19 ธันวาคม 2559

ใครอยู่ในตู้?

"อาทร" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากถนนพิชัย

สมัยหนุ่มผมอยู่ในซอยสันติสุข ใกล้ๆ กับสี่แยกพิชัย ซึ่งอยู่ระหว่างศรีย่านกับราชวัตร แถวนั้นเป็นดงอาหารครับ ของอร่อยเยอะแยะไปหมด ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน แสงไฟสว่างไสว ผู้คนคึกคักเหมือนมีงานรื่นเริงทุกคืน

นอกจากรถเข็นแล้วยังมีร้านดังๆ ไม่ว่าปลาช่อนแป๊ะซะ ข้าวมันไก่ หมูตั้ง ไหนจะร้านไก่ย่างส้มตำเจ้าอร่อย คือร้านจั๊กหน่อย อาหารอีสานเพียบ ไม่ว่าลาบ ก้อย ตับหวาน ต้มป่าปลาหมอ เนื้อเค็ม เนื้อแดดเดียวมีหมด ถูกอกถูกใจคอเหล้าอย่าบอกใครเชียว

ตกเย็นคอเหล้าขาประจำก็ทยอยกันเข้ามา ไม่ช้าร้านขนาดสองคูหาก็เต็มทุกโต๊ะ ใครมาช้าก็ต้องนั่งโต๊ะบนฟุตปาธหน้าร้าน พวกที่ทนรอโต๊ะว่างไม่ไหวก็จัดการสั่งซื้อสรรพอาหารรสแซบใส่ถุงไปกินบ้านละกัน ถ้าไม่อร่อยจริงๆ จะมายืนรอให้เมื่อยแข้งเมื่อยขาไปทำไม

อ้อ! ร้านอาหารอร่อยๆ ที่ว่าน่ะอยู่แถวถนนพิชัยนะครับ ไปทะลุออกถนนสามเสนก็ได้ ออกถนนพระราม 5 ก็ได้...ถนนกว้างขวาง ไปมาสะดวก ร้านไหนอร่อยจริงๆ รับรองว่าลูกค้าแน่นตรึม...แต่สิ่งที่น่าแปลกประหลาด ค่อนข้างจะอัศจรรย์ด้วยซ้ำก็คือตู้โทรศัพท์ครับ

ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อ ถนนสั้นๆ สายนี้มีตู้โทรศัพท์มากมายที่สุดในกรุงเทพฯ!

ทั้งสองฝั่งถนนเห็นแต่ตู้โทรศัพท์แดงๆ โดดเด่นอยู่ใต้ต้นไม้ร่มครึ้ม เคยมีคนลองเดินนับดู เบ็ดเสร็จมีตั้ง 14-15 ตู้แน่ะครับ

องค์กรโทรศัพท์คงจะเห็นว่าบ้านเรือนหนาแน่น แต่ถนนพิชัยไม่มีรถเมล์ผ่านเลยเอาตู้โทรศัพท์มาตั้งเป็นว่าเล่น เดี๋ยวตู้ๆ ที่เคยนับไว้อาจจะเพิ่มขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้...แต่ที่อื่นไม่ยักหนาตาเหมือนแถวบ้านผม

คืนเกิดเหตุ ผมกับเพื่อนๆ ที่โรงพิมพ์ย่านบางพลัด ชักชวนกันมาดวดดื่มที่ร้านจั๊กหน่อย...ตอนนั้นส้มตำปูเพิ่งขึ้นราคาจากจานละ 3 บาท เป็น 5 บาท ไม่ใช่จานละ 20-30 บาท เหมือนตอนนี้หรอกครับ เล่าให้เด็กรุ่นหลังฟังเล่นเอาขำกลิ้งไปตามๆ กัน หาว่าตลก...ปั้ดโธ่!

เรามาถึงราว 6 โมงเย็น หน้าหนาวค่ำเร็วครับ...โต๊ะในร้านน่ะอย่าไปหวัง ได้โต๊ะบนฟุตปาธ ห่างเตาย่างไก่ไปทางขวา แค่นี้ก็ถือว่าโชคดีแล้วที่ไม่ต้องยืนแขวนรอโต๊ะว่าง

เจ้าผ่อนอยู่บางโพ เจ้าโก๋อยู่สะพานควาย...ถือว่ามาหากินใกล้ถิ่นหน่อย ผมโชคดีกว่าเพื่อนตรงที่เดินตีต๊อกกลับบ้านใกล้ๆ ได้สบายมาก

เหล้าแบนโซดาสอง ลาบ ก้อยตับ แหนมห่อ ส้มตำปูใส่ปลาร้า อ้อ! น้ำแข็งอีกหนึ่งกระติก...แค่นี้ก็ทำให้หายเมื่อยขบ หูตาสว่างไสว มองเห็นโลกโสภาสถาพรขึ้นมาทันใด

แบนที่สองและที่สามตามติดมาอย่างรวดเร็ว คงเพราะอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาวทำให้เมาช้า มีเนื้อเค็มกับซุบหน่อเพิ่มเติมขึ้นมา อย่าลืมข้าวเหนียวสามกระติ๊บ จะได้ไม่ต้องแย่งกันจกใส่ปาก...พูดคุยเฮฮาไร้สาระ จนกระทั่งถึงแบนที่สี่

เอาละ! พอกันที เจ้าผ่อนสั่งต้มป่าปลาหมอ เจ้าโก๋สั่งส้มตำปูมาเปลี่ยนรสชาติซะมั่ง...ไม่ต้องบอกก็รู้กันในทีว่าแบบนี้เป็นแบบสุดท้าย พรุ่งนี้ต้องไปทำงานนะเพื่อน!

มึนๆ กำลังดี ซดต้มป่าปลาหมอโฮก...หูตาสว่างจ้าขึ้นมาทันตาเห็น ถ่านในเตาไก่ย่างดับมอดแล้ว ลูกค้าบางตาลง ที่เหลือก็ทยอยกันกลับ เราช่วยกันจ่ายเงินก่อนจะแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง...

ไฟถนนสว่างโพลงดูเยือกเย็น ผมเดินไปตามบาทวิถีโล่งว่าง ลมหนาวกรูเกรียวเข้ามาจนทำให้อาการมึนนิดๆ แทบจะจางหาย...ก่อนจะเหลือบไปมองตู้โทรศัพท์ข้างหน้าพอดี

ชายคนหนึ่งยืนหันหลังให้ มือถือกระบอกโทรศัพท์แนบกับใบหู...ผมเดินผ่านไปอย่างไม่แยแส จนกระทั่งมองเห็นตู้สีแดงตั้งโดดเด่นอยู่ในแสงไฟเยือกเย็น...

ผู้ชายยืนอยู่ในตู้ คราวนี้สังเกตว่าสวมเสื้อขาว...หันไปมองด้านขวามือโดยไม่ได้ตั้งใจ อ้าว? ตู้โทรศัพท์ฝั่งตรงข้ามก็ไม่ว่างเหมือนกัน! มิน่าล่ะ เขาถึงได้ตั้งตู้ไว้ให้หนาตาเชียว...พอดีชายในตู้หันมา หน้าขาวๆ กำลังพูดโทรศัพท์พะงาบๆ ดูคล้ายๆ กำลังแยกเขี้ยว...จ้องมองผมด้วยแววตาพิลึกจนน่าเสียวสันหลัง

ตู้สีแดงโดดเด่นอยู่ข้างหน้าอีกแล้ว น่าแปลกที่ไม่เห็นมีรถราแล่นผ่านเลย ทั้งที่ยังไม่ห้าทุ่มด้วยซ้ำ...ผู้ชายสวมเสื้อขาวกำลังก้มหน้าก้มตาพูดใส่กระบอก แถมพยักหน้าหงึกหงัก...ผมหันไปมองฝั่งตรงข้ามก็เห็นผู้ชายในตู้โทรศัพท์เช่นกัน

หันกลับมาเห็นชายคนนั้นเงยหน้าซีดขาวขึ้นมอง...สะดุดใจวูบเมื่อจำได้ว่าเคยเห็นเขามาก่อน สมองที่พร่ามึนด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้คิดช้า แต่แล้วก็นึกออกว่าเป็นชายคนเดียวในตู้โทรศัพท์ที่เพิ่งเดินผ่านมานั่นเอง!

ผมเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น มองเห็นหัวมุมถนนอยู่ไม่ไกล ตัดสินใจวิ่งข้ามถนนไปฝั่งโน้นตรงกับตู้โทรศัพท์พอดี...ผู้ชายหน้าขาวซีดคนเดิมกำลังถือหูโทรศัพท์ แต่จ้องมองผมเขม็ง

ราวกับโลกแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ผมเผ่นอ้าวไปไม่คิดชีวิตจนถึงถนนนครไชยศรี...วิ่งเตลิดเข้าซอยบ้านราวคนบ้า...สิ่งที่ผมเจอะเจอน่ะถ้าไม่ใช่ผีแล้วจะเป็นอะไรล่ะครับ? บรื๋อส์!

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 19 พฤษภาคม 2551

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น