02 ตุลาคม 2558

คืนปล่อยผี

"นายอุ้ม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากปีศาจราตรี

กลางวันเป็นเวลาของมนุษย์ กลางคืนน่ะไม่ใช่...โดยเฉพาะอย่างยิ่งเที่ยงคืนเป็นเวลาของแม่มด และสิ่งลึกลับน่าสะพรึงกลัว

ผมไม่ได้พูดเองนะครับ คุณยายน่ะพร่ำสอนผมอย่างนี้มาตั้งแต่ผมเรียนจบม.6 เข้ามหาวิทยาลัย และเริ่มใช้ชีวิตกลางคืน...หมายถึงวันไหนที่ไม่ได้ไปเรียน ผมจะอยู่ตลอดคืน ทำรายงานบ้าง เล่นเกมบ้าง ส่วนใหญ่ก็คุยโทรศัพท์กับเพื่อนๆ

หนักๆ เข้าเพื่อนฝูงก็มาบ้านผม หรือไม่ผมก็ไปบ้านเพื่อน ส่วนมากเราจะอยู่กันตลอดคืน บางทียาวไปถึงเที่ยงวัน แล้วก็หมดแรงนอนสลบไสล กว่าจะฟื้นอีกทีก็ตอนค่ำๆ

แล้วกลางคืนก็กลายเป็นเวลาของเราไปด้วยประการฉะนี้แล!

เพื่อนรักของผมชื่อ "แดน" แต่...เอ้อ...ผมไม่ได้ชื่อ "บีม" นะครับ ผมให้พวกเพื่อนๆ เรียกผมว่า "เคน" นึกถึงคำพูด "เรียกฉันว่าอิชเมล" ในหนัง "โมบี้ดิ๊ก" ไงครับ

ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อมองภาพสะท้อนจากกระจกแล้ว ผมว่าผมหล่อเหลาเอาการไม่เบาอยู่เหมือนกัน หล่อเข้มกว่า แดน-บีม ตั้งเยอะแน่ะ! อย่าว่ากันนะครับที่พูดอย่างนี้...ผมน่ะสูงใหญ่ล่ำบึ้ก ดำ เอ๊ย...ผิวสีแทนเข้ม ผมพอง...เอ๊ย! หนาถึงจะหยิกขอดไปหน่อยก็ดีไปอย่างที่จัดทรงไม่ยาก

ตาผมก็โต เรื่องลูกกะตาผมนี่ บางคนพูดแบบไม่เกรงใจว่า "พอง" แต่เพื่อนฝูงมันปลอบว่า ไม่หรอก มันโตหวานซึ้งดีต่างหากล่ะ

พวกเพื่อนๆ รักผมนะครับ มีผมไปด้วย ที่ไหนๆ ก็ไม่มีใครกล้ามาตอแย ขนาดคนบ้ายังหลบตาผมเลยครับ คนบ้าหน้าปากซอยน่ะใครๆ กลัวจะตาย แต่พี่แกเห็นผมทีไรก็ทำท่าว่าจะหายบ้า สติดีขึ้นมาทุกทีเลย... สงสัยจะถูกชะตากับผมนะ

ผมเป็นคนที่เพื่อนๆ พึ่งพิงได้ตลอด ใครมีปัญหาอะไรก็มักจะมาระบายให้ฟัง! พวกมันเชื่อผม เห็นผมเป็นพี่เบิ้ม

อาทิตย์ที่แล้วเหมือนกัน วันเสาร์น่ะครับ ผมว่าจะอยู่บ้านกับยายกับแม่แล้วเชียวนา แต่เจ้าแดนโทร.มาสะอึกสะอื้น...มันถูกแฟนทิ้งครับ แฟนมันสวยมาก รักกันมาเป็นปีแล้วล่ะ อยู่ดีๆ ก็ทิ้งไอ้แดนไปหาหนุ่มรถเก๋งซะงั้น ปั๊ดธ่อ! นั่งรถเมล์กับไอ้แดนสนุกๆ ไม่ชอบ!

แดนบอกว่าสาวก้อยจากไปคราวนี้คงไปลับ มันอกหักยับเยิน กรอกเหล้าเข้าปาก ตั้งแต่สายๆ โน่นแล้ว เพราะทะเลาะกับก้อยอย่างหนัก ขนาดตัดเป็นตัดตายกันไปเลย

เพื่อนย่อมไม่ทิ้งเพื่อน! แม้บ้านเพื่อนจะอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม...มันอยู่แถวบางแคเข้าซอยลึกชะมัด แต่ผมก็ต้องดั้นด้นไปปลอบใจมัน กลัวมันจะคิดสั้นน่ะครับ ผมว่าจะกลับตั้งแต่ 4 ทุ่ม แต่มันเอาแต่ร้องไห้ขี้มูกโป่ง สลับกับกรอกเหล้าแบบนันสต๊อป!

เข็มนาฬิกาเดินไปถึงเลขสิบเอ็ด แม่ผมก็โทร.เข้ามือถือ

"เจ้าอุ้ม!" ชื่อของผมครับ "จะค้างหรือจะกลับ แม่จะล็อกประตูบ้าน"

ผมบอกว่ากลับ อย่าเพิ่งล็อก จะกลับเดี๋ยวนี้แหละ! เฮ้อ...ยายต้องบ่นอีกแน่ๆ พวกผู้ใหญ่นี่ห่วงอะไรกันนักกันหนา ผมโตแล้วนะ อยู่ปีสองแล้ว ไม่ใช่เบบี๋ซักหน่อย

เอาล่ะ! ผมเช็ดแหวะให้เจ้าแดน มันหลับเค้เก้ไปแล้ว...จากนั้นผมก็ลาแม่เพื่อนเดินออกจากบ้าน...ซอยนี่ลึกเป็นบ้าเลย เปลี่ยวด้วย เพราะมีแต่บ้านคน รั้วสูงๆ ล้วนปิดเงียบเชียว แต่ไม่เป็นไร ผมไม่เคยกลัวอะไรเลย เดินแบบนี้สบายดี มันมืด เงียบสงบ ดูมืดมิดไปทุกทิศทางแต่ผมกลับชอบ มันดีกว่าแดดร้อนแล้วกัน

เอ๊ะ! เสียงใครย่ำกรวดเดินตามผมมาเนี่ย?

เหลียวไปดูด้านหลังก็มีแต่ความมืด ไฟถนนส่องเป็นระยะๆ ซอยว่างเปล่า มองไปข้างหน้าก็เหมือนกัน ปากซอยอยู่ลิบๆ โน่น...เห็นถนนใหญ่ผ่าน มีรถวิ่งไปมา มีแสงไฟสีส้มๆ มันเล็กเหมือนอยู่ปลายอุโมงค์

ผมหวิวๆ แต่ยังไม่กลัวมากหรอกครับ พอเดินต่ออีกหน่อยเสียงฝีเท้าก็ตามมาอีกเหมือนใครคนนั้นอยู่ห่างผมไปแค่ไม่กี่ก้าว แต่พอหันไปมองก็ไม่เจอใครซักคน

สองทีแล้วนะ! เอ๊ะ...มันยังไง? ผมขมวดคิ้ว เริ่มเย็นสันหลังวาบๆ แต่ก็หันกลับมาเดินต่อ...ลูกแมวดำโจนแผล็วจากป่าหญ้าที่ดินร้างข้างทาง มันตัดหน้าไปแวบหนึ่ง...เล่นเอาใจหายวาบ

ทันใดนั้น มีมือใหญ่ๆ ตบลงบนบ่าผม...ตบแรงจนบ่าทรุดน่ะครับ!

ผมหันขวับ ร้องเฮ้ย...แต่เจ้าประคุณ! ไม่มีใครเลยจริงๆ มือที่มองไม่เห็นยังจับบ่าแน่น ผมหมุนตัวกลับ ไม่กล้าวิ่งกลัวสติเตลิด ขนลุกซ่า ตัวชาวาบ อยากร้องไห้เต็มทน! แต่ก็แข็งใจเดิน...เดินและเดิน เวลาผ่านไปราวกับร้อยปีกว่าจะถึงหน้าซอย

แท็กซี่คันหนึ่งผ่านมา ผมโบกมือเรียกจนได้ขึ้นรถ คนขับแก่มาก...แก่จนไม่น่ามาขับแท็กซี่กลางดึกแบบนี้ แกเปิดวิทยุเพลงไทย! เพลงก็เก่าเหลือเกิน สมัยสงครามโลกเพิ่งสงบได้มั้ง...เอามาจากไหนเนี่ย?

ผมหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง แท็กซี่นี่ผีหรือคนกันแน่วุ้ย? ตั้งแต่โดนผีจับบ่าที่กลางซอย ผมหวาดระแวงไปหมด...โอ๊ย! ไม่ไหวแล้วครับ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผมกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ...

แม่กับยายเห็นหน้าผมขาวผิดปกติก็เลยถาม ผมเล่าให้ฟังว่าเจออะไรมา คุณยายหัวร่อชอบใจ บอกว่าต้องทำบุญให้ผีที่มาหลอกผม เขาน่ะมาช่วยให้ผมรู้จักกลัว จะได้ไม่กล้าไปไหนดึกๆ ดื่นๆ โดยเฉพาะซอยเปลี่ยวอย่างนั้น เมื่อกลัวจะไม่ไปอีกเพราะเข็ดอย่างแรง ผมก็ปลอดภัยไงครับ...เจอผีดีกว่าเจอโจร

ยายบอกว่า...เคยสอนแล้วไงว่ากลางคืนน่ะไม่ใช่เวลาของมนุษย์!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 2 ตุลาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น