"มัลลิกา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านเช่า
สมัยเรียนจบและเพิ่งได้ทำงานใหม่ๆ ดิฉันเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนที่บางพลัด เราเป็นเด็กต่างจังหวัดและทำงานที่เดียวกัน เคยอยู่หอตอนเรียนหนังสือก็ต้องมาเช่าบ้านเขาอยู่ ถึงจะเข้าซอยลึกแต่ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยว ที่สำคัญคืออยู่ใกล้บริษัทเราย่านปิ่นเกล้าด้วยค่ะ
เป็นบ้านชั้นเดียว 2 ห้องนอน ค่อนข้างเก่า มีรั้วไม้ระแนงและต้นไม้ร่มครึ้ม ดิฉันกับอ้ออยู่คนละห้อง ด้านหน้าเป็นห้องรับแขก มีครัวเล็กๆ และห้องน้ำอยู่ติดกัน
เวลาผ่านไปเดือนเศษก็มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น...ตอนกลางคืนมีเสียงกุกกักจากเพดาน ตอนแรกก็เล่นเอาสะดุ้ง เพราะเราเงยหน้าขึ้นไปมัน ก็ดังคล้ายๆ มีใครวิ่งไปทางด้านนั้นด้านนี้ บางทีก็เสียงดังจนกลัวว่า เพดานเก่าๆ จะทะลุโครมลงมา
"หนูน่ะ" อ้อบอกอย่างแน่ใจ "มันคงวิ่งไล่กัน ยิ่งเงียบๆ แบบนี้ยิ่งคล้ายเป็นเสียงแมวตัวโตๆ"
น่าแปลกที่ตอนกลางวันเงียบเชียว แต่ตกกลางคืนจะวิ่งเกรียวกราวไปหมด บางทีก็หายไปหลายคืนแล้วกลับมาอีก ตอนดึกๆ กำลังจะเคลิ้มหลับก็ดังตึงตังอยู่เหนือหัวจนสะดุ้งตื่น ดิฉันเคยปรึกษาอ้อว่าจะซื้อกับดักมาฆ่าก็สงสาร หรือจะซื้อแผ่นกาวมาดักดี? อ้อก็บอกว่าพอกันเพราะมันติดแหง็กจนน่าเวทนา เอาไปปล่อยก็ตายลูกเดียว
ดิฉันเป็นห่วงว่ามันจะดอดมาแทะหนังสือ อ้อก็กลัวโดนกัดเสื้อผ้า แต่มีเคล็ดลับมาเล่าให้ฟังว่า...ห้ามด่านะ! ที่บ้านนอกน่ะมีคนด่ามันเลยโดนกัดเสื้อผ้าขาดกระจุย
"บ้านอ้อเรียกว่า "คุณทิพย์" เพราะเชื่อว่ามันหูทิพย์ ถ้าเรียกว่าคุณทิพย์ก็จะไม่มากัดเสื้อผ้าข้าวของหรอก..เราทิ้งเศษอาหารให้มันกินนิดๆ หน่อยๆ ก็พอ"
ดิฉันยังคิดไม่ตก คืนหนึ่งก็ได้ยินเสียงคุณทิพย์ในห้องนอน!
ที่ปลายเตียงมีทั้งทีวีจอเล็ก เครื่องเล่นวิดีโอและชั้นวางหนังสือ ตรงมุมห้องมีตู้คัตเอาต์และกล่องเซฟทีคัตที่หมดสภาพแล้ว..ตามสายไฟ 3-4 เส้นที่โยงขึ้นไปจนทะลุเพดานดิฉันมองเห็นก็ใจหายเมื่อนึกถึงคุณทิพย์...ถ้าเกิดซุกซนแทะสายไฟขาดมิเดือดร้อนกันน่าดูหรือนี่?
เสียงจี๊ดๆ ดังมาเข้าหู พอเงยหน้าขึ้นมองก็ไม่เห็นอะไรนอกจากสายไฟขาวๆ ที่ค่อนข้างคล้ำตรงปากช่อง...แต่สายไฟเส้นหนึ่งส่ายไปมาช้าๆ ดิฉันกำลังกินแซนด์วิชทูน่าที่เพิ่งเปิดกระป๋องมาทำเองหยกๆ ถึงกับชะงักงัน...
ขณะนั้นเอง สายไฟเส้นนั้นก็หดกลับขึ้นไป หนูตัวเล็กๆ สีดำ โตกว่าหัวแม่มือนิดเดียววิ่งปรู๊ดลงมาตามสายไฟ ผ่านคัตเอาต์และเซฟทีคัต...หายวับเข้าไปใต้ชั้นวางหนังสือชิดผนัง
"เจ้าตัวเล็ก..." ดิฉันพึมพำ ทั้งขบขันและนึกเอ็นดู "มาหาแม่มา อยากกินปลาทูน่าหรือลูก?" ดูดริมฝีปากทำเสียงแหลมๆ แล้วแบ่งปลาทูน่าชิ้นเล็กๆ ไปวางที่พื้นใต้ชั้นหนังสือแต่ไม่ปรากฏว่า "คุณทิพย์" หรือ "เจ้าตัวเล็ก" โผล่มาให้เห็นเลย!
พลิกหนังสืออ่านต่อเกือบชั่วโมง...เข้าห้องน้ำแล้วก็นึกได้ เมื่อมาดูอีกครั้งปลาทูน่าชิ้นนั้นก็หายไปแล้ว...วันต่อมาลองวางขนมปังชิ้นเล็กๆ ให้ ตั้งแต่บนคัตเอาต์และเซฟทีคัต ลงมาจนถึงพื้นห้องใกล้ๆ กับชั้นหนังสือที่หนูคงซุกซ่อนอยู่ บาง คืนก็ดอดมากินหมด แต่บางคืนก็ไม่แตะต้อง รุ่งเช้าไปจับขนมปังก็ปรากฏว่าแข็งหมดแล้ว
เคยดูการ์ตูนเรื่องทอมและเจอรี่ หนูมันชอบเนยแข็งนี่นา!
คืนต่อมาดิฉันก็ตัดเนยแข็งชิ้นเล็กๆ ราว 4-5 ชิ้นมาวางแทนที่ขนมปัง เจ้าตัวเล็กคงได้กลิ่นหอมหวนจนทนไม่ไหว โผล่ออกจากรูแล่นปราดลงมาคาบเนยแล้ววิ่งจู๊ดหายลงไปใต้ชั้นหนังสือ บางทีก็มาเห็นตอนที่มันวิ่งขึ้นไปคาบเนย แล้วไต่สายไฟหายขึ้นไปบนเพดาน
ไม่ช้าเจ้าตัวเล็กก็ใจถึง กล้าโผล่ออกจากใต้ชั้นหนังสือมาหาเนยแข็ง ทำจดๆ จ้องๆ ก่อนถอยกลับไปบ้าง มาคาบเนยไปกินบ้าง... ความคุ้นเคยเพิ่มขึ้นทุกวัน ดิฉันเองก็มีความสุขเหมือนมีเพื่อนสนิทเพิ่มขึ้นแม้จะเป็นหนูตัวน้อยๆ ก็ตาม
อ้อรู้เข้าก็บ่นว่าสกปรก...น่ากลัวเชื้อโรค! แต่ดิฉันรู้สึกเฉยๆ ค่ะ
"เจ้าตัวเล็ก" ไม่ได้ลงมาทุกคืนนะคะ แต่คืนไหนไม่ได้ยินเสียง ไม่เห็นมันวิ่งลงมากินอาหารก็จะรู้สึกเหงาเหมือนขาดอะไรบางอย่าง...เหมือนรอเพื่อนที่ผิดนัด! อ้อบอกว่ามันอาจจะไปหากินที่อื่นบ้างก็ได้ บางวันก็มัวแต่อ่านหนังสือเพลินจนลืมให้อาหาร บางวันเห็นมันวิ่งจู๊ดลงมาถึงนึกขึ้นได้ รีบเอาขนมปังบ้างเนยแข็งบ้างไปวางไว้ให้ ดูดปากเรียกแล้วรอดูจนมันลงมากิน...ชื่นใจจนหายเหงาได้เหมือนกันค่ะ
จนกระทั่งคืนสยองขวัญมาถึง!
คืนนั้น ดิฉันจัดทั้งขนมปังที่บิเป็นชิ้นเล็กๆ กับเนยแข็งมาวางไว้ที่เดิม นั่งแหงนหน้ามองพลางดูดปากเรียก 2-3 ครั้ง...เจ้าตัวเล็กมากินเนยอร่อยๆ เร้ว... แต่ที่ช่องเพดานตรงมุมห้องก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหว สรรพสิ่งเงียบกริบจนน่าใจหาย
ทันใดนั้น สายไฟที่ห้อยลงมาก็สั่นไหวเบาๆ ดิฉันยิ้มกับตัวเอง ดูดปากส่งสัญญาณอีกครั้ง...เจ้าตัวเล็กก็หย่อนหางลงมาแกว่งไกว เคลื่อนลงมาช้าๆ จนถึงคัตเอาท์แต่ก็ยังมองไม่เห็นตัวสักที ทั้งๆ ที่ห่างกันราว 2 ฟุต...คุณพระคุณเจ้าทรงโปรดด้วยเถิด!
...หางสีดำๆ ขยายใหญ่บิดเบี้ยว กลายเป็นก้อนกลมๆ ขนาดกำปั้น! ดิฉันอ้าปากค้าง หัวใจคงหยุดเต้นไปแล้ว ม่านตาพรายพร่า สองหูอื้ออึงด้วยเสียงครึกโครมสนั่นหวั่นไหว... ใบหน้าอุบาทว์ของผีนรกแท้ๆ ที่ตั้งเด่นอยู่บนคัตเอาต์
ได้ยินเสียงตัวเองหวีดร้องแสบแก้วหู ทะลึ่ง พรวดขึ้นมาก่อนจะหงายตึงลงไปตามเดิม...สติสัมปชัญญะปลิดปลิวไปในบัดดล กว่าจะได้สติอีกทีก็ใกล้รุ่งแล้ว...อ้อพังประตูเข้ามาช่วย เล่าว่าดิฉันเพ้อถึงหนูผีจนพลอยขนลุกไปด้วย ไข้สูงมากจนต้องส่งโรงพยาบาล
หลังจากนั้น เราก็ย้ายไปเช่าห้องแบ่งเช่า อยู่ด้วยกันแถวปิ่นเกล้า ถึงจะไม่สะดวกเหมือนอยู่คนเดียวก็ยังดีกว่าช็อกตายเพราะโดนผีหลอกละค่ะ!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 26 ตุลาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น