"นายออฟ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อไปลองของ
เมื่อก่อนผมไม่เคยกลัวผีเลยครับ จนกระทั่งเมื่อปีที่แล้วผมอายุ 17 ปีพอดิบพอดี ใกล้จะจบ ม.6 อยู่แล้วละ เป็นเพราะความซนแท้ๆ ทำให้ทุกอย่างผันแปรไปหมด
ใช่แล้ว ผมถูกผีหลอกอย่างจัง...ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วคราวนี้!
ผมเรียนแผนกวิทย์ครับ ก๊วนผมมีสนิทๆ กัน 4 คน คือ ผม เจ้าชา เจ้าอาร์ตและเจ้าบอย...เราทำคะแนนได้ดีๆ กันทุกคน พ่อแม่สบายใจหายห่วง ไม่ต้องมาคอยจ้ำจี้จ้ำไช และไว้ใจให้เรารับผิดชอบตัวเอง ที่สำคัญพวกเราไปสมัครสอบตรง ผลก็คือได้ที่เรียนในมหาวิทยาลัยเรียบร้อย ไม่ต้องกังวลกับ เอ-เน็ต โอ-เน็ต....เฮ้อ!
ปลายภาค เรากำลังทุ่มเทกับการทำหนังสือรุ่นกัน ผมขอแม่ไปค้างบ้านเจ้าชาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ แน่ละ! เราอยู่กันที่บ้านนั้นพร้อมหน้าทั้ง 4 หน่อ...
ทีแรกก็อยู่กันดีๆ ไม่มีอะไร...เจ้าชาคงคิดว่าชีวิตมันจืดชืดไปหน่อย ก็เลยหาเรื่องตื่นเต้นให้เราทำ มันเริ่มด้วยการบอกว่า...ในซอยบ้านมันนี้มีบ้านผีสิงด้วย...เอาละซี เพื่อนเรา!
ผมเห็นแล้วละครับ บ้านสีขาวๆ โทรมๆ อยู่ถัดไปทางท้ายซอย ตรงหัวโค้งที่เป็นทางสามแพร่งนั่นน่ะ เลยไปหน่อยเป็นร้านชำ ตอนกลางวันมีส้มตำไก่ย่างเจ้าอร่อย ผมเห็นบ้านหลังนั้นตอนไปซื้อไก่ย่างเมื่อก่อนเที่ยง มองเข้าไปก็น่ากลัวเอาการอยู่...มีต้นหญ้าแห้งๆ ขึ้นสูง แต่ก็ไม่ทึบหรือรกเรื้อนักหรอกครับ เพราะส่วนใหญ่มันแห้งตายไปหมดแล้ว
ชาเล่าว่าบ้านนี้ร้างมานานหลายปีดีดัก ตั้งแต่มันจำความได้ก็ไม่เคยเห็นใครอยู่เลย
คนซอยนี้เขาลือกันว่าผีดุ เขาว่ามันเป็นบ้านที่มีคนฆ่าตัวตาย ที่จริงเคยมีคนมาเช่าแต่อยู่ไม่ได้ โดนผีหลอกเผ่นแน่บทุกรายไป สุดท้ายก็เลยทิ้งร้างไว้เฉยๆ
ตอนที่ผมมองเข้าไป คิดว่าตาไม่ฝาดนะ ผมเห็นใครบางคนเดินแว่บๆ อยู่ข้างใน ไม่รู้เป็นผู้ชายหรือผู้หญิง เพราะเห็นแต่เงาดำๆ มันอาจเป็นพวกคนติดยา หรือคนจรจัดก็ได้ละมั้ง? พอผมบอกเจ้าชา มันก็บอกว่าไม่จริงหรอก ไม่มีใครกล้าเข้าไปในบ้านนั้นแน่ๆ
แต่...คืนนี้มันจะพาพวกเราเข้าไป!
พวกเราไม่กลัวผีเพราะไม่เชื่อว่ามันมีผีจริงๆ ในโลกนี้ แต่เราก็สนุกที่จะไปเที่ยวในบ้านผีสิง หรือฟังเรื่องผี เดอะช็อค คราวด์ ของี่ป๋องทุกคืนวันเสาร์-อาทิตย์
ผมนึกสนุกขึ้นมาทันทีที่เจ้าชาชวนไปนั่งเล่าเรื่องผีกันในบ้านผีสิง รับรองได้ว่าปลอดภัย และไม่รบกวนใคร
คืนนั้นเราก็ขี่จักรยานไป บ้านหลังนั้นอยู่ห่างจากบ้านเจ้าชาไม่ถึงร้อยเมตร ไฟถนนก็สว่าง เราไม่ได้เตรียมอะไรไปเลย นอกจากโลชั่นทาตัวกันยุงกัด และน้ำดื่มคนละขวด...มันน่าสนุกจริงๆ ครับ
ที่ที่เราไปนั่งเล่าเรื่องผีกัน คือโต๊ะหินกลมที่ตั้งอยู่ริมสนาม ติดกับเทอร์เรซหน้าบ้าน และประตูกระจกที่เปิดเข้าสู่ห้องรับแขกก็อยู่ห่างไปแค่ราวสามเมตรกว่าๆ ผมละเสียวไส้กับประตูนี้มาก แม้จะไม่กลัว แต่ก็ลุ้นระทึกทุกครั้งที่มองเข้าไป...บานประตูไม่ได้ปิดสนิท แต่เปิดห่างจากกันราวสองคืบ
ผมรู้สึกตลอดเวลาว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ที่นั่น!
ตีหนึ่งครึ่งแล้ว พระจันทร์ดวงกลมโตสว่างจ้าลอยอยู่เกือบกึ่งกลางฟ้า ค่อนไปทางทิศตะวันตก แสงจันทร์กระจ่างมากจนเรามองเห็นหน้ากันชัดเจน มันเป็นแสงไฟถนนด้วยละ แต่ถึงยังไงมันก็ไม่เหมือนเห็นกันตอนกลางวัน ภายใต้แสงไฟในบ้าน คือมันจะเป็นสีเงินยวงแปลกๆ และหลอนๆ
บอยกำลังเล่าเรื่องผีในโรงแรม ขณะที่ผมเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนั้น...
เธอผอมบอบบางสูงราว 160 ผมยาว ใบหน้าเรียว คางแหลม อายุคงไม่เกิน 20 ปี ผมเห็นชัดขนาดนั้น...เธอสวมชุดนอนคล้ายไนลอนสีขาวๆ ยาวแค่ครึ่งน่อง มือข้างหนึ่งยกขึ้นเกาะประตูอยู่ในระดับไหล่
เธอจ้องมองเราตาคว่ำนิดๆ ปากยิ้มหน่อยๆ คล้ายขำอะไรอยู่ไม่รู้
สีหน้าของผมทำให้เพื่อนๆ อีกสามคนหันไปมองบ้าง อาร์ตร้องเฮ้ย! แต่บอยกับชาต้องงุนงงทั้งคู่ พวกเขาไม่เห็นใครอยู่ที่ประตูบ้านตรงนั้นเลย!
ผมรู้สึกสับสน ใจหนึ่งคิดว่าไม่ใช่ผีหรอกน่า...ผีไม่มีจริงในโลกสักหน่อย! เธออาจเป็นเจ้าของบ้าน แต่อีกใจหนึ่งแย้งว่า มีเหตุผลหน่อยซิ บ้านแบบนี้ไม่มีคนอยู่แน่ๆ เธอคนนี้เป็นใคร มาจากไปน มาทำอะไรที่นี่?
ทำไมแต่งตัวอย่างนี้...ทำไมมายืนมองพวกเราแบบนี้?!
เธอมีบางอย่างผิดปกติ ผมใช้เวลาเป็นนาทีกว่าจะตระหนักชัดว่า...สิ่งผิดปกตินั้นคืออะไร? เธอไม่มีขาครับ! ไม่มีขาทั้งสองข้าง!!
ใต้ขอบชุดนอนลงมาไม่มีอะไรเลย...เธอยืนอยู่ได้ยังไง? เธอลอยอยู่แท้ๆ
"ไม่มีขา..." ผมพึมพำ รู้สึกชาวูบเหมือนมีพลังไฟฟ้ามาปะทะจนซ่าไปทั้งตัว
พวกเราค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างเรียบร้อย บอยกับชายังไม่เห็น แต่ก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น อาร์ตกับผมไม่ได้แกล้งซีดและสั่นเทาเป็นลูกนกตกน้ำอย่างนี้หรอก ถ้าไม่ตกใจจนช็อกจริงๆ ภาพที่เห็นน่ากลัวสุดบรรยาย เธอยังเกาะประตูจ้องดูเราเหมือนภาพนิ่ง ผมเดินถอยหลัง มีเพื่อนๆ เกาะกลุ่มอย่างเหนียวแน่น...ผมจ้องเธออยู่อย่างนั้นไม่ให้คลาดสายตา ใจริกๆ ข่มตัวเองไม่ให้โวย ไม่ให้วิ่งเตลิดตามใจคิด
"อย่าวิ่งนะ! อย่าวิ่ง..." บอยกับชาพูดเสียงดังเหมือนจะข่มความกลัว...นานเท่าไหร่ไม่รู้ ผมมารู้ตัวอีกทีตอนซ้อนจักรยานของชา บอยซ้อนจักรยานกับอาร์ต แล้วก็กลับถึงบ้านเจ้าชาอย่างปลอดภัย...ผมจับไข้หนาวสั่นทันที
นั่นละครับ ตั้งแต่นั้นมาผมกลายเป็นคนกลัวผีไปเลย!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 10 พฤศจิกายน 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น