"น้ำหวาน" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากคลองรังสิต
ใครๆ ก็กลัวผีตาจักร! แกเป็นคนสวนของคุณตาคุณยายดิฉันเองค่ะ ตาจักรฆ่าตัวตายอย่างน่าสยดสยองเพราะน้อยใจยายอ้อน - เมียของแกที่ติดไพ่แก้ไม่หาย แกขอร้องแทบจะกราบกราน แต่ก็ไม่เคยได้ผลแม้แต่น้อย
คุณตาทำมาค้าขายเกี่ยวกับการส่งออกผลไม้ ฐานะร่ำรวยมาแต่ไหนแต่ไรเพราะเป็นเชื้อสายตระกูลเศรษฐีเก่า
บ้านของเรา...ดิฉันหมายถึงบ้านของคุณตาน่ะค่ะ อยู่แถวรังสิต ตั้งอยู่ในเนื้อที่กว้างขวางริมคลอง มีบริวารเยอะแยะ ทั้งคนรถ คนดูแลความสะอาดและคนสวน...คือตาจักรนี่เอง ส่วนยายอ้อนมีหน้าที่จ่ายตลาดมาทำกับข้าว
คนเหล่านี้ทำงานรับใช้คุณตาคุณยายมานาน มีเรือนแถวให้อยู่อย่างสบายทุกคน...ส่วนมากแต่งงานแต่งการและมีลูกหลานอยู่ที่นี่
สรุปแล้ว บ้านเราคึกคักไม่น้อยเลย ลูกๆ ของพวกเขาก็ใช่ย่อย อย่างอ้อย-ลูกสาวของน้าแถมคนขับรถน่ะ ดิฉันเห็นตั้งแต่เกิดจนป่านนี้จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้วค่ะ
ดิฉันเองก็เด็กที่นี่ เติบโตที่นี่ แม่เป็นลูกสาวคนโตและเป็นสูตินารีแพทย์เช่นเดียวกับคุณพ่อดิฉันที่เป็นแพทย์ทางอายุรกรรม ดิฉันเองกำลังเรียนอยู่ปี 4 สาขาเศรษฐศาสตร์
เรื่องนี้คุณตาพอใจมาก ดิฉันเป็นหลานรักเชียวละ!
บ้านหลังนี้ฉันรักมาก เพราะสวยงาม อบอุ่น มีสนามให้วิ่งเล่น และมีศาลาท่าน้ำริมคลอง ดิฉันชอบนั่งชมทิวทัศน์ตอนเย็นๆ ข้ามคลองไปฟากโน้น ห่างกันไม่กี่วา เป็นที่ดินซึ่งเจ้าของปล่อยให้รกร้างมาหลายสิบปีแล้ว มันเลยดูเหมือนป่าละเมาะ และมีต้นไม้อยู่ตลิ่ง
ตอนกลางคืนมีหิ่งห้อยบินส่องแสงวิบวับ เวลาเดือนหงายเราชอบมานั่งเล่นที่นี่...เราจะดับไฟมืดนะคะ แสงจันทร์จะส่องทุกอย่างให้ดูกระจ่าง มลังเมลือง สวยกว่าไฟฟ้าเป็นไหนๆ
บ้านเราสงบสุขค่ะ ถ้าไม่มีเสียงทะเลาะของตาจักรกับยายอ้อน อย่างที่เล่ามาแต่แรก ยายอ้อนมักจะหายตัวไปตลอดคืน เพื่อเล่นไพ่กับเพื่อนบ้าน แกกินเหล้าด้วยซิคะ ตาจักรอับอายขายหน้ามาก บอกให้เมียแกทำตัวดีๆ แต่พูดทีไรก็ทะเลาะกันทุกที
นี่ถ้าไม่เกรงใจคุณตาละก็มีหวังบ้านเปิง
ยายอ้อนเคยเอาที่เขี่ยบุหรี่ขว้างหัวตาจักรหัวแตกด้วยละค่ะ!
จริงๆ แล้วตาจักรแกรักยายอ้อนมาก ทั้งคู่ไม่มีลูก ยายอ้อนเป็นหมัน แต่อยู่กันมาจนบัดนี้ตาจักรก็ไม่มีใคร ไม่เคยมีเมียน้อย ไม่เคยทำให้ยายอ้อนช้ำใจ
ตาจักรเป็นคนโรแมนติกมากนะคะ อารมณ์อ่อนไหวและขี้ใจน้อย!
วันที่เกิดเหตุ แกทะเลาะกับยายอ้อนด้วยเรื่องไพ่นี่แหละ ยายอ้อนถึงกับลุโทสะตบตีผัวและด่าทอเสียๆ หายๆ
เย็นนั้น ตาจักรพายเรือเล็กข้ามฟากไปฝั่งโน้น ยายอ้อนไม่สนใจ พวกเราก็เช่นกัน นึกว่าแกคงอยากไปนั่งร้องไห้คนเดียวเงียบๆ ให้ห่างผู้คน
ที่ไหนได้...รุ่งขึ้นมีคนพบศพแกแขวนต่องแต่ง ลิ้นจุกปาก ตาถลนอยู่กับต้นไม้ใหญ่ริมคลองต้นนั้น มองจากศาลาริมน้ำจะเห็นได้ชัดเจนเลยละ...แกตายประชดเมียแกค่ะ น่าสงสารที่สุด
ยายอ้อนไม่เป็นอันกินอันนอน ตอนมีชีวิตอยู่ด้วยกันแกไม่เคยเห็นคุณค่าของตาจักร แต่เมื่อสูญเสียไปแล้ว เรียกกลับคืนมาไม่ได้ ยายอ้อยก็เพิ่งได้สำนึก
คนทั้งบ้านสงสารและอาลัยตาจักรมากมาย พอๆ กับกลัวผีแกจับใจ!
ดิฉันเองไม่กล้าลงไปที่ศาลาท่าน้ำเลย ได้แต่มองไปจากหน้าต่างห้องนอน โอย...คุณคะ มันวังเวงน่ากลัวพิลึก แถมดิฉันยังอดมองไปที่ต้นไม้นั่นไม่ได้...โดยเฉพาะกิ่งที่ตาจักรผูกคอตาย...
มองทีไรก็พานเห็นร่างแกห้อยต่องแต่ง มันติดตาไม่ลบเลือนเลย!
ตั้งแต่วันที่แกตาย หมาหอนอย่างโหยหวนทุกคืน...เขาว่าหมาหอนเพราะมันวังเวงใจ หรือเห็นผีใช่ไหมคะ?
หมาบ้านเรา 5 ตัว โก่งคอหอนซะเราแทบไม่ได้หลับได้นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนตี 2 กว่าๆ ซึ่งเราคาดว่าตาจักรคงปลิดชีวิตตัวเองเวลานั้น ทุกคืน...พอได้เวลา หมาทางฝั่งโน้นจะเริ่มต้นโก่งคอ แล้วหมาตัวอื่นๆ ในละแวกนี้ก็จะหอนตามกันเป็นทอดๆ ดิฉันนอนห้องแอร์ เสียงยังลอดเข้ามาจนต้องอุดหู
ในเสียงหอนระงมนั้น หูดิฉันไม่ได้แว่วไปเองแน่...มันมีเสียงผู้ชายแก่ๆ ร้องไห้อยู่ด้วย...ผีตาจักรน่ะซีคะ! บรื๋ออออ....
ทุกคนในบ้านรวมทั้งคนแถวนี้ลือกันทั่ว ได้ยินกันทั้งนั้น...เล่นเอาขนลุกขนพองไปตามๆ กัน!
วันก่อน หลังจากตาจักรตายได้ราว 3 เดือน มีเด็กวัยรุ่นที่พายเรือผ่านตอนค่ำๆ เห็นร่างแกห้อยกับกิ่งต้นไม้ เด็กนั่นโวยวาย จับไข้ไม่สบายไปหลายวัน ละเมอเพ้อพกน่ากลัวมากเลยค่ะ
คุณตานิมนต์พระมาทำบุญหลายครั้ง เสียงร้องไห้ของผีตาจักรก็ยังไม่หายไปซะที แกคงจะทรมานมากนะคะ
จนกระทั่งคุณตาให้ยายอ้อนไปจุดธูปที่ต้นไม้นั่น แล้วสาบานว่าจะเลิกเล่นการพนัน เลิกดื่มเหล้า...เสียงร้องไห้ลึกลับยามราตรีก็ค่อยๆ เงียบหายไป
ผีตาจักรยังคงมาให้คนในบ้านเห็นอยู่เสมอ แกเป็นห่วงหลายอย่าง ไม่น่าด่วนฆ่าตัวตายเลยนะคะ....ดิฉันพูดกับลมกับแล้งเสมอให้แกไปสู่สุคติ อย่าอาภัพอย่างชาตินี้อีกเลย!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 12 พฤศจิกายน 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น