30 ธันวาคม 2559

ควันมฤตยู

"แพร" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากเหยื่อควันพิษ

"เยาวชนรุ่นใหม่ต้านภัยบุหรี่!"

นั่นคือคำขวัญขององค์การอนามัยโลก ที่ดิฉันได้ยินทางวิทยุ และทีวีบ่อยๆ เนื่องใน "วันงดสูบบุหรี่โลก" ประจำปีนี้ บ้านเราก็มีการรณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่กันทุกรูปแบบ นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีและควรจะสนับสนุนกันมากๆ ค่ะ

บุหรี่ไม่มีอะไรดีเลย นอกจากพิษร้ายแรงล้วนๆ ไม่ว่าใครก็ทราบดี แต่ทำไมจึงยอมเสียเงินเสียทองไปหาซื้อควันพิษมาใส่ตัวเองก็ไม่ทราบ

ถ้าเป็นอันตรายกับพวกขี้ยาเท่านั้นก็ยังดี แต่พิษสงของบุหรี่ทำให้คนใกล้เคียงต้องเดือดร้อน รับเคราะห์ไปด้วยน่ะซีคะ เช่นพ่อบ้านสูบบุหรี่ ขี้ยาที่เดินสูบตามข้างถนนหรือยืนสูบหน้าตาเฉยที่ป้ายรถเมล์ ใครมองแล้วเบือนหน้าหนี หรือแม้แต่ยกมือปัดควันพิษไม่ให้เข้าจมูกคนพวกนี้ก็กลับทำหน้าตายไม่รู้ไม่ชี้

ไม่ทราบว่ามีจิตสำนึกของคนปกติหรือเปล่าคะ?!

ดิฉันได้ข่าวว่าการเผยแพร่พิษร้ายของบุหรี่ ทำให้คนไทยที่ตกเป็นทาสมันได้ฉุกคิดเลิกเสียเงินซื้อความตายผ่อนส่งมาใส่ตัวได้ราวปีละสองแสนคน แต่น่าเสียใจที่มีคนรุ่นใหม่ริอ่านติดบุหรี่ถึงปีละสองแสนห้าหมื่นคนแน่ะค่ะ

ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น หลงผิดว่าการสูบบุหรี่เป็นสิ่งโก้เก๋ คาบบุหรี่แล้วดูเท่มาก!

เท่าที่ทราบ ผู้ที่ติดบุหรี่แต่อยากเลิกสูบมีถึง 70 เปอร์เซ็นต์ แต่ส่วนใหญ่ถอนตัวไม่สำเร็จเพราะแพ้ใจตัวเอง ถ้ายอมรับความหงุดหงิด ไม่สบายใจในช่วงวันแรกๆ ได้แล้ว ก็คงจะไม่หันไปหาเจ้าบุหรี่ตัวนิดๆ แต่อันตรายใหญ่หลวงได้สำเร็จ

สามีดิฉันเคยติดบุหรี่งอมแงมขนาดตื่นมาต้องคว้าบุหรี่ เข้าห้องน้ำก็ต้องสูบ กินอาหารเสร็จก็ต้องสูบ ยิ่งดื่มเหล้า เบียร์ หรือแม้แต่กาแฟก็ต้องมีบุหรี่อยู่ใกล้มือตลอด...ตอนที่ตัดสินใจเลิกสูบบุหรี่ สามีใช้วิธี "หักดิบ" ค่ะ!

ไม่ต้องทำอะไรมากนอกจากหยิบบุหรี่ ไลเตอร์ และที่เขี่ยบุหรี่โยนลงถังขยะทั้งหมด แล้วลืมไปเลยว่าโลกนี้มีบุหรี่!

เอาชนะใจตัวเองด้วยเรื่องแค่นี้ไม่สำเร็จ จะไปเอาชนะใครหรืออะไรได้เล่าคะ?

ญาติผู้ใหญ่และเพื่อนๆ รุ่นพี่ของดิฉันล้มตายเพราะพิษสงของบุหรี่หลายคนแล้วล่ะค่ะ เป็นมะเร็งปอด หลอดเลือดหัวใจตีบ หัวใจวาย ฯลฯ ส่วนที่ยังนอนแซ่วอยู่โรงพยาบาลและที่บ้านด้วยโรคถุงลมโป่งพองก็มี...ไปเยี่ยมแล้วเห็นภาพที่นอนแซ่ว รอคอยความตายอย่างทนทุกข์ทรมาน...รู้สึกหดหู่เกินจะบรรยาย ได้ค่ะ

แม้จะพูดไม่ได้ แต่สายตาเศร้าๆ ที่มองมา บ่งบอกว่าเสียใจและขอโทษลูกเมียที่เขาก่อกรรมขึ้นโดยไม่เจตนา...

ญาติมิตรที่ตายไปอย่างทุรนทุราย วิญญาณไม่มีวังสงบหรือไปสู่สุคติได้เด็ดขาด! บางรายก็มาเข้าฝัน ร้องห่มร้องไห้ขออภัยที่ต้องจากลูกเมียไปก่อนเวลาอันควร บางรายก็มาสะอึกสะอื้นคร่ำครวญในยามราตรี ทำให้สะดุ้งผวาไปตามๆ กัน

ดิฉันเคยประสบกับตัวเองเมื่อน้องสะใภ้ชื่อจิตราต้องตายจากไปเพราะควันบุหรี่

จิตราไม่ได้สูบเองหรอกค่ะ แต่เธอเปิดร้านอาหารที่มีดนตรีย่านซอยอารีย์ มีทั้งโต๊ะที่สนามและทั้งห้องแอร์ด้านใน...เมื่อราวสิบปีก่อน ยังไม่มีการเข้มงวดเรื่องห้ามสูบบุหรี่ ลูกค้าที่เป็นคอสุราและเบียร์ก็พ่นควันโขมงแทบทุกโต๊ะ

น้องชายดิฉันไม่สูบบุหรี่ แต่จิตราได้รับควันพิษแทบจะทั้งวันทั้งคืนก็ว่าได้ เธอเคยบ่นตอนแรกๆ ต่อมาก็คงชิน...จนกระทั่งซูบผอม ซีดเซียว ไอแห้งๆ มีเลือดปนเสมหะ...เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย รักษาตัวอยู่ได้ราวสองเดือนก็เสียชีวิต

วิญญาณจิตราคงไม่ยอมรับรู้ว่าตัวเองตายไปแล้ว เลยกลับไปที่ร้านอาหารของเธอ!

ระหว่างนั้นมีน้าแหวน-ญาติห่างๆ มาคอยดูแลร้านแทน จนกระทั่งเสร็จงานศพจิตรา น้าแหวนก็รับอาสาจัดการเรื่องร้านให้ น้องชายดิฉันมีลูกคนเดียว บอกว่าหมดกะจิตกะใจจะทำร้านต่อแล้ว ปล่อยให้น้าแหวนดูแลทั้งหมด...เรื่องเงินทองไว้ใจได้ค่ะ

เรื่องน่าขนลุกเกิดขึ้นเมื่อเผาจิตราได้ไม่กี่วัน เพื่อนบ้านก็เห็นจิตราเดินเข้าเดินออกที่ร้าน แม้แต่พนักงานเก่าๆ ก็เห็นผู้หญิงเดินวับๆ แวมๆ แถวห้องครัวบ้าง แถวโต๊ะในห้องแอร์บ้าง...ที่ร้ายกว่านั้นก็คือไปรับแขกที่โต๊ะสนามด้วย!

ความสยองรุนแรงเกิดขึ้นในคืนหนึ่ง ใกล้จะปิดร้านแล้ว น้าแหวนกำลังนั่งเช็กบิลลูกค้าอยู่หลังเคาน์เตอร์ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นจิตราผลักประตูเดินยิ้มระรื่นเข้ามาหา!

แม้ว่าจะเป็นร่างที่มีเลือดเนื้อเหมือนคนธรรมดา แต่เมื่อรู้ดีว่านั่นคือผู้ที่ตายไปแล้ว น้าแหวนก็ทะลึ่งพรวดขึ้นร้องกรี๊ดๆ จนคนในร้านนึกว่าไฟไหม้...วันรุ่งขึ้นก็ยอมแพ้ น้องชายเลยได้โอกาสปิดร้านตั้งแต่นั้น ต่อมาก็ไม่มีใครเห็นจิตราอีกเลยค่ะ

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 30 พฤษภาคม 2551

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น