22 พฤศจิกายน 2558

คนเห็นผี!

"ลักษมณ" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากพรพิเศษของตัวเอง

ผี...เป็นสิ่งที่ดิฉันกลัวมากที่สุดในโลก!! บางคนถามว่าเคยเห็นผีแล้วเรอะถึงได้กลัวนักกลัวหนา? อ๋อ...เคยแล้วสิคะ ไม่ใช่ตาฝาดด้วย จะบอกให้

การเห็นผีของดิฉันมีมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งตอนนี้อายุปาเข้าไป 36 ใกล้หลัก 4 แล้วก็ยังเห็นเป็นบางครั้งเป็นคราว ขอยืนยันว่าไม่ใช่เพ้อเจ้อ ตาแหก หรือคิดไปเอง...ดิฉันเจอมาแล้วจริงๆ ค่ะ

ครั้งแรกเลย ยังจำได้...ตอนนั้นกำลังเรียนอยู่อนุบาล 2 เท่านั้นเอง

โรงเรียนที่เรียนอยู่นั้นเก่าแก่และมีชื่อเสียงมาก เป็นโรงเรียนสตรีล้วน และพอขึ้น ป.5 ก็ต้องอยู่ประจำด้วย ห้องเรียนอนุบาลของดิฉันอยู่บนตึกเก่า มีครูประจำชั้นและครูผู้ช่วยอีกคนหนึ่ง แต่ดิฉันเห็นว่ามีครูผู้ช่วย 2 คนค่ะ

แน่ละ! อีกคนนั้นไม่ใช่คนหรอกค่ะ ไม่มีใครเห็นเธอ นอกจากดิฉันเท่านั้น เธอสวยมาก ตัวเล็ก ผิวคล้ำ ตาคม...ดูเศร้าๆ อาจจะเพราะไม่มีใครพูดด้วย

ครูจิตราที่ประจำชั้น สังเกตมานานแล้วว่า ดิฉันชอบพูดคนเดียวอยู่ตรงมุมห้อง! ทีแรกท่านนึกว่าเด็กคนนี้มี "เพื่อนในจินตนาการ" แต่พอถาม ดิฉันก็บอกว่าคุยกัน "ครูนุช"

เท่านั้นละครูจิตราถอยกรูด ดิฉันจะไปรู้จักครูนุชได้ไง? เธอตายไปตั้ง 3 ปีแล้ว!

สรุปว่า โรงเรียนต้องนิมนต์พระมาทำบุญเป็นการเอิกเกริก แต่ดิฉันก็ยังเห็นครูนุชบ่อยๆ อยู่ดี

พอจบ ป.4 คุณพ่อพาดิฉันไปอยู่โรงเรียนอื่น เพราะไม่อยากให้ลูกอยู่ประจำ ซึ่งก็นับว่ารอดตัวไป เพราะโรงเรียนเก่าผีเยอะจริงๆ ตอนนั้นดิฉันยังเด็ก แต่ก็รู้ว่า ที่เห็นตามซอกมุมสลัวๆ ของตึกนั้น...ถึงจะเหมือนคน แต่ก็ไม่ใช่คน!

ความสามารถพิเศษในการเห็นผีของดิฉันหายไปซะนาน จนกระทั่งเมื่ออายุได้ 12 ปีก็เจอเข้าอีกค่ะ

วันหนึ่งมีคนมากดออดหน้าบ้าน ดิฉันชะโงกไปดูเห็นผู้ชายใส่ชุดขาว ตัวสูงมากหน้าตาหล่อเหลา ยืนพิงประตูรั้วยิ้มให้ พอเดินเข้าไปใกล้เขาก็ค่อยๆ จางหาย...เหมือนละลายไปกับสายลม...

เขาจะเป็นอะไรล่ะคะ ถ้าไม่ใช่ผี?!

เดชะบุญที่ผีแต่ละตนที่เจอะเจอมา ไม่มีหน้าตาเละเทะ ตาโบ๋ แลบลิ้นปลิ้นตาให้หัวโกร๋นเลย ดิฉันเห็นเป็นคนธรรมดาๆ แต่มันมีอะไรก็ไม่รู้ที่บ่งบอกว่าพวกเขาเป็นวิญญาณ...อาจจะเป็นเพราะเนื้อนวลเนียนที่ถึงจะเหมือนจริง แต่ก็ดูราวกับก่อตัวขึ้นมาจากกลุ่มควันมากกว่าเป็นเนื้อหนังมังสาอย่างเราๆ

เวลาไปเที่ยวที่ไหน ดิฉันมักจะมีซิกธ์เซนส์รู้ว่าที่ตรงนั้นมีสิ่งลี้ลับสิงอยู่

สามีเคยพาไปทัวร์ยุโรป และพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเยอรมัน ดิฉันได้ยินเสียงร้องไห้ระงมตั้งแต่เช็กอินเลยล่ะค่ะ รู้เลยว่าบริเวณนี้เคยมีพวกยิวถูกจับไปทรมานและสังหาร ความทุกข์แสนสาหัสของพวกเขายังฝังแน่นอยู่กับสิ่งแวดล้อมรอบๆ นั้นและฉายออกมาให้คนประสาทไวอย่างดิฉันได้รับรู้

ครั้งหนึ่ง ดิฉัน สามี และลูกๆ ไปเที่ยวพัทยา โรงแรมที่เราพักสวยงามและหรูหรา ทว่าดิฉันได้กลิ่นไหม้ๆ กระทบจมูกทันทีที่ย่างเข้าไป!

ธรรมดาของคนเราเมื่อได้กลิ่นไหม้ เราก็ต้องเหลียวหาไปทั่วๆ ใช่ไหมคะ แล้วดิฉันก็เห็นว่าในห้องล็อบบี้ของโรงแรมน่ะ สวย สะอาดตา ทุกคนมีรอยยิ้มแย้มแจ่มใส...ไม่มีใครทำจมูกฟุดฟิดเป็นอีบ้าอย่างดิฉันเลย

นอกจากกลิ่นไหม้แปลกแล้ว นาทีถัดมา ดิฉันก็ถึงกับผงะเมื่อได้กลิ่นฉุนของเส้นผมและเนื้อหนังที่ถูกไฟเผา!

ใช่ค่ะ...ที่นี่เคยเกิดโศกนาฏกรรมที่รุนแรง เพลิงเคยเผาผลาญจนวอดวายเมื่อนานมาแล้ว ผู้คนตายนับร้อยทีเดียว! สัมผัสพิเศษของดิฉันว่า ไม่ใช่ผีสางอะไรหรอก ดวงวิญญาณเขาเหล่านั้นไปสู่สุคติแล้ว สิ่งที่ดิฉันสัมผัสได้มันเป็นแค่รอยประทับ...

จริงๆ ด้วยค่ะ เพราะตลอดเวลา 3 คืน 4 วันที่พักในโรงแรมนั้น ดิฉันไม่เจอผีสักตน ทั้งๆ ที่นอนอยู่ในสถานที่ที่เขาตายอย่างทรมาน กระนั้นดิฉันก็อดเสียวสันหลังไม่ได้ ทุกคืนจะนอนกอดลูกไว้กับอก และคอยหวาดระแวงว่าจะมีอะไรโผล่มาในความมืด?

แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี

เรื่องที่ทรมานดิฉันที่สุด ในการเป็นคนเห็นผีนี้ คือทุกครั้งที่ญาติสนิทหรือคนรู้จักตายลง ดิฉันจะประสาทผวา เพราะเคยมีครั้งหนึ่งที่คุณป้าวลัย-เพื่อนสนิทของแม่ถึงแก่กรรมด้วยโรคมะเร็งในวัย 63 ปี ท่านกลับมาจากโลกแห่งความตาย และทักทายด้วยวิธีที่ทำให้ดิฉันแทบหัวใจวายตาย

วันนั้น ดิฉันนั่งคุยกับแม่ในห้องนอนที่ชั้นสอง ตอนนั้นเป็นเวลาพลบค่ำของฤดูหนาวเดือนพฤศจิกายน คุณป้าวลัยตายได้ 1 เดือนพอดี

ขณะคุยเพลิน ดิฉันก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อหันไปที่หน้าต่าง และเห็นภาพที่ไม่น่าเห็นเลย!

นั่นคือ ใบหน้าคุณป้าวลัยที่ใหญ่เกือบครึ่งหน้าต่าง...ใหญ่กว่าคนปกติตั้งหลายเท่าโผล่ขึ้นมาท่ามกลางความมืด ถึงจะเป็นหน้าแบบคนธรรมดา แต่มันสยองมากๆ ดิฉันเป็นลมไปในทันที พอฟื้นขึ้น ทุกคนในบ้านตกใจ ดิฉันไม่ได้เล่ารายละเอียดเพราะเกรงว่าจะกลัวกันไปใหญ่...บอกแต่ว่าเห็นคุณป้าวลัยที่หน้าต่าง แค่นี้กลัวกันจะแย่แล้ว

มีสัมผัสพิเศษแบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ ผู้รู้บางท่านแนะนำดิฉันทำใจและใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ดวงวิญญาณเหล่านั้น ข้อสำคัญ ดิฉันคงต้องฝึกทำใจอีกนานเชียวล่ะค่ะ!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 22 พฤศจิกายน 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น