09 ตุลาคม 2558

ห้องนี้มีแฝดสาม

"ชาลิสา" เล่าประสบการณ์

บ้านดิฉันอยู่ในซอยกลางย่านประตูน้ำ ใกล้ๆ บ้านมีหอพักเก่าแก่ที่มีคนมาเช่าอยู่มากหน้าหลายตา ล้วนแต่เป็นผู้ที่ทำงานอยู่แถวนี้ ทั้งแม่ค้า เจ้าหน้าที่ธนาคาร พนักงานบริษัทห้างร้านต่างๆ รวมไปถึงนักศึกษา

เมื่อสองปีก่อน เคยมีข่าวลงหน้าหนึ่งเรื่องหญิงสาวถูกแฟนหนุ่มฆ่าตาย เขาแทงเธอยับไปทั้งตัว ศพคว่ำอยู่บนเตียง กว่าจะมีคนไปพบสาม-สี่วันเข้าแล้วเพราะกลิ่นโชยออกมา

คนในหอที่เห็นสภาพตอนเปิดห้องเข้าไป เล่าให้ฟังว่าทั้งน่าสงสารและน่ากลัวมาก เธอเคยเป็นคนสวย รูปร่างโปร่งบาง ผมยาว ยิ้มง่าย..ดิฉันเคยเห็นเธอค่ะ แต่สภาพไร้วิญญาณของเธอนั้น ร่างบวม เน่าดำ มีน้ำเลือดน้ำเหลืองไหลเยิ้ม

ว่ากันว่า เมื่อนำร่างออกไปแล้ว กลิ่นยังอวลอยู่หลายวัน คนที่อยู่ข้างห้องหลายคนย้ายออกจากหอแทบไม่ทัน เพราะทนกลิ่นและความสยดสยองไม่ได้

พวกเขากลัวผีกันน่าดู หอนั้นแทบร้างเลยก็ว่าได้!

จุ๊บ-แม่ค้าขายผักผลไม้ในตลาด เธอเช่าอยู่ชั้นล่างสุดของหอนี้มาเกือบสิบปีแล้ว แต่ไม่ได้ย้ายหนีไปอย่างคนอื่น ดิฉันชอบเรื่องผีจึงถามเธอว่า..เคยเจอผีมั้ย?

"ผีภาวินีน่ะเหรอ?" จุ๊บเอ่ยถึงเธอผู้นั้น "ไม่มีหรอก เอ..แต่มีคนเห็นเหมือนกันนะ! เขาเห็นมายืนอยู่ที่ระเบียงเหมือนเมื่อตอนมีชีวิตอยู่ แต่ไม่น่ากลัวอะไรนี่"

ขึ้นชื่อว่าผีก็น่ากลัววันยังค่ำแหละคุณ เมื่อถามถึงผีดิฉันก็ไม่ผิดหวัง

..ภาวินีชอบมายืนอยู่ตรงระเบียงหลังห้องบ่อยๆ คนที่เดินในซอยถ้าแหงนมองขึ้นไปก็จะเห็นได้ถนัดตา..ห้องเธออยู่ชั้นสาม อายุราวยี่สิบต้นๆ ตัวเล็กๆ ผมยาว ชอบนุ่งกางเกงขาสั้น สวมเสื้อยืดหลวมๆ

"แต่ห้องนั้นมีคนมาเช่าแล้วนะ!!" จุ๊บบอกข่าวอย่างตื่นเต้น

คนที่มาใหม่เป็นสาวลูกจ้างร้านขายผ้า มาอยู่กันสองคนพี่น้อง อายุราวยี่สิบปี

"เขารู้รึเปล่าว่าห้องนั้นเคยมีคนถูกฆ่าตาย"? ดิฉันออกจะตกใจเอาการ จุ๊บบอกว่าสงสัยจะไม่รู้หรอก ไม่มีใครบอกนี่..ทั้งคู่เช่าได้หลายเดือนแล้วก็เห็นอยู่กันดีไม่มีอะไร

ทีแรกดิฉันเข้าใจว่าเจ้าของหอปิดตายห้องนั้น หรือไม่ก็ทำเป็นห้องเก็บของ นึกไม่ถึงว่าจะเปิดให้เช่า น่ากลัวจริงๆ ค่ะ ใครรู้เรื่องคงไม่กล้าอยู่เป็นแน่

จุ๊บเล่าว่าเตียงนั้นคงเป็นเตียงเดิม เพราะเจ้าของหอทิ้งไปแต่ที่นอน หมอนและผ้าห่มที่ชุ่มน้ำเหลือง..จุ๊บเดินผ่านห้องนั้นตอนขึ้นไปคุยกับเพื่อนยังเห็นเตียงเปล่าๆ ตั้งอยู่ที่เก่า

ดิฉันอดสยองแทนสองศรีพี่น้องนั่นไม่ได้ คิดดูซิคะ..เธอนอนในห้องที่เคยมีศพเน่าอืด! ห้องที่มีผู้หญิงถูกแทงตายอย่างทารุณที่สุด..พวกเธอจะไม่รู้สึกผิดปกติอะไรบ้างเลยหรือ

เย็นหนึ่ง ดิฉันเดินไปซื้อราดหน้าเจ้าประจำซึ่งอยู่ติดกับหอพักแห่งนี้

ขณะเดินผ่านก็อดมองขึ้นไปบนระเบียงเจ้ากรรมนั่นไม่ได้ มองแล้วก็ยังนึกเห็นภาพภาวินีมายืนชมวิวในท่าที่คุ้นตา เออ..จริงสิ เธอเคยยิ้มกับดิฉันด้วยละ!

พอสั่งราดหน้าเสร็จก็นั่งรอ..เย็นนี้ลูกค้าเยอะจัง ท่าจะต้องนั่งรอนาน แต่ไม่เหงาหรอกค่ะเพราะจุ๊บเดินมาพอดี เธอทักทายดิฉันอย่างสนิทสนมก่อนจะนั่งร่วมโต๊ะด้วย..สักพักเธอก็กระซิบกระซาบให้ดิฉันหันไปดูโต๊ะด้านในสุด

"นั่นไง! พี่น้องที่มาเช่าห้องนั้นอยู่"

ดิฉันหันไปมอง ทั้งสองคนกำลังก้มหน้าก้มตากินราดหน้า

พอเห็นหน้าอย่างถนัดๆ ดิฉันก็อดสะดุ้งวาบไม่ได้ ทั้งสองพี่น้องดูคล้ายกัน และในความคล้ายนั้น..พวกเธอก็เหมือนภาวินีด้วย!

น่าแปลกจริงๆ ค่ะ ทั้งคู่มีผมยาวทรงเดียวกัน นุ่งขาสั้นใส่เสื้อยืดเหมือนกัน..ถ้าเป็นแฝดก็คงจะแฝดสามละค่ะ..คือรวมภาวินีเข้าไปด้วยอีกคนไงล่ะคะ

"ขนลุกนะ" ดิฉันพูดเบาๆ "จุ๊บคิดอย่างพี่มั้ย?"

แน่ละ! จุ๊บสังเกตมานานแล้วเหมือนกัน แต่ไม่ได้พูดอะไร เธอเก็บความสงสัยไว้คนเดียว จนมีดิฉันนี่แหละที่มาเปิดประเด็นคุยด้วย

"เมื่อก่อนพวกเขาไม่ได้แต่งตัวแบบนี้หรอกนะ" จุ๊บเล่า "แต่จะนุ่งยีนส์ใส่เชิ้ตเพิ่งมาแต่งแบบนี้ราวเดือนสองเดือนได้ เห็นแล้วน่ากลัวเอาการเพราะเหมือนภาวินี มากๆ เลย"

เป็นไปได้หรือไม่ว่าวิญญาณของภาวินียังอยู่ในห้อง และเธอมีพลังแรงจนมีอิทธิพลกับสองสาวที่มาอาศัยทับที่ตายของเธอ?!

ที่น่ากลัวที่สุดคือ ใบหน้าที่ดูคล้ายคลึงกันอย่างประหลาด..

เกินครึ่งของคนที่มาเช่าอยู่ เป็นผู้เช่าใหม่ และไม่ทราบเรื่องที่หอนี้เคยมีคนตายอย่างน่าสยดสยองมาแล้ว?

มันทำให้ดิฉันคิดแบบสยองๆ ว่า ในเมืองเรายังมีห้องเช่าหรือห้องพักตามโรงแรมอีกกี่ห้องนะ ที่เคยมีเหตุการณ์รุนแรง มีคนตาย มีศพ แล้วเราซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่เผอิญให้ไปเช่าเพื่ออาศัยกินอยู่หลับนอน

อาจจะเป็นไม่กี่คืน หรือเป็นเดือนเป็นปีที่ต้องอยู่ในห้องนั้นเหมือนคนตาบอด

สองพี่น้องคงไม่รู้แน่ๆ ว่าห้องของเธอมีอดีตสยอง แต่ดิฉันสังหรณ์ใจพิกลว่า มีอะไรบางอย่างเหนือธรรมชาติกำลังมีอิทธิพลกับพวกเรา..เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปคงต้องเฝ้าดูกันละค่ะ

อย่างน้อยที่สุด ดิฉันเชื่อว่าคนตายกำลังแสดงให้พวกเราเห็นว่า..เธอยังอยู่ที่นี่!!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่  9 ตุลาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น