12 ตุลาคม 2558

ชุมทางปิศาจ

"พ่อค้า" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อผีย้ายโรงแรม

ผมชอบไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยๆ เพื่อเป็นการเปิดหูเปิดตา ได้เห็นสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ที่แตกต่างจากกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะไปรถไฟหรือรถทัวร์ก็สะดวกทั้งนั้นแหละครับ เช่าโรงแรมถูกๆ แถวหน้าสถานีเป็นที่ซุกหัวนอน

ส่วนมากเป็นโรงแรมเก่าๆ แบบตึกแถวที่สร้างมาหลายสิบปีแล้ว มีทั้งร้านอาหารและร้านเหล้าร้านกาแฟอยู่ชั้นล่าง บางแห่งไม่มีร้านค้าแบบนี้ก็ไม่ต้องห่วง เพราะแถวนั้นจะเปิดร้านขายอาหาร และเครื่องดื่มคึกคัก ไม่ว่าข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยว หรืออาหารตามสั่ง รับรองว่ามีทั้งนั้น

โดยเฉพาะผู้หญิงกลางคืนจะมีชุกชุมที่สุด!

สมัยก่อนเรียก "นางบังเงา" หรือ "ผีเสื้อราตรี" ความหมายก็คือโสเภณีนั่นเอง!

ไม่ว่าโรงแรมไหนก็โรงแรมนั้น ตกค่ำก็แต่งตัวโป๊ๆ แต่งหน้าทาปากฉูดฉาดออกล่าเหยื่อ แสงไฟสลัวๆ ทำให้พวกเธอดูสะสวย ยั่วยวน ยิ่งผู้ชายกลัดมันหรือเมาเหล้าเข้าไปด้วยแล้วมักจะบอกว่า...เหมือนเทพธิดาจำแลง!

แต่ก่อนค่าตัวของพวกเธอค่อนข้างถูก ใครจ่าย 20-30 บาทก็พาขึ้นห้องได้แล้ว ต่อมากลายเป็น 50-60 บาท จนกระทั่ง 150-200 บาทตามยุคสมัยที่ค่าครองชีพถีบตัวสูงลิ่วขึ้นไปทุกวัน

นางฟ้าราตรีพวกนี้ส่วนมากจะเช่าห้องอยู่ในโรงแรม แต่หลายๆ คนก็เช่าห้องพักอยู่ที่อื่น ตกค่ำก็นั่งสามล้อมาที่โรงแรมแถวหน้าสถานีรถไฟหรือรถขนส่ง

สิ่งที่คู่กับผีเสื้อราตรีในโรงแรมสับปะรังเคก็คือผีดุครับ!

ไม่ว่าโรงแรมไหนโรงแรมนั้น ไม่มีที่ไหนจะน้อยหน้ากันแน่ เพราะความที่มีคนแปลกหน้าสารพัดชนิด เรียกว่าร้อยพ่อพันแม่มาสิงสู่ โดดจากรถยนต์หรือรถไฟลงมาเช่าอยู่ประเดี๋ยวประด๋าวแค่คืนเดียวบ้าง หลายคืนบ้าง สวนมากมักจะลงมาดวดเหล้า นัยน์ตาแดงก่ำหิวโหยสอดส่ายหาผู้หญิงสักคนไปเป็นเพื่อนนอน

บางวันผู้หญิงก็โดนเชือดเป็นศพ แต่บางวันผู้ชายโดนมอมยาจนตายก็มี

ส่วนมากต้องการทรัพย์สิน แต่ก็มีทั้งมาเปิดห้องโรงแรมเพื่อฆ่าตัวตาย หรือไม่ก็เกิดเรื่องวิวาทกัน ตีรันฟันแทงกันจนหลาย รายต้องเอาชีวิตมาทิ้งที่โรงแรม

เรื่องราวของโรงแรมผีสิงพลันอุบัติ!

เหตุการณ์น่าขนหัวลุกมีทั้งโรงแรมใหญ่และเล็ก แต่เรื่องน่าเศร้าสลดและน่าสยองมักจะเกิดในโรงแรมเล็กๆ ประเภทโรงแรมจิ้งหรีดตามชุมทางรถยนต์และรถไฟนี่เอง

เชื่อกันว่าวิญญาณผีตายโหง ผู้ถูกฆ่าหรือแม้แต่ฆ่าตัวตาย ทั้งเจ็บปวดและทนทุกข์ทรมานสุดขีดก่อนจะขาดใจตาย ไม่ได้ไปผุดไปเกิดหรอกครับ แต่สิงสู่วนเวียนอยู่ในโรงแรมที่เคยได้สูดลมหายใจเป็นครั้งสุดท้าย...วิญญาณพยายามคอยตั้งหน้าตั้งตาหลอกหลอนผู้คนที่หลงเข้าไปพักในโรงแรมนั้นๆ เป็นประจำ

มีทั้งมาเคาะประตูตอนกลางคืน ทำท่าเหมือนผีเสื้อราตรี หรือสาวเปลี่ยวใจมาเสนอตัวเป็นคู่นอน

มีทั้งส่งเสียงกุกกัก กระแอมกระไอ จนถึงคลานไปมาบนเพดาน

มีทั้งส่งกลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวลไปทั้งห้อง จนไม่มีใครทนอยู่ไหว...มีทั้งมายืนจ้องมองอยู่ข้างเตียง โถมเข้าใส่จนหายใจไม่ออกคล้ายผีอำ...และมีทั้งมานอนหงายอ้าซ่าเคียงข้างพอหันไปเห็นเข้าก็สติแตก ร้องจ้าเหมือนเกิดไฟไหม้ เผ่นหนีไม่คิดชีวิตไปตามๆ กัน

คืนนั้น ผมลงจากรถทัวร์ก็ตรงดิ่งไปโรงแรมใกล้ๆ ทันที...ชีวิตนี้ยังไม่เคยถูกผีหลอกสักครั้ง แต่นึกสังหรณ์ใจชอบกลว่าคราวนี้คงจะเจอเรื่องขนหัวลุกแน่ๆ

แสงไฟเหลืองรัวตั้งแต่ร้านอาหารชั้นล่าง มีลูกค้าแค่ 2-3 คน บรรยากาศดูอ้างว้าง เยือกเย็นใจอย่างบอกไม่ถูก แตกต่างกับที่ท่ารถเหมือนคนละโลก ผมเดินขึ้นบันไดไปที่เคาน์เตอร์ ตาแป๊ะผอมกงโก้ ผมขาวโพลน สวมเสื้อกล้ามตัวเดียว นั่งตัวแข็งทื่อเหมือนรูปปั้น นัยน์ตาลึกกลวงในเบ้าจ้องมองเฉยเมยราวกับนัยน์ตาคนตาย

"เอากี่ห้อง? ห้องไหนก็ได้..." เสียงแหบแห้งไร้ชีวิตชีวาดังขึ้น คล้ายกับแกไม่ได้ขยับปากด้วยซ้ำ "ไม่รู้ว่าคนหายไปไหนหมด..."

ผมกระเดือกน้ำลาย...จ่ายเงินล่วงหน้าแล้วรับกุญแจ ผ่าเถอะ! ตลอดทางที่เดินไปถึงหน้าห้องน่ะผมไม่เจอะเจอใครแม้แต่คนเดียว...สงสัยที่นี่คงผีดุสาหัสจนไม่ค่อยมีใครกล้ามาพัก

อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงมาหาอะไรกิน...ไม่พบใครเลยนอกจากผีเสื้อราตรีสารรูปทรุดโทรมที่เดินตามลงมาคนเดียว...ผมแวะที่ร้านชั้นล่าง ไม่มีลูกค้าเหลือแล้ว ส่วนสาวคนนั้นเดินระทดระทวยออกไปข้างนอก ท่าทางเศร้าสร้อยและสิ้นหวังจนน่าใจหาย

ที่นี่คงผีดุฉกาจฉกรรจ์แน่ๆ ผมนึกขณะดื่มเหล้าเงียบเชียบเพียงคนเดียว แม่ค้านั่งหมดอาลัยตายอยาก...ไฟเหลืองรัวทำให้ใบหน้าเธอเกิดรูปเงาน่าสยอง ผมรู้สึกหนาวเยือกที่แผ่นหลังจนต้องเทเหล้าลงคออึกใหญ่

คืนนี้จะเจออะไรหนอ...ผมอดระแวงไม่ได้ขณะซดเหล้าแก้วสุดท้าย จ่ายเงินแล้วขึ้นบันไดกลับเข้าห้อง ดับไฟนอน ใจเต็นระทึกจนกระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตู...

ผีหลอก! ผมแน่ใจขณะลุกไปถอดกลอน...สาวสุดโทรมคนนั้นเอง! ผมถอนใจเฮือกเมื่อเธอขอเข้ามานอนด้วย ผมบอกปัด ปิดประตูแล้วกลับขึ้นเตียงตามเดิม เงี่ยหูฟังเสียงที่อาจจะดังขึ้น แต่สรรพสิ่งก็เงียบเชียบจนผมหลับสนิท

รุ่งขึ้นผมลงมากินกาแฟข้างล่าง เห็นสาว 3-4 คนหิ้วกระเป๋าหน้าตาบึ้งตึงตามกันลงมา คนนำหน้าร้องว่า...เร็วๆ หน่อยซีวะ เดี๋ยวก็ขึ้นรถไม่ทัน โรงแรมนี้ผียังอยู่ไม่ได้เลยว่ะ...ไม่มีแขก ไม่มีเครื่องเซ่น! แล้วพวกเราจะไม่ย้ายไปโรงแรมใหม่ที่มีแขกเยอะๆ ได้ยังไง?!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 28 - ฉบับวันที่ 12 ตุลาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น