"ลินดา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อรับผีดิบมาอยู่ด้วย
คนรับใช้สมัยนี้หายากยังกะงมเข็มในมหาสมุทร เรียกเงินเดือนสูง ทำงานไม่คุ้ม เล่นตัว เอะอะก็ขู่จะลาออกตะพึด! คนรับใช้ดีๆ ก็ยิ่งยากเข้าไปอีกร้อยเท่าพันทวี มิหนำซ้ำตอนนี้ใครๆ ก็แจ้นกลับบ้านนอกไปทำนาดีกว่า เพราะข้าวราคาเหมือนทองคำเข้าไปทุกวัน!
เฮ้อ...ไม่อยากจ้างก็ไม่ต้องจ้างสิ แต่ดิฉันจำเป็นค่ะ บ้านของดิฉันที่เป็นมรดกตกทอดมาจากคุณพ่อนี่ค่อนข้างใหญ่โตเอาการ พ่อกับแม่อายุเกือบ 90 ปียังอยู่ทั้งคู่ แถมสบายดีและไม่ขี้บ่นหรือทำตัวยุ่งยาก นอกจากนั้นยังมีสามีและลูกชายวัยรุ่นอีกสามคน หมาอีกสามตัว แถมด้วยนกและกระต่ายที่ลูกชายซื้อมาเลี้ยง แต่จริงๆ แล้วดิฉันนี่แหละเลี้ยง
พูดตรงๆ ว่าไม่ไหวค่ะ คนเดียวรับทั้งบ้าน! ตั้งแต่กวาดถู ซื้อกับข้าว ทำกับข้าว เก็บกับข้าว ล้างถ้วยชาม ซักผ้า...ยังสาธยายไม่หมด นี่ล่ะ...ดิฉันเลย! ขอมีลูกมือสักคน...เมื่อก่อนเคยมี ชื่อป้านิดหน่อย เป็นคนร้อยเอ็ด ตอนนี้ขอไปทำนาซะแล้ว ทิ้งให้ดิฉันต้องลุยงานบ้านทุกอย่างเองอยู่สามเดือนเต็มๆ น้ำหนักลดไปหลายกิโล แต่โรคความดันพาลเล่นงาน
ในที่สุด คนรับใช้ข้างบ้านก็มาบอกข่าวดีว่าได้คนมาแล้ว!
"คุณจะเอาไหม? มันเป็นเด็กไทยใหญ่ ยังไม่ได้ทำบัตร เพิ่งได้มาเนี่ย"
ฟังเงินเดือนที่เสนอขอมาแล้วก็ใจวูบเหมือนกัน แต่เอาเถอะ พอทนได้ และต้องบอกไม่ให้ออกไปไหน เดี๋ยวโดนจับ ! ดิฉันจะจ่ายตลาดเอง รอว่าเมื่อไหร่ทางการเขาเรียกให้ทำบัตรก็จะพาไปทำ
วันรุ่งขึ้น น้องมด-คนรับใช้ข้างบ้านก็พาเด็กสาวคนหนึ่งมากดออดหน้าบ้าน พอเห็นเข้าดิฉันก็ถึงกับสะดุ้ง
เจ้าหล่อนผอมมาก สูงชะลูด ที่จริงก็คงจะประมาณร้อยหกสิบกว่าๆ แต่ความผอมทำให้ผมดูเก้งก้าง แขนขาเหมือนกิ่งไม้เล็กๆ แห้งๆ ดำๆ ทว่า ใบหน้าเธอกางแทบจะเป็นสี่เหลี่ยม เกือบจะกลมยังไงพิกล จมูกแบน คิ้วบางแทบไม่มีเลย ตาขายมีแววแข็งๆ หัวแบนแต๋ ผมน้อย เส้นเล็กๆ แห้งๆ
แบบนี้จะทำงานไหวหรือเนี่ย? แต่ดิฉันไม่มีทางเลือกนี่คะ!
เจ้าหล่อนคนนี้ชื่อ "เปิ้ง" เธออยากให้เรียกเธอว่า "โฟว์" แต่ดิฉันบอกว่าเป็น "เปิ้ล" แล้วกัน เธอเลยเรียกตัวเองว่า "น้องเปิ้ล"
นังเปิ้ลนี่อายุแค่สิบห้า พูดน้อย เสียงแหบๆ ต่ำๆ ฟังไม่ชัด ดิฉันต้อง "อะไรนะ" อยู่ตลอดเวลา แถมพูดภาษาไทยไม่ได้มากเท่าไหร่ ต้องค่อยๆ สอนกันไป งานก็ไม่ดีหรอกค่ะ...ก็ค่อยยังชั่วที่มีคนมาช่วยกวาดบ้านถูบ้าน แต่เผลอไม่ได้นะคะ บางวันเธอคว้าผ้ามาถูบ้านโดยไม่ได้กวาดซะก่อนก็มี
อีกอย่างที่น่าโมโหคือ เธอเอาแต่นอน...นอนทั้งวัน! ถูบ้านตอนเช้าเสร็จก็เข้าห้องปิดประตูนอนเลย ชอบนอนกับดูทีวี และคุยมือถือเหมือนมันเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งในกายเธอ
วันหนึ่ง ดิฉันต้องการเรียกให้มาช่วยรีดผ้า เธอหลับสนิท ห่มผ้า หันหน้าเข้าข้างฝา ดีแต่ว่าไม่ได้ล็อกประตู ดิฉันเดินถึงตัวแล้วก็เอื้อมมือไปเขย่า แต่พอก้มตัวลงไปก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยมาคล้ายกลิ่นศพแห้งๆ ยังไม่ทันไรเธอก็พลิกตัวหันมา หน้าตาเธอเหมือนศพจริงๆ บอกไม่ถูก แต่มันสยองจนดิฉันขนลุก
เธออยู่ได้เดือนกว่าๆ คนในซอยนี้ก็เริ่มซุบซิบว่า บ้านดิฉันมีผี!
จริงๆ แล้วก็คือน้องเปิ้ลนี่ล่ะค่ะ ที่ชอบเดินท่อมๆ ตอนดึกๆ ตีสองตีสาม บางทีก็ยืนเบิ่งอยู่ใต้ต้นมะม่วงหน้าบ้าน ริมรั้วที่เป็นเหล็กโปร่งๆ คนเดินกลับจากไปเที่ยวดึกๆ ผ่านมาเห็นเข้าก็สะดุ้งสิคะ
มีคนหนึ่งเป็นเด็กหนุ่มๆ กลับจากบ้านเพื่อนตอนตีสอง เดินเข้าซอยคนเดียว พอผ่านบ้านดิฉันเขาได้ยินเสียงแหบๆ ก็หันไปมอง เห็นร่างผอมๆ สูงๆ ยืนริมรั้วใต้ต้นมะม่วงกำลังเพ่งมองเขาแบบขำๆ ไฟถนนที่ส่องสว่างทำให้เห็นชัดว่าเจ้าหล่อนค่อยๆ แลบลิ้นยาวออกมาเรื่อยๆ จนเกือบถึงหน้าอก...เขาตกใจซะไม่มี เผ่นแน่บ!
ทีแรกดิฉันคิดว่าเปิ้ลนอนกลางวันมากไป กลางคืนเลยไม่หลับ แต่ปรากฏว่าการที่ชอบไปยืนหลอกผู้คนอยู่ริมรั้วเป็นกิจวัตรที่เธอชอบมาก
พ่อแม่ สามีและลูกชายดิฉันก็เห็นพฤติกรรมน่าขนหัวลุกของเธอเสมอ โดยเฉพาะกลิ่นเน่าแปลกๆ และการที่นก กระต่าย กับพวกหมาๆ แสดงอาการหวาดกลัวเธอเป็นประจำ
พอถามคนที่พาเธอมาก็ได้ความว่า เปิ้ลคนนี้เคยตายแล้วฟื้น! เธอตายไปได้วันเต็มๆ เขาจะเผาแล้ว...ดันฟื้น! อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม่ของเธอเองยังกลัวแทบตาย กลัวจนอยู่ด้วยไม่ได้ ผลก็คือเอาตัวมาทำงานกรุงเทพฯ ดีกว่า ได้เงินด้วย ห่างตัวด้วย ไม่ต้องลุ้นว่ามันจะแหกอกให้ดูวันไหน?
ลงแบบนี้ดิฉันเลยขอคืนตัวเธอไป จะไปอยู่ที่ไหนก็เรื่องของเธอ ดิฉันยอมเหนื่อยจนกว่าจะหาคนใหม่ได้ ดีกว่ามีคนใช้เป็นผีดิบ! จริงมั้ยคะ?
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 9 พฤษภาคม 2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น