"อนุพันธ์" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากเด็กปีศาจ
เรื่องน่ากลัวนี้เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน ตอนนั้นผมอายุได้ 13 ปี มีชีวิตที่สุขสมบูรณ์เพราะพ่อเป็นสถาปนิกที่มีฐานะมั่นคง ผมมีน้าแท้ๆ ชื่อน้าพน บ้านอยู่ในซอยเดียวกัน ห่างไปแค่ไม่กี่หลัง แต่ชีวิตความเป็นอยู่แทบจะตรงข้ามกับบ้านผมราวฟ้ากับดิน
น้าพนเป็นลูกจ้างของบริษัทแห่งหนึ่งได้เงินเดือนไม่สูงนัก แต่ต้องใช้จ่ายมากมายเพราะน้าพนมีลูกๆ ถึง 4 คนแน่ะครับ...คนโตเพิ่งจะอยู่ ป.6 ส่วนคนเล็กกำลังจะเข้าอนุบาล 1
ชะตาชีวิตของคนเราก็เล่นตลกแปลกๆ นะคุณ ทีพ่อผมร่ำรวยมากๆ กลับมีลูกคนเดียว คือผมนี่แหละ ส่วนบ้านน้าพนจนแทบตาย มีลูกยังกับกระต่าย 4 คน ยังไม่พอ ลูกคนที่ 5 กำลังจะลืมตาดูโลกเร็วๆ นี้ คนที่เป็นห่วงเป็นใยและสงสารน้าพนมากที่สุดก็คือยายของผมเอง!
คุณยายอยู่บ้านเดียวกับผม ดูแลผมเวลาที่พ่อแม่ต้องออกไปทำงาน ท่านใจดี ทำอาหารอร่อยมาก แม่จะให้เงินเอาไว้จับจ่ายใช้สอย แต่คุณยายเก็บเงินไม่อยู่หรอกครับ...ไม่ใช่ว่าเอาไปฟุ่มเฟือยอะไร แต่เงินที่ได้มาน่ะ คุณยายเอาไปให้บ้านน้าพนซะเกือบหมด
ตอนนั้นผมยังเด็กมาก ไม่รู้เรื่องของผู้ใหญ่เท่าไรนัก แต่ก็ได้ยินแม่ต่อว่าต่อขานคุณยายที่หมดเปลืองไปกับครอบครัวน้าพน!
ที่จริงแม่ผมก็ดูแลน้องชายอยู่แล้วละครับ ไม่ใช่ว่าจะใจไม้ไส้ระกำซะที่ไหน แต่ก็ดูเหมือนน้าพนจะไม่พอซะที พอผมโตขึ้นถึงได้รู้ว่าปัญหาจริงๆ อยู่ที่น้าตุ๊ เมียน้าพนนั่นเอง! เธอไม่ได้ทำงาน อยู่กับบ้านเฉยๆ เพราะไม่ได้จ้างคนรับใช้ เธอเลี้ยงลูกเอง ทำงานบ้านเอง
ในความเป็นจริง น้าตุ๊เป็นผู้หญิงอวบขาว สวย ตาโต ช่างแต่งตัว แม้จะไม่ได้ออกไปไหนก็ตาม ทุกครั้งที่ผมไปเยี่ยมบ้านนั้นกับคุณยาย ก็มักจะเห็นเธอนอนไขว่ห้างอ่านนิยายอย่างสบายอารมณ์ ลูกๆ ก็เล่นกันมอมแมม ไอ้ที่ไปโรงเรียนก็เดินไปเองกลับเอง ไม่เห็นเธอไปรับไปส่ง ส่วนกับข้าวกับปลาน่ะ คุณยายจัดปิ่นโตไปให้ทุกวัน
คิดแล้ววันๆ น้าตุ๊แทบไม่ต้องทำอะไรเลยสักนิดเดียว!
ท้องน้าตุ๊ใหญ่มาก และใหญ่ขึ้นทุกทีๆ ในที่สุดก็ถึงกำหนดคลอด...
ลูกคนที่ 5 เป็นผู้หญิง ตัวใหญ่มาก น้าตุ๊เบ่งไม่ออก หมอต้องผ่าแต่ปรากฏว่าเด็กตายครับ ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น คุณยายเล่าว่าศพเด็กน่ะตัวเขียว มีเลือดออกจากจมูกและปาก ตาลืมค้าง คออ่อนคอพับเหมือนกับว่ามันหักจนหมุนได้รอบ
เด็กตายไปแล้ว และไม่มีการสอบสวนว่าเพราะอะไร หรือใครต้องรับผิดชอบ...น้าตุ๊เสียใจนิดหน่อย ผมไม่เห็นเธอร้องไห้ฟูมฟายอะไรนัก กลับสบายดีด้วยซ้ำ เธออยู่โรงพยาบาลตั้งสัปดาห์ โดยมีแม่ผมออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด แถมยังให้ลออ-เด็กรับใช้ของเราคนหนึ่งไปดูแลที่บ้านน้าพนด้วย
คราวนี้น้าตุ๊ยิ่งสบาย เป็นคุณนายชี้นิ้วไปเลยละครับ แต่ไม่กี่วันคนของเราก็เผ่นกลับ ไมใช่เพราะน้าตุ๊...แต่เพราะลูกที่ตายไปแล้วของน้าตุ๊ต่างหากล่ะ! ลออเล่าปากคอสั่นว่า ในบ้านที่มืดสลัวของน้าตุ๊น่ะ มีเสียงทารกลึกลับมาร้องอุแว้ๆ ทั้งที่เป็นกลางวันแสกๆ
บ้านน้าตุ๊ปิดม่าน ปิดหน้าต่าง เพราะน้าตุ๊กลัวแดดจะส่องเข้าไปทำลายผิวของเธอ บ้านนั้นจึงมักอับชื้นเสมอๆ ยิ่งหลังคลอด แทนที่จะเปิดให้อากาศระบายถ่ายเท น้าตุ๊ยิ่งปิดทึบกว่าเดิมด้วยซ้ำ อ้างว่าเธอหนาวสะท้าน
เมื่อกลับมาอยู่บ้าน น้าตุ๊ก็โดนผีลูกตัวเองหลอกหลอนเช่นกัน...นอนหลับฝันหวานยามบ่ายอยู่ดีๆ เกิดมีเสียงทารกร้องครวญคราง ทีแรกเธอนึกว่าแมว แต่มันเป็นเสียงทารกจริงๆ มาร้องอยู่ทั้งวัน!
น้าตุ๊เองก็เริ่มกลัว รวมไปถึงลูกๆ ทั้ง 4 คนนั่นด้วย
ลูกพี่ลูกน้องของผมที่ชื่อพลอยเล่าว่า...คนทั้งบ้านแทบไม่ได้หลับได้นอนเลยเพราะเสียงร้องประหลาดนั่น เด็กทุกคนนั่งกอดกันกลมแม้จะเป็นเวลาเที่ยงคืน! ส่วนพิม-ลูกคนเล็กสุดอายุ 3 ขวบกว่า พูดอย่างไร้เดียงสาว่าเห็นน้องคลานไปมาอยู่ทั่วบ้านและน้องที่ว่านี่มีขนาดตัวโตเท่าแม่แน่ะ!
ฟังแล้วผมขนหัวลุกเลยครับ ไม่กล้าไปบ้านนั้นอีก...บอกตรงๆ ว่า พอเข้าไปมันจะมีกลิ่นแปลกๆ น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก
น้าตุ๊อาการหนักกว่าเพื่อน ทำท่าเหมือนคนประสาทเสีย สะดุ้งผวาง่าย...ไม่นานเธอก็ไม่สบาย เป็นไข้หนักโดยไม่ทราบสาเหตุ ต้องถูกหามเข้าโรงพยาบาล อยู่ได้ 2 สัปดาห์ก็เสียชีวิต! คุณหมอบอกว่าติดเชื้อ แต่พวกเราพูดกันว่าลูกที่ตายมาเอาไป เพราะตั้งแต่นั้นบ้านก็สงบ ไม่มีอะไรน่ากลัวอีกเลย
ทุกวันนี้ลูกๆ ของน้าพนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีอาชีพการงานมั่นคง น้าพนตายไปหลายปีแล้ว บ้านนั้นก็ขายและมีคนอื่นมาอยู่...เหลือไว้แต่ความหลังสุดสยองครับ
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 29 พฤษภาคม 2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น