18 ตุลาคม 2558

น้องแพร

"น้าหนุ่ย" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อพบวิญญาณหลานสาว

น้องแพรอายุแค่ 3 ขวบ เธอน่ารัก ยิ้มง่าย ไร้เดียงสา แต่บทจะเฮี้ยวขึ้นมาละก็อย่าบอกใครเลย เธอชอบให้ใครๆ ตามใจเธอครับ ถ้าขัดใจเมื่อไหร่เป็นอาละวาดแหลก มีแต่ผมที่เป็นน้าเท่านั้นที่เธอยอมให้ปลอบจนเธอหายพยศ

ผมเอารูปน้องแพรมาดู แล้วก็อดน้ำตารื้นขึ้นมาไม่ได้...เธอจากผมไปปีกว่าแล้ว ด้วยโรคไข้เลือดออก ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่จนถึงป่านนี้ก็เกือบจะครบ 5 ขวบแล้วพอดี เธอเกิดเดือนตุลาคมครับ...มาพร้อมกับลมหนาว และจากไปกับลมฝน!

แต่เชื่อไหมครับว่า หลังจากร่างกายสูญสลายไปแล้ว เธอยังวนเวียนอยู่อีกนานเหมือนไม่รู้ว่าตัวเองตาย! เออ...คิดอีกที เธอยังเป็นเด็กไร้เดียงสาแท้ๆ นี่นา

ตอนที่เริ่มไม่สบาย เป็นไข้ตัวร้อนจัด เธอหงุดหงิด งอแง ร้องไห้โยเย แม่ของเธอต้องขอให้ผมเข้าไปช่วยดูแล เพราะเมื่อผมอยู่ใกล้ๆ น้องแพรจะหายหงุดหงิด ยอมให้เช็ดเนื้อเช็ดตัวอย่างดี

เราพาน้องแพรไปส่งโรงพยาบาลเมื่อไข้สูงจัด ไม่ลดลงเลย หมอต้องเจาะเลือดตรวจ แล้วบอกข่าวร้ายว่าแพรเป็นไข้เลือดออก...ไม่นานจากนั้นเธอก็ช็อกและสิ้นใจ! พวกเราทำใจไม่ได้เลย...ผมเป็นผู้ชายแท้ๆ ยังร้องไห้ สะอื้นออกมาอย่างไม่อายใคร

งานของน้องแพรเศร้ามาก เธออายุนิดเดียว ชีวิตน้อยๆ เพิ่งเริ่มต้น อยู่ๆ ความสดใสทั้งมวลก็ดับวูบไปซะอย่างงั้น!

คืนที่ 3 หลังจากกลับจากวัด ผมขับรถกลับบ้าน...

บ้านผมอยู่รั้วเดียวกับบ้านน้องแพร พวกเราญาติพี่น้องปลูกบ้านอยู่ติดๆกัน 3-4 หลัง...ต้นซอยเป็นบ้านของพ่อแม่ ถัดมาเป็นบ้านพี่สาว คือแม่ของน้องแพรนี่แหละครับ ผมมาปลูกบ้านหลังเล็กๆ ต่อจากบ้านนี้ กะว่าจะทำเป็นเรือนหอ แต่ยังหาเจ้าสาวไม่ได้ซักที

ไม่เป็นไร ผมเพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย ยังฝึกงานอยู่กับคุณอา เงินที่เอามาปลูกบ้านก็เงินพ่อละครับ...พ่อว่ารีบปลูกซะเลยก็ดี ขืนรอช้าของมันแพงขึ้นทุกวันๆ

บ้านผมเป็นบ้านชั้นเดียวมี 2 ห้องนอน ทุกวันนี้อยู่คนเดียว นานๆ จะมีเพื่อนฝูงมาเฮฮา บางทีก็ค้าง บางทีก็ซ้อมดนตรีกัน

น้องแพรชอบมาขลุกอยู่กับพวกผม แกเข้าโรงเรียนอนุบาล มีรถโรงเรียนรับส่ง หลังโรงเรียนเลิกก็จะเดินมาหาน้าหนุ่ย...คือผมนี่แหละ วันไหนผมไม่อยู่แกก็จะหงอยเหงา พอผมกลับถึงบ้านแกก็จะแล่นมาหาทันที

คืนสวดน้องแพรคืนที่ 3 นั้น ผมขับรถกลับเข้าบ้านอย่างเงียบเหงา พอไขกุญแจเข้าไปก็รู้สึกเหมือนมีลมเย็นๆ จากในบ้านพัดมาวูบหนึ่ง...

แปลกจริงๆ ลมอะไรพัดออกมาจากในบ้าน? ผมขนลุกซ่าขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ แต่ใจยังไม่ได้คิดถึงน้องแพร โธ่! ใครล่ะครับจะกลัวผีเด็กเล็กๆ ขนาดนั้น แกคงไม่มาหลอกหลอนเราหรอกน่า...ป่านนี้วิ่งเล่นกับเทวดาสนุกอยู่บนสวรรค์โน่นแล้วละมั้ง?

ไม่งั้นซิครับ ผมแว่วเสียงเล็กๆ เรียก "น้าหนุ่ย...." คิวว่าตัวเองคงจะประสาทวิปริตไปชั่วขณะ ที่ได้ยินเสียงหลานที่เพิ่งตายหยกๆ มาเรียกแบบนี้น่ะ

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เสียงนั้นทำให้ความกล้าแบบลูกผู้ชายตัวจริงของผมหายวับ! ผมยืนงง ตัวแข็ง เหลือบตาชำเลืองดูรอบๆ ห้อง ตอนนั้นผมอยู่ในบ้านตามลำพังนี่ครับ จะไม่ให้รู้สึกสยองได้ยังไง?

ผมชะเง้อไปทางบ้านพี่สาว คล้ายๆ จะหาเพื่อนช่วยให้อุ่นใจยามที่ปากคอแห้งผาก...โธ่! ยังไม่มีใครกลับมาเลย บ้านปิดไฟมืดตึ๊ดตื๋อ เห็นแล้วยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่...ผมเลยคิดจะไปพึ่งคุณพ่อคุณแม่แทน ขืนอยู่คนเดียวมีหวังหัวใจล่มสลายได้อย่างง่ายดายที่สุด

คิดอย่างนั้นแล้วก็เดินถือไฟฉายออกจากบ้านตัวเองไปที่ปากซอย ยอมรับว่าขาสั่นเล็กน้อย...พระเจ้าทรงโปรด! พ่อแม่อยู่...แถมขำที่ผมกลัวผีหลาน!

ราว 4 ทุ่ม ผมจำเป็นต้องเดินกลับบ้านตัวเอง และนึกขันเหมือนกันที่หวาดกลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง อยู่ๆ ก็เกิดประสาทอ่อนซะยังงั้น รู้ไปถึงไหนมีหวังอายไปถึงนั่น

ทุกอย่างเป็นปกติ ผมอาบน้ำเข้านอน แต่ขณะเคลิ้มๆ ก็มีมือเล็กๆ มาจับมือผมเขย่าเบาๆ จนสะดุ้งตื่น แต่มันเหมือนผีอำน่ะครับ ขยับไม่ได้เลย

ท่ามกลางแสงสลัวผมมองไม่เห็นอะไร แต่รู้สึกว่ามีร่างเล็กๆ ปีนเตียงขึ้นมานอนซุกอกผม!

ชั่วขณะหนึ่ง ผมรู้สึกเหมือนน้องแพรยังมีชีวิตอยู่ แต่เป็นชีวิตหลังความตาย! ผมไม่ได้คิดว่าเธอเป็นผีเป็นสาง แต่เป็นหลานผมแท้ๆ น่ารักและอยู่ในวัยบริสุทธิ์เหลือเกิน ดูเถอะครับ ผมนอนนิ่งและสัมผัสเส้นผมนุ่มละเอียด ผิวเนื้ออ่อนบาง ศีรษะกลมทุยและแขนเล็กๆ นั้นได้อย่างชัดเจน ทั้งๆ ที่ตาของผมมองไม่เห็นร่างนั้นเลยแม้แต่น้อย

ครู่ใหญ่ต่อมา ทุกอย่างก็คลายลง...ผมขยับตัวได้ ร่างนั้นหายไป น่าประหลาดที่ผมไม่กลัวเธอแล้ว แต่กลับมีความรู้สึกปีติอย่างหนึ่งขึ้นมาทันที

หลานมาบอกผมว่า...ชีวิตยังมีอยู่หลังความตายจริงๆ คนเราตายแล้วไม่สูญ!

แพรไม่ได้ตั้งใจมาบอกตรงๆ หรอกครับ แต่การที่เธอมาหาผมคืนนั้น มันเป็นเหมือนคำยืนยัน ผมเล่าให้พี่สาวฟัง เธอยิ้มทั้งน้ำตา...อย่างน้อยก็รู้ว่าลูกสาวคนเดียวของเธอยังอยู่ที่ใดที่หนึ่งในภพหน้า และเธอกับลูกอาจได้เจอกันอีกในภพนั้น

ตั้งแต่วันนั้นแพรก็ไม่ได้มาหาผมอีก แต่ก็มาเข้าฝัน และพาผมไปเที่ยวในที่แปลกๆ ผมคิดว่านั่นคือภพภูมิของเธอครับ!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 18 ตุลาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น