"หลานย่าโม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากขามทะเลสอ
ดิฉันเป็นคนโคราช หลานย่าโม สมัยก่อนพวกทางราชการชอบมายุ่งกับเราบ่อยๆ จนน่ารำคาญ อ้างว่าจังหวัดเรากว้างใหญ่มาก สามารถแบ่งออกเป็น 2-3 จังหวัดได้สบาย ดูแต่จังหวัดอื่นๆ ที่เล็กกว่ายังแบ่งได้นี่นา
โคราชมีตั้ง 26 อำเภอ 6 กิ่งอำเภอแน่ะ! ชอบอ้างว่าเพื่อสะดวกในการปกครองและพัฒนาบ้างละ เพื่อความเจริญของอำเภอต่างๆ บ้างละ เพื่อสุขภาพ เพื่อการศึกษา เพื่อชีวิตที่ดีกว่าโอ๊ย...สารพัดละ ข้ออ้างต่างๆ นานาน่ะ
พวกเราไม่มีใครยอมหรอกค่ะ ความเจริญแท้จริงไม่ได้อยู่ที่การแยกจังหวัด แต่อยู่ที่รัฐกับคนของรัฐต่างหากล่ะ ถ้าขืนใจอ่อนยอมให้เขาทำได้ตามใจชอบ พวกเราอีกนับแสนๆ คนก็ไม่ได้เป็น "คนโคราช" อย่างที่เราภาคภูมิใจกันมาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตาทวดน่ะซีคะ
ข้อสำคัญก็คือ...ไม่ได้เป็นหลานย่าโม!
ช่างเถอะค่ะ ไหนๆ มันก็ผ่านไปแล้ว ไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บให้หงุดหงิด สู้มาเล่าเรื่องขนหัวลุกสู่กันฟังดีกว่า
เรื่องนี้เกิดขึ้นสมัยดิฉันยังเด็ก อยู่อำเภอขามทะเลสอ พวกเรามีอาชีพทำไร่ทำนา ปลูกผัก ทำสวนครัว เลี้ยงไก่เป็นอาชีพเสริม คนหนุ่มคนสาวในหมู่บ้านมักจะออกไปทำมาหากินต่างถิ่น ไปกรุงเทพฯ มากที่สุด ส่งเงินมาให้ทางบ้านใช้ บางคนก็มาเยี่ยมบ่อยๆ ตรุษสงกรานต์ถือว่าเป็นวันรวมญาติ ครึกครื้นและมีความสุขมาก
อ้อ! พวกหนุ่มๆ สาวๆ ที่ยังอยู่บ้าน ช่วยพ่อแก่แม่เฒ่าทำนาทำไร่ก็มีไม่น้อยนะคะ ไม่ใช่ว่าทิ้งถิ่นกันไปหมด
พี่ชายคนโตของดิฉันชื่อยอด รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมสันเอาการ มีเพื่อนเยอะแยะทั้งตำบลไม่ว่าหญิงหรือชาย แว่วๆ ว่าอกหักจากพี่เพ็ญ ลูกสาวผู้ใหญ่บ้าน ก็เลยหลบไปทำงานถึงปักษ์ใต้ แถวๆ ภูเก็ตหรือพังงานี่แหละนานปีทีหนถึงจะกลับบ้านสักครั้ง
สมัยนั้นโทรศัพท์มือถือยังไม่มี เราติดต่อกันทางจดหมาย อย่างเก่งก็โทรเลข
พี่เพ็ญที่ทำให้พี่ชายดิฉันอกหักเป็นคนสวย รูปร่างดี อกใหญ่ สะโพกผึ่งผายน่าดู มีพวกหนุ่มๆ มาติดพันหลายคน ขนาดมาจากต่างอำเภอก็มี พี่เพ็ญเป็นคนขี้เล่น หูตาแพรวพราว ช่างพูดช่างคุย เดี๋ยวก็ลือว่าเป็นแฟนคนนั้น เดี๋ยวก็เป็นแฟนคนนี้
ชาวบ้านลือว่าพี่เพ็ญเป็นสาวใจแตก ไม่หวงเนื้อหวงตัวเหมือนคนอื่นๆ พี่ยอดของดิฉันจะอกหักเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ คิดแล้วสงสารพี่ชายจริงๆ ค่ะ
วันหนึ่งพี่เพ็ญหายออกจากบ้าน จนค่ำมืดก็ไม่ยอมกลับ พ่อก็ชวนคนเที่ยวตามหา แต่ไม่พบเพราะมีที่เปลี่ยวกับป่าละเมาะหลายแห่ง ตามหนองน้ำท้ายบ้านก็ไม่มี ตามชายทุ่งก็ไม่พบวี่แวว จนกระทั่งรุ่งขึ้น ไอ้นายออกไปเลี้ยงควายก็เจอศพพี่เพ็ญถูกฆ่าหมกอยู่ในดงสาบเสือใกล้ต้นตาลยอดด้วนเพราะโดนฟ้าผ่า มันร้องเอะอะโวยวายจนตกใจกันทั้งหมู่บ้าน
สาวสวยโดนข่มขืนฆ่า หน้าอกถูกแทงพรุนเป็นสิบๆ แผล เสื้อผ้าถูกฉีกกระชากจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน นัยน์ตาลืมโพลง น่าอเนจอนาถนัก...ชาวบ้านอดตั้งข้อสังเกตไม่ได้ว่าใครฆ่า? ฆ่าทำไม? ในเมื่อเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงหวงเนื้อหวงตัวอยู่แล้วนี่นา
สรุปกันว่า...ฆาตกรมันฆ่าเพราะพิษหึงค่ะ!
เผาศพไปได้ไม่นาน ปีศาจพี่เพ็ญก็ออกอาละวาด เล่นเอาชาวบ้านขนลุกขนพองไปตามๆ กัน เพราะตอนเย็นๆ กับโพล้เพล้ มีคนเห็นพี่เพ็ญเดินตัวล่อนจ้อนออกมาจากดงไม้บ้าง ป่าละเมาะริมทางบ้าง ตอนแรกๆนึกว่าเห็นคนบ้า แต่พอจำหน้าได้ถึงกับร้องจ้า วิ่งหนีจนล้มลุกคลุกคลานไปตามๆ กัน
ตกค่ำคืนไม่มีใครกล้าออกนอกบ้าน ยกเว้นแต่จำเป็นจริงๆ
ตาบัวขี้เมาประกาศว่าไม่กลัวผี คืนหนึ่งเดินสะเงาะสะแงะกลับบ้าน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเยือกเย็นเรียกชื่อ พอหันมองก็เห็นพี่เพ็ญเดินตัวขาวโพลนยิ้มแป้นเข้ามาหา ตาบัวเล่าว่าแกวิ่งไม่ไหว ทั้งๆ ที่หายเมาเป็นปลิดทิ้ง ได้แต่นั่งแผละลงยกมือไหว้ น้ำตาไหลพรากเป็นเผาเต่า
ขนาดผีพี่เพ็ญหายตัวไปแล้ว ตาบัวยังลุกไม่ขึ้นอยู่ตั้งนานแน่ะค่ะ!
ผู้ใหญ่บ้านเองแค้นเรื่องนี้มาก เคยประกาศว่า...ถ้าผีลูกสาวแกดุจริงก็ไปหักคอไอ้ฆาตกรซะเลยซีวะ อย่าเที่ยวมาหลอกหลอนให้ชาวบ้านเดือดร้อน
เรื่องนี้ก็แปลกนะคะ ผีพี่เพ็ญไม่เห็นเล่นงานใครที่เป็นตัวการฆ่าเธอ มีแต่ตอนค่ำคืนก็ส่งเสียงร้องไห้โหยหวนน่าขนลุก อย่าว่าแต่เด็กๆ จะกลัวเลยค่ะ ผู้ใหญ่ก็กลัวจนต้องคลุมโปง...ตาจุ่นมีวิชาทางไสยศาสตร์บอกว่า ไอ้คนฆ่ามันสะกดวิญญาณจนทำอะไรมันไม่ได้
หลังจากพี่เพ็ญตายไปเกือบเดือน พี่ชายดิฉันก็กลับมาเยี่ยมบ้าน!
พี่ยอดลงจากรถสองแถวที่ส่งแค่ปากทางยามค่ำ เดินย่ำมาตามทางดินลูกรังเงียบเชียบเปล่าเปลี่ยว ถึงจะมีบ้านช่องเรียงรายก็ดับไฟมืด อาศัยแสงดาวกับเจนหนทางทำให้เดินมาได้จนพบพี่เพ็ญเข้าที่ริมรั้วใกล้ๆ บ้านเรานั่นเอง
ทั้งสองพูดคุยกันพักหนึ่ง ฝ่ายชายไม่รู้ว่าฝ่ายหญิงตายแล้ว! จนกระทั่งมาถึงบ้านให้พวกเราดีอกดีใจกัน ชื่นชมกับของฝากที่ได้รับ จู่ๆ เสียงเยือกเย็นก็ดังขึ้นหน้าบ้าน...พี่ยอดจ๋า เล่นเอาดิฉันสะดุ้งโหยง ยิ่งพี่ยอดขานรับเรายิ่งกลัว...ต้องบอกว่าพี่เพ็ญตายแล้ว! พี่ยอดอ้าปากค้าง...พี่เพิ่งคุยกับมันมาหยกๆ นี่เอง!
เอาล่ะซี! คราวนี้เสียงหมาเห่าหอนดังขรม ไม่ว่าบ้านนั้นบ้านนี้ก็ประสานเสียงกันเซ็งแซ่ เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังขึ้นจนพี่ยอดผวาไปเกาะหน้าต่าง พ่อแม่กับดิฉันร้องเรียกเสียงหลง...พี่ยอดถอยมานั่งแปะ หน้าขาวซีดเลยค่ะ
ตาจุ่นพูดถูกที่วิญญาณพี่เพ็ญถูกสะกดจนเล่นงานฆาตกรไม่ได้ แต่เมื่อได้พบพี่ยอดแล้ว ปีศาจพี่เพ็ญก็สงบเงียบตั้งแต่นั้นมา!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 15 ตุลาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น