ...ชินชาแล้วค่ะ ลูกค้าคนไหนไม่แยแสซิคะแปลก! แล้วทั้งสองก็พยักหน้าให้กัน คนหนึ่งบอกว่า...อุดหนุนคนสวยซักขวดละกัน!
อารามดีใจทำให้รีบขอบคุณ ผลุนผลันไปเอาสินค้าจากด้านในมาให้ แต่พอกลับมาที่โต๊ะนั้นกลับมีชาย 4 คนนั่งอยู่ก่อน...แขกโต๊ะเก่านี่นา! สงสัยจะรีบร้อนจนไปผิดโต๊ะ ต้องเดินไปหาโต๊ะอื่น...
คุณพระช่วย! ทุกโต๊ะเต็มหมด แขกเก่าทั้งนั้นแหละค่ะ ดิฉันยืนอ้าปากค้าง กอดขวดเหล้าแน่น แข็งใจเดินดูอีก 2 รอบก็ไม่เห็นมีแขกใหม่ 2 คนนั่นเลย...วิ่งไปดูหน้าห้องน้ำชายก็ไม่มีวี่แวว! ต้องเดินเซ่อกลับมาพลางนึกว่าเราคงตาฝาด หรือประสาทหลอนไปเองละมั้ง?
ทันใดนั้น ดิฉันก็หันไปเห็นด้านหลังของชาย 2 คน เพิ่งเดินลงบันไดเตี้ยๆ ไปที่ลานจอดรถ...ขณะจ้องมองงงงันชายคู่นั้นก็หันมาหาช้าๆ เห็นรอยยิ้มแตกซ่านอยู่ในแสงไฟ...ใช่เลยค่ะ! ขยับจะวิ่งตามไปเรียกก็ต้องยืนตะลึงงันอยู่กับที่เหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหิน
ร่างทั้ง 2 จางหายไปดื้อๆ ดิฉันรู้สึกแก้วหูลั่นเปรี๊ยะ โลกแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ก่อนจะล้มฮวบลงสิ้นสติไป...เลิกเป็นสาวขายเหล้าหรือสาวเชียร์เบียร์ตั้งแต่นั้นมาเลยค่ะ! บรื๋อส์...
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 26 พฤศจิกายน 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น