"วงศ์รพี" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อยมทูตมาเยือน
แท็กซี่สีน้ำเงินคันนั้นแล่นช้าๆ เข้ามาหาผมอีกแล้ว...หัวใจเต้นแรง สองมือชุ่มเหงื่อ ปากคอแห้งผากไปหมด...สงสัยผมคงจะถึงวันตายแน่นอน!
ตายเพราะแท็กซี่มฤตยูคันนี้เอง...
คนกรุงเทพฯ นับไม่ถ้วนที่ต้องใช้รถแท็กซี่เป็นพาหนะ มีทั้งใช้ประจำและเป็นบางครั้งบางคราว เพราะไม่มีเงินซื้อรถยนต์แพงๆ มาใช้ ไหนจะประกัน ค่าซ่อม โดยเฉพาะค่าน้ำมันนี่เล่นเอากระเป๋าเบาอย่าบอกใครเชียว
ยิ่งระยะหลังๆ ปีสองปีมานี่ น้ำมันขึ้นราคาบ้าเลือด คนที่ไม่มีรถยนต์ก็ใช้เป็นข้ออ้างว่า โชคดีนะที่ไม่มีรถยนต์ ไม่งั้นมีหวังต้องกู้เงินมาเติมน้ำมัน!
สมัยก่อนเขาว่าลิตรละไม่ถึง 2 บาท ตอนผมหนุ่มๆ น่ะลิตรละ 5 บาท มีการขึ้นราคาพรวดเดียวเป็นลิตรละ 7 บาท จนต้องมีการเดินขบวนประท้วงรัฐบาล เล่นเอาการจราจรในกรุงเทพฯ ติดขัดไปเลยเมื่อ 30 ปีกว่าๆ มาแล้ว
ถ้ารถประจำทางบริการดีพอใช้ ผู้โดยสารไม่แน่นเอี้ยดเหมือนปลากระป๋อง ไม่มีทั้งอุบัติเหตุและจี้ปล้น หาความปลอดภัยยากขึ้นทุกที ผมว่าคงไม่มีใครอยากขึ้นแท็กซี่ให้สิ้นเปลืองเงินทองหรอกครับ แต่ปัญหาระหว่างแท็กซี่กับผู้โดยสารก็เกิดขึ้นแทบทุกวัน!
ไม่ต้องพูดถึงโจรปล้นฆ่าแท็กซี่ หรือแท็กซี่ข่มขืนฆ่าผู้โดยสารก็ได้ เพราะถือว่าไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง...บางครั้งเกิดเรื่องสยองที่แท็กซี่โดนฆ่าชิงเงินพันกว่าบาท หรือแค่ไม่กี่ร้อยบาท ทำให้สลดหดหู่อย่างบอกไม่ถูกจริงๆ ด้วยเอ้า
แท็กซี่ทำมาหากินเหน็ดเหนื่อย นั่งดมฝุ่นหลังขดหลังแข็งวันละเกือบ 10 ชั่วโมง หาเงินได้นิดๆ หน่อยๆ เอาไปเลี้ยงครอบครัว กลับถูกเชือดคอ ถูกแทงตายคารถเลือดแดงฉานเต็มเบาะ
ในฐานะคนที่ต้องใช้บริการรถแท็กซี่ แม้ผมจะเห็นอกเห็นใจแค่ไหน แต่หลายๆ ครั้งก็ทำให้หงุดหงิดขุ่นมัว เชื่อว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็คงเจอะเจอสภาพนี้เช่นกัน!
เปิดสัญญาณหน้ารถว่า "ว่าง" แต่ไม่ยอมรับคนที่โบกมือเรียกเอาดื้อๆ
มีผู้โดยสารในรถแท้ๆ แต่เปิดสัญญาณ "ว่าง" ให้คนที่คอยรถต้องโบกมือเก้อ
แท็กซี่จอดรอผู้โดยสารย่านชุมทางที่มีคนต้องการใช้รถมากมาย แต่เมื่อรู้จุดหมายกลับบอกว่าไม่รู้จักบ้าง, ไปส่งรถที่อู่ไม่ทันบ้าง...หนักกว่านั้นคือส่ายหน้า ไม่พูดไม่จา บ้างก็พุ่งรถออกไปเลย สมัยก่อนเคยมีคนประชดประชันแท็กซี่แบบนี้ว่า "นายอำเภอมาขับรถหาลำไพ่"
แต่อะไรก็ไม่น่าขนหัวลุกเหมือนแท็กซี่ยมทูตที่ผมเคยพบมาหรอกครับ!
บ้านผมอยู่ซอย 8 ถนนสุทธิสาร ใกล้ๆ กับปากทางเข้าหมู่บ้านทาวน์เฮาส์ ต้องใช้รถแท็กซี่ไปงานที่ย่านอโศกทั้งไปและกลับ ก่อนนั้นขาไปต้องเดินไปถนนใหญ่ หรือไม่ก็เรียกมอเตอร์ไซค์ไปส่งปากทาง ต่อมามีรถราพลุกพล่านหนาตาขึ้น เพราะซอยนี้เลาะลัดไปออกซอยสายลม สนามเป้าได้ ผมก็มักจะได้แท็กซี่ว่างๆ แถวหน้าบ้านนั่นเอง
จนกระทั่งวันหนึ่งก็ได้พบรถแท็กซี่สีน้ำเงินคันนั้น...แท็กซี่มฤตยู!!
ผมแต่งตัวออกจากบ้านไปรอรถตามเคย ส่วนมากจะเลี้ยวออกทางสุทธิสารไปทางวิภาวดีฯ เพราะถ้าไปทางซอยสายลมจะต้องเจอรถติดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
แท็กซี่สีน้ำเงินคันนั้นแล่นออกมาจากด้านในพอดี...รถว่าง! ผมโบกมือเรียกคนขับชะลอรถทำท่าว่าจะแล่นเข้ามาเทียบ แต่แล้วก็กลับแล่นเลยไปดื้อๆ ผมนึกว่าตัวเองตาฝาดที่เห็นว่ารถว่าง แต่เมื่อมองตามหลังก็ไม่เห็นผู้โดยสารสักคนเดียว!
ช่างเถอะ! เราเคยเจอเรื่องแบบนี้บ่อยๆ มาแล้วนี่นา...ไม่ช้าก็ได้รถว่างไปทำงาน...ผมลืมรถคันนั้นสนิท จนกระทั่งอีก 2-3 วันต่อมาก็เห็นแท็กซี่สีน้ำเงินว่างๆ แต่เมื่อโบกมือเรียกกลับแล่นช้าๆ ผ่านหน้าไป...รถคันเดียวกันนั่นเอง ผมจำก.ท.ได้แน่นอน
ไม่อยากคิดอะไรมาก ปัญหาอื่นๆ ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวก็มากพอดูอยู่แล้ว...จนกระทั่งผมได้พบรถคันนั้นเป็นครั้งที่ 3 คนขับหันมามองผมแวบหนึ่งก่อนจะแล่นผ่านไปช้าๆ เหมือนภาพสโลว์โมชั่น...ความหนาวเย็นจู่โจมเข้าจับต้นคอ แผ่ซ่านลงมาตามไขสันหลัง...นี่มันเกิดนรกจกเปรตอะไรขึ้นมา?
ผมไม่เชื่อเรื่องบังเอิญ! นี่ก็ไม่ใช่ความบังเอิญแน่ๆ แท็กซี่สีน้ำเงินกลางเก่ากลางใหม่คันนั้นคอยดักรอผมอยู่ แต่เมื่อรู้ว่าผมเห็นเข้าก็รีบบึ่งหนี...มันต้องการอะไร?
ได้รถว่างผมก็ขึ้นไปนั่งเหงื่อแตกซิก...เรามีศัตรูที่ไหน? โกรธแค้นหรือขัดใจอะไรกันจนถึงกับจะเอาชีวิต? ไม่มีเลยซักคนเดียว!
แล้วแท็กซี่คันนั้นมาดักดูผมที่หน้าบ้านทำไม? 3 ครั้งแล้ว! ที่เราไม่เห็นมันอีกล่ะ?
วันต่อมา ผมค่อยๆ ผลักประตูรั้วอย่างเชื่องช้า เหลียวซ้ายแลขวาด้วยความหวาดระแวง ถอนใจอย่างโล่งอกเมื่อไม่เห็นรถคันนั้น...ออกไปยืนมองหาแท็กซี่ พริบตานั้นเองผมก็ต้องยืนตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสาปให้กลายเป็นหินในบัดดล
นรกเป็นพยาน! แท็กซี่สีน้ำเงินคันนั้นกำลังแล่นมาจากด้านในช้าๆ ในรถว่างเปล่า คนขับหน้าเหี้ยม ดำคล้ำหันมามองก่อนจะเร่งรถผ่านไปรวดเร็วเหมือนลมพัด ขณะที่ผมเข่าอ่อน ใจหวิวๆ เกือบเป็นลม
ครั้งต่อๆ มา เมื่อผมหันไปเห็นเข้ามันจะบึ่งหนีเร็วขึ้น...จนกระทั่งถึงครั้งสุดท้าย
ความกลัวเปลี่ยนเป็นกล้าบ้าบิ่น พอเห็นมันโฉบเข้ามารถเปล่าตามเคยผมก็โบกมือเรียก ปราดเข้าไปหา...คุณพระช่วย! แท็กซี่เจ้ากรรมหันขวับมองผม ก่อนที่รถจะพุ่งเข้าเสาไฟฟ้าโครมลั่นเหมือนฟ้าผ่า...ร่างโชกเลือด นัยน์ตาเบิกโพลงราวกับเห็นภาพน่าสยดสยองพองขนสุดขีดก่อนจะสิ้นใจ!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 23 พฤศจิกายน 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น