28 ธันวาคม 2559

วิญญาณพเนจร

"แต๋ม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากชะอำ

โบราณท่านเตือนว่า ถ้าเห็นอะไรวูบวาบผิดสังเกตในยามวิกาล ห้ามทำปากไวไปทักทายเข้าเชียว เดี๋ยวสิ่งไม่ดีมันจะเข้าตัว หรือถ้าเป็นผีก็จะตามเรามา!

อันหลังนี่หนูไม่แน่ใจนะคะว่าท่านบอกไว้หรือเปล่า แต่หนูเจอมากับตัวไม่ได้มั่วนิ่ม หนูก็เลยเขียนมาเล่าให้ฟัง จะได้ไม่พลาดพลั้งอย่างพวกหนู เรื่องที่หนูเจอมานี่น่ากลัวมากค่ะ

ก่อนเปิดเทอมนี้ พวกเราที่กำลังจะขึ้น ม.6 ก็นัดไปเที่ยวทะเลกัน เพื่อนชื่อกุ้งมีคอนโดฯ อยู่ที่ชะอำ เรารวบรวมเพื่อนๆ ได้ตั้งสิบคนแน่ะ ถ้ารวมพี่เก้า-พี่ชายกุ้งด้วยก็เป็นสิบเอ็ดคนพอดี...พี่เก้าต้องเป็นคนขับรถตู้พาพวกเราเดินทางไปกลับโดยสวัสดิภาพ

หนูเน้นเรื่องรถตู้เพราะเรื่องสยองนี้มีจุดเริ่มต้นบนรถตู้คันนี้ลˆะค่ะ ไม่ใช่ว่ามันเป็นรถผีสิงนะคะ คุณพ่อของกุ้งซื้อมาใหม่เอี่ยม นั่งสบายมากๆ

เราออกเดินทางเย็นวันศุกร์ แวะซื้อขนมนมเนยกันเพียบจากปั๊มเจ็ท จากนั้นก็มุ่งหน้าตรงดิ่งสู่ชะอำ ซึ่งปกติใช้เวลาไม่เกินสองชั่วโมง

คณะของเรามีผู้ชายห้าคนกับผู้หญิงหกคน ขอบอกก่อนว่าไม่มีใครเป็นแฟนใครเลยนะ เราเป็นเพื่อนเฮฮากันของแท้ แหม...คนเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล โตมาด้วยกัน ความรู้สึกเหมือนพี่น้องกันจริงๆ แต่พวกผู้ชายห้องหนูนี่น่ะ มันทโมนสุดฤทธิ์เชียวค่ะ

ราวทุ่มเศษเราก็เลี้ยวเข้าชะอำ สองข้างทางมีไฟถนนส่องสว่างพอสมควร

ทันใดนั้นท่ามกลางแสงไฟ หนูมองเห็นผ้าสีขาวผืนใหญ่ปลิวอยู่เหนือพุ่มไม้ ผ้าขาวผืนขนาดผ้าปูที่นอนออกมาแผ่กางเต็มที่ ร่อนเหมือนค้างคาวตัวใหญ่อยู่อย่างนั้นได้ไง?

หนูเห็นแล้วก็เงียบซะ ถึงแม้จะตกใจไม่น้อยเลย หนูหุบปากนิ่ง ใจหายพิกลมือเย็นเฉียบเลยลˆะค่ะ

ขณะที่กำลังสะกดใจ เม้มปากแน่น เสียงเจ้าเพื่อนตัวดีก็ดังลั่น เจ้าปั้มสิคะมันโวยวาย "นั่นอะไรน่ะ?" ชี้ไม้ชี้มือจนคนอื่นๆ หันไปดูเป็นตาเดียว...พวกเราทุกคนเห็นสิ่งประหลาดนั้น และพวกผู้ชายไม่ยอมเก็บอาการ ไม่ยอมสงบปากคำเลย แถมพูดว่า ซูเปอร์แมนมั้ง? ใครคนหนึ่งโพล่งว่า ผีหรือเปล่า?

อีกคนก็ท้าทาย...เป็นผีจริงตามมาซีวะ! หนูยิ่งฟังยิ่งใจฝ่อ

เราผ่านจุดที่เห็นผ้าขาวผืนนั้นมาแล้ว ใจหนูเต้นตึ๊กๆ เสียวสันหลังวาบๆ พยายามเหลียวไปมอง ยิ่งตกใจเมื่อเห็นผ้าขาวผืนนั้นมันร่อนตามรถเรามา เห็นอยู่ลิบๆ โน่น

พอรถถึงคอนโดฯ เราก็ขนของขึ้นห้อง หนูลงจากรถ ลมเย็นเยือกพัดมาวูบหนึ่ง พาเอากลิ่นสาบๆ น่าคลื่นไส้มาเตะจมูก...เพื่อนปากพล่อยยังดันพูดขึ้นมาอีก...พูดเป็นเชิงคะนองปากว่า...ผีข้างถนนมันตามมาแล้ว!

สาบานได้เลยค่ะว่าลมเย็นๆ ผิดปกติ กับกลิ่นสาบๆ นั่นตามเรามาถึงห้อง...และแล้วตกดึกคืนนั้นก็ได้เรื่อง...

หนูรู้สึกตลอดเวลาว่ามีอะไรอย่างหนึ่งที่น่าสยดสยองเข้ามาอยู่ในห้องกับพวกเรา หางตาหนูจะเห็นอะไรบางอย่างคล้ายศพมัดตราสังมายืนอยู่ตรงนั้นบ้าง ตรงนี้บ้าง

แน่ใจว่าเพื่อนๆ หนูสองสามคนก็เห็นสิ่งนั้นเหมือนกับที่หนูเห็น!

โดยเฉพาะกุ้ง-เพื่อนซี้ที่เป็นเจ้าของห้อง เธอบ่นกับหนูว่ามีบางอย่างที่น่าขนลุกอยู่ใกล้ๆ นี้ และยืนยันว่าห้องนี้ไม่เคยมีผีสิง...อย่าว่าแต่ห้องนี้เลย ทั้งคอนโดฯ นี่แหละ รับรองว่าเป็นที่สะอาด ปราศจากภูตผีวิญญาณ...แต่นี่มันมาจากไหนล่ะ

ระหว่างที่เราซุบซิบกัน กลิ่นเน่าๆ ก็แรงขึ้นๆ ตกลงเป็นอันว่าคืนนั้นเราลากที่นอนมาปูรวมกันและเปิดไฟไว้ทั้งคืน...แต่ในห้องผู้ชายสิคะ เกิดเรื่องใหญ่

ราวๆ ตีสามเจ้าปั้มแหกปากร้องลั่นไม่เป็นภาษาคน เปิดประตูพรวดออกมามีเพื่อนที่นอนรวมกันในห้องนั้นวิ่งตาหูเหลือกตามออกมาด้วย

มันเล่าว่านอนอยู่ดีๆ มีมือแข็งๆ สากๆ มาจับหมับที่ข้อเท้าแล้วเขย่าเอาเป็นเอาตาย มันตกใจมาก แต่ทีแรกคิดว่าเพื่อนแกล้ง กำลังจะด่าอยู่แล้วเชียว พอลืมตามองก็แทบหัวใจวาย... เพราะสิ่งที่มาเขย่าขาเป็นผีในผ้าตราสัง ที่ฉีกผ้าที่ปิดหน้าไว้ ทำให้เห็นหน้าที่เน่าเฟะ น่าสยดสยองสุดขีด!

เราสรุปว่า เป็นเพราะปั้มเป็นคนแรกที่ปากเสีย เห็นผ้าขาวร่อนอยู่ข้างทางแล้วพูดจาไม่ดีออกไป แถมยังไปท้าทายเขาอีก เขาเลยตามมาน่ะซี

วันรุ่งขึ้น แทนที่จะได้เที่ยวสนุก เรากลับต้องไปวัดที่หัวหินให้พระท่านช่วย ท่านก็ใจดี เมตตาเรา อุตส่าห์มาที่คอนโดฯ เพื่อนำวิญญาณเร่ร่อนนั้นออกไป

เข็ดซีคะทีนี้ หนูถึงเขียนมาเล่าว่าเวลาเห็นอะไรอย่าไปทักนะคะ เชื่อโบราณไว้ก่อนเป็นดีที่สุดค่ะ!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 28 พฤษภาคม 2551

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น