"หนุ่มรัชดา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากเลดี้คลับ
ผมเป็นคนหนุ่มที่ไม่เชื่อเรื่องผีมาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ แต่แล้วผมก็ต้องเจอกับเรื่องน่าขนลุกขนพองเข้าอย่างจังๆ แถมเหตุเกิดในสถานบันเทิงหรูหราที่เรียกว่า "เลดี้คลับ" ใจกลางกรุงเทพฯ อีกต่างหาก
ผมทำงานเป็นโฮสเตสในเลานจ์สำหรับสุภาพสตรีครับ รายได้งามพอที่จะเล่าเรียน และมีชีวิตอย่างราบรื่นพอสมควร แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยเอาการที่ต้องเรียนกลางวัน ทำงานกลางคืน..เลานจ์ที่ผมทำงานอยู่ถนนรัชดาภิเษก ตัวเองเช่าห้องอยู่ในซอยด้านหลัง อาศัยมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปกลับ ไม่มีปัญหาอะไร..
เดี๋ยว! คุณกำลังยิ้มเยาะว่าผมเป็น "ผู้ชายขายน้ำ" ใช่มั้ยเนี่ย?"
เสียใจครับ ต้องบอกว่าเข้าใจผิดแล้ว! ผมทำงานสุจริต ไม่ได้ลักขโมย หรือปล้นจี้คดโกงเขากิน..ขายตัวเรอะ? เปล่าเลย..ผมขายบริการ เป็นเพื่อนคุยแขกของทางร้านที่เป็นผู้หญิงล้วนๆ เท่านั้นเอง!
ตอนแรกที่เพื่อนชื่อไอ้แมวมาชวนว่า ไปเป็น "โฮสฯ" มั้ย? รายได้ดีนะโว้ย ผมก็ยังงงๆ จนกระทั่งมันพาไปสมัครงานในตอนเย็น ขอสำเนาบัตรประชาชน กับมีการฝึกสอนเต้นรำ ทำงานตั้งแต่ 4 ทุ่มถึงตี 2 เงินเดือน 1 หมื่น 5 พันบาท ได้แบ่งค่าดริงก์ 300 บาทจาก 500 บาท เงินเดือนและเงินดริงก์ออกเดือนละ 2 ครั้ง
เลานจ์หรือบาร์แห่งนี้ติดป้ายเอาไว้ชัดเจนว่า "ต้อนรับเฉพาะสุภาพสตรีเท่านั้น"
"ขายน้ำ" นี่เป็นบางคนนะครับ ไม่ใช่ทุกคน! เพราะเรามีหน้าที่แค่เป็นเพื่อนคุยของแขกที่มีทั้งสาวน้อยสาวใหญ่ ระดับไฮโซฯ แทบทั้งนั้น นักศึกษายังมีเลยครับ
แต่งตัวเนี้ยบสุดๆ ไม่ต้องพูดถึงเครื่องประดับพวกสร้อย แหวน กำไล ก็ได้ แค่พวกรองเท้า กระเป๋า นี่ล้วนแต่แบรนด์เนมทั้งนั้น ราคาเป็นหมื่นๆ รู้กันอยู่ ไม่รู้ว่าร่ำรวยมาจากไหนนักหนา โฮสเตสอย่างพวกผมก็มีหน้าที่พูดคุย เอาอกเอาใจ เรื่องดริงก์ที่เป็นรายได้งามๆ น่ะส่วนมากไม่ต้องขอหรอกครับ เธอพอใจก็สั่งให้เอง
หนุ่มโฮสเตสนี่ไม่ต้องพูดถึงความหล่อเหลาก็ได้ หุ่นพระเอกก็มี ล่ำบึ้กก็มี เกย์ก็มี..ตอนดึกๆ มักมีสาวบริการเลิกงานโฉบเข้ามา พวกเราทำดีกับเธอ เข้าใจเธอด้วยว่าต้องขายบริการเหน็ดเหนื่อยแล้ว ได้เงินก็เอามาซื้อบริการจากคนอื่นชดเชยบ้าง
"แม่อุ๊" หรือมาม่าซังคอยตักเตือนให้ความรู้พวกเราที่มีอยู่ราว 30 กว่าคน
รักษาความสะอาด สวมสูทตามแฟชั่นวัยรุ่น สุภาพอ่อนโยน อย่าแตะเนื้อต้องตัวแขก ถ้าแขกมาโอบหรือลูบๆ คลำๆ ไม่เกินเลยก็แล้วไป ไม่จำเป็นอย่าสูบบุหรี่
ข้อสำคัญที่สุดก็คือ แขกชวนไปเที่ยวต่ออย่าไปเด็ดขาด!
เรื่องนี้ต้องยอมรับความจริงอยู่อย่าง ว่ามีโฮสเตสหลายคนยอมไปกับแขก เพื่อเงินและเพื่อเซ็กซ์ เพราะแขกหลายๆ คนน่ะนะ คุณเอ๋ย..ขาวสวยหมวยอึ๋ม เสน่ห์แรงวายป่วงจริงๆ บอกไม่เชื่อ ผมยังอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมไม่ไปเที่ยวกับแฟนนะ จะว่าเป็นเลสเบี้ยนก็ไม่ใช่นี่นา
พวกผมที่เต้นรำไม่เก่งแย่หน่อย ไหนจะเหล้า ไหนจะโดนแขกชวนลงฟลอร์บ่อยๆ อีกล่ะ? แต่แม่อุ๊มีทางแก้ให้เรียบร้อย ใครคออ่อนก็บ้วนเหล้าคืนใส่แก้ว แขกไม่รู้หรอก..แล้วจ่ายให้บ๋อยที่มารับแก้วคืนไปล้างแก้วละ 100 บาทละกัน
ผมทำงานได้เดือนเศษก็เจอเรื่องขนหัวลุกเข้าอย่างจัง!
พี่แหม่มเป็นสาวสวยหุ่นดีมาก อายุราว 30 เศษๆ พบกันครั้งแรกก็ถูกชะตากลายเป็นขาประจำไปเลย มาถึงต้องเรียกผมทันที ไม่ชอบเต้นรำมากกว่าซดวิสกี้ สูบบุหรี่ มียิ้มติดมุมปากเสมอ บางทีก็เหมือนจะเยาะหยันอะไรไม่รู้ หรือจะเยาะตัวเองมั้ง?
พอสนิทกันก็เล่าว่า แต่งงานมา 5 ปีแล้วแต่ไม่มีลูก สามีทำธุรกิจร้อยล้าน แต่ต้องออกต่างจังหวัดครั้งละหลายๆ วัน พี่แหม่มบอกว่าทั้งเหงา ทั้งเซ็งชีวิตเต็มที!
"ออกไปต่อกับพี่มั้ย? พี่ให้เอ๋ 3 หมื่น!" จู่ๆ เธอก็ถามผมขณะที่แขกส่วนมากออกไปเต้นรำกันเมื่อดีเจ.เปิดเพลงถูกใจ ผมอึ้งกิมกี่ไปเลยครับ..ไม่ว่าผู้ชายคนไหนเห็นพี่แหม่มก็อยากอึ๊บทั้งนั้น ถ้าเป็นเสี่ยคงยอมจ่ายหลายหมื่นแน่ๆ แต่ผมตั้งปณิธานไว้แล้วว่าจะไม่ยอมเป็น "หนุ่มขายน้ำ" เด็ดขาด ถ้าจะยุ่งกับใคร ไม่ว่ารักหรือเซ็กซ์จะต้องไม่มีเงินทองเป็นสิ่งกำหนด
ปฏิเสธไปอย่างนุ่มนวล ขอโทษเธอด้วย บอกว่าพี่แหม่มน่ารักที่สุด ผมทั้งรักและนับถือเหมือนพี่สาว ขอให้น้องชายคอยรับใช้อยู่ที่นี่ดีกว่าครับ!
พี่แหม่มยิ้มมุมปากตามเคย ดูไม่ออกว่าเธอผิดหวังหรือเปล่า? แต่พูดคุยกับผมในเรื่องอื่นๆ เป็นปกติ คืนนั้นผมคิดว่าเป็นคืนสุดท้ายแล้วที่จะได้เห็นเธอ! แต่รุ่งขึ้นพี่แหม่มก็กลับมาตามเดิม..ดื่มเหล้าจัดแต่ไม่ยักสูบบุหรี่ บอกว่าตั้งแต่มาเที่ยวที่นี่เกือบเดือน ไม่เคยชวนโฮสเตสคนไหนออกไปเลย พอชวนสุดหล่อคนแรกก็ผิดหวัง
ผมยังไม่ทันโต้ตอบเธอก็พูดต่อ..ไม่เป็นไร! คืนนี้ช่วยออกไปส่งพี่ที่ประตูได้ไหม? จะได้ภูมิใจว่ายังมีคนอาทรพี่ไง! ผมฟังแล้วใจหาย รับปากทันทีว่าได้ซีครับพี่
คืนนั้นวันอาทิตย์ราวตี 1 สาวบริการเริ่มทยอยเข้ามา...พี่แหม่มเช็กบิลแล้วพยักหน้ากับผม ก่อนออกเจอไอ้แมวที่ประตูเลยบอกว่าจะลงไปส่งพี่แหม่ม เดี๋ยวมา! แล้วเราก็เข้าลิฟต์ลงไปชั้นล่าง
ที่หน้าประตูด้านนอกนั่นเอง พี่แหม่มจับมือผมบีบเบาๆ เงยหน้ายิ้มทั้งปากและตา พึมพำว่าลาก่อน..แล้วเดินตัวตรงไปที่ลานจอดรถ..เลือนรางจางหายไปต่อหน้าต่อตา!
ผมร้องเฮ้ย! พี่ฮ้อที่เฝ้าประตูถามว่าเป็นอะไรไป? เดินลงมานี่ทำไม? ผมกระเดือกน้ำลาย พึมพำเสียงสั่นๆ ว่าเวียนหัวเลยลงมาหาที่โล่งๆ หน่อย..ครั้นเดินขาสั่นกลับขึ้นไปชั้นบนไอ้แมวเข้ามาถามว่า..มึงเล่นมุขอะไรวะ? ไปส่งพี่แหม่ม..แกผูกคอตายตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไง!
คุณผู้หญิงอยากไปพักผ่อนคลายอารมณ์ก็เชิญนะครับ..ถามหาหนุ่มเอ๋ได้เลย ขออย่างเดี๋ยว อย่ามาฆ่าตัวตายใส่ผมเหมือนพี่แหม่มอีกละกัน! บรื๋อส์..
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 15 พฤศจิกายน 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น