03 ตุลาคม 2558

คนเห็นผี

"ชลกร" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากฮ่องกง

ดิฉันทำงานในวงการแฟชั่นระดับโลก โดยมีตำแหน่งหน้าที่ควบคุมดูแลกิจการในบริษัทที่สหรัฐอเมริกา และหน้าที่นี้ต้องเดินทางไปดูงานยังที่ต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นปารีส, ลอนดอน, ญี่ปุ่น และฮ่องกง

ชีวิตแบบดิฉันนี่มีเพื่อนฝูงหลายคนบ่นว่าอิจฉา ดิฉันมีความสุขจริงๆ ค่ะ เพราะเป็นโสด เงินเดือนสูงและได้ทำงานที่ใจรัก คนเราเกิดมาก็แค่นี้เอง จะเอาอะไรอีกล่ะ? แต่ในขณะเดียวกันดิฉันก็นึกอิจฉาคนอื่นที่มีสามี มีลูกๆ อยู่ในครอบครัวที่พรั่งพร้อม

สรุปว่า ต่างคนต่างอิจฉากันด้วยเรื่องที่ไม่มีใครมีทุกสิ่งทุกอย่างสมบูรณ์แบบ!

บางเวลาที่ดิฉันเหงา...เฮ้อ! เหงาอยู่บนกองเงินกองทอง! อย่าหมั่นไส้เลยนะคะที่พูดให้คนฟังแบบนี้...ดิฉันติดจะขี้เหร่! มันเป็นแบบนี้มาแต่เด็กแล้วล่ะ ซึ่งก็ไม่ถึงกับเดือดร้อนในรูปร่างหน้าตาตัวเองนัก...

ผอมเป็นไม้เสียบผี ใส่แว่นตาหนาเตอะ หน้าตาสุดแสนจะธรรมดา แต่ในความขี้ริ้วขี้เหร่ก็มีดีอยู่อย่าง...คือดิฉันไม่เคยอิจฉาใครในเรื่องความสวยความงาม แต่กลับชื่นชมด้วยซ้ำ! ทั้งน้องๆ ตัวเอง ซึ่งแต่ละคนดูดี มีเสน่ห์สุดๆ และเพื่อนๆ ที่สวยล้ำหน้าเราไปหมด

...ดิฉันเฝ้ามองพวกเขาเติบโตเป็นสาวรุ่นที่เหมือนดอกไม้สวยหรู มีผู้สนใจมาเด็ดไปปักในแจกัน...คนแล้วคนเล่าที่มีแฟนมาติดพัน แล้วลงเอยด้วยการแต่งงานอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้ง! ดิฉันก็พลอยดีใจด้วย

งานดีไซน์เครื่องแต่งกายสวยๆ งามๆ ให้คนสวยอย่างพี่น้องเพื่อนฝูง เป็นงานที่ดิฉันรักเหลือเกิน มันเป็นความสุขจริงๆ แล้วดิฉันก็ได้ไปเรียนต่อที่สหรัฐอเมริกา ได้งานดี เงินดี นายใหญ่ก็ดีซะสุดแสน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับดิฉัน ซึ่งกลายเป็นลูกน้องระดับมือขวาของเขา

สิ่งดีๆ ที่เกิดกับดิฉันนั้น ทดแทนความไร้คู่ได้เหมือนกัน แต่ก็มีบางอารมณ์ที่เหงาและโหยหา ไม่ใช่โหยหาความรักหรือพระเอกนะคะ... ดิฉันอยากมีครอบครัวที่อบอุ่น พร้อมหน้าพ่อแม่ลูกเท่านั้น...

ช่างเถอะ! จะมาเพ้อฝันอะไรเอาตอนอายุใกล้จะห้าสิบแบบนี้...คนเราจะต้องพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี! จริงไหมคะ?

เออ...พูดถึงสิ่งที่ตัวเองมี ดิฉันตั้งใจจะเล่าเรื่องผีให้คุณฟังค่ะ

คุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ดิฉันมี คือเป็นคนที่เจอผีบ่อยมาก!

เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะค่ะ ไม่รู้อะไรกันนักกันหนา...ยิ่งโตขึ้น จนเป็นสาวแก่ขนาดนี้ มีหน้าที่การงานต้องไปต่างที่ต่างถิ่นกันทั้งปีทั้งชาติ ก็ยิ่งมีโอกาสเจอผีมากขึ้นเป็นธรรมดา ครั้งล่าสุดก็เพิ่งเมื่อ 2-3 วันมานี้เองแหละ สดๆ ร้อนๆ เลยนะเนี่ย

กลางเดือนกันยายน ดิฉันต้องตระเวนดูงานในพื้นที่ภูมิภาคเอเชีย ทั้งในญี่ปุ่น ไต้หวัน และฮ่องกง...

ฮ่องกงเป็นจุดสุดท้ายในตารางดูงาน จากนั้นก็คิดจะแวะเมืองไทย เยี่ยมพ่อแม่และเพื่อนฝูงสักสัปดาห์หนึ่ง ในเวลาปีสองปีจะมีโอกาสมาเยี่ยมบ้านสักครั้ง แต่บางปีก็ไม่ได้มาเมืองไทยเพราะการงานรัดตัว ต้องรีบไปรีบกลับ

ที่ฮ่องกง ดิฉันพักในโรงแรมหรูระดับห้าดาว ดิฉันเดินทางคนเดียวนะคะเที่ยวนี้น่ะ ก็เลยครองห้องอยู่คนเดียวสบายแฮ

ห้องในโรงแรมนี้สวยและสะดวกสบาย แม้จะมีคนกระซิบว่าผีดุ ดิฉันก็งั้นๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก

คืนนั้นกินมื้อค่ำที่โรงแรมตามลำพัง พอสองทุ่มกว่าๆ ก็ขึ้นมาบนห้อง เปิดหน้าต่างชมวิว ใจน่ะคิดถึงบ้านที่เมืองไทย...พรุ่งนี้ก็จะได้ไปพบพ่อแม่ น้องๆ และหลานๆ แล้ว

สี่ทุ่มกว่าๆ เริ่มง่วง ก็เลยปิดไฟเข้านอน โดยเปิดไฟห้องน้ำและแง้มประตูไว้นิดๆ ในห้องก็เลยสลัวๆ ดิฉันชอบเปิดม่านไว้เต็มที่ เพราะตอนเช้าเวลาลืมตามาก็จะได้เห็นท้องฟ้าที่มีแสงเงินแสงทอง...เหมือนอยู่สวรรค์เลยละ

ใกล้เคลิ้ม กำลังสบาย จะหลับอยู่รอมร่อก็มีอะไรบางอย่างหล่นตุ้บมาบนอก!

ความรู้สึกบอกว่ามันเป็นร่างคน หล่นจากเพดานมาบนเตียง ซีกหนึ่งของร่างกระทบตัวดิฉันอย่างจัง...แขนของเขาคนนั้นก็พาดมาปะทะหน้าอกพอดี

อะไรกันนี่?! ดิฉันลืมตาทันที...ขอย้ำว่าไม่ได้หลับ ไม่ใช่ผีอำ! แต่ตื่นเต็มที่ด้วยความตกใจและสับสนงุนงงจริงๆ

ภาพที่เห็นคือผู้หญิงคนหนึ่ง...แปลกที่ไฟสลัวแต่ดิฉันเห็นเธอชัดเจนมาก เธอกำลังยันตัวขึ้นเหมือนคนที่เพิ่งหกล้มแล้วกำลังจะลุกน่ะค่ะ! แขนเธอยังอยู่บนอกดิฉันเลย เธอเอาแขนออก ยันที่นอน ใบหน้าห่างกันแค่คืบ...

แหม! ก็เธอหล่นมาบนที่นอนจนเกือบทับ...เอ๊ย! ทับดิฉันไปครึ่งตัวแล้วนี่นา มันกระชั้นชิดกันมากๆ

ใบหน้าเธอสวยน่ารัก เป็นสาวรุ่น ผมยาวตรง ใส่ชุดกี่เพ้าสีแดงสด เธอยักแย่ยักยันลุกจากเตียง ขณะมองหน้าดิฉันและหัวเราะเสียงใสเหมือนขำที่ตัวเองหล่นลงมา...ขำและยิ้มแบบขอโทษขอโพย เธอมีเนื้อหนังเป็นตัวเป็นตน มีน้ำหนักเหมือนคนธรรมดาๆ ตัวเล็กแบบบางและสวยมาก แต่ภายใน 2-3 วินาทีต่อมาเธอก็หายไปเหมือนละลายไปในอากาศ

ห้องทั้งห้องกลับสลัวรางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!

ดิฉันงุนงงแต่ไม่กลัว ทั้งที่รู้ว่าเธอเป็นผี ดิฉันลุกขึ้นนั่งทำตาปริบๆ เธอจะมาอีกไหมนี่? เวลาผ่านไปอึดใจใหญ่ๆ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างอยู่ในความสงบ ดิฉันเลยเข้านอนต่อ

นี่ล่ะค่ะ ผีตัวล่าสุดที่ดิฉันเจอเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง...แปลกดีไหมล่ะคะ?

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 3 ตุลาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น