"ลุงเชื่อม" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากถนนตก
ความเชื่อเรื่องผีๆ สางๆ มักจะแตกต่างกันไป เช่น เชื่อกันว่าผีมักจะชอบหลอกคนกลัวผี โดยเฉพาะเด็กๆ กับผู้หญิงจะโดนผีหลอกมากที่สุด ส่วนผู้ชายหรือคนสูงอายุมักจะไม่ถูกผีหลอก สาเหตุเพราะคนพวกนี้ไม่กลัวผี
แต่บางคนก็ยืนยันว่าคนจิตอ่อน เช่น เด็กกับคนแก่ รวมทั้งคนเจ็บไข้ ทำให้จิตใจอ่อนแอ เปิดช่องให้ภูตผีปีศาจปรากฏตัวหลอกหลอนได้อย่างง่ายดาย
สิ่งที่เชื่อมั่นกันอีกอย่างก็คือ คนที่ถึงแก่ความตายกะทันหัน วิญญาณเตลิดออกจากร่างเหมือนคนที่กระโจนหนีไฟไหม้บ้านด้วยอารามตกใจ แต่ยังไม่รู้ว่าตัวเองตายไปแล้ว อาศัยพลังของความอยากมีชีวิต อยากอยู่ อยากเป็น...ปรากฏร่างให้คนอื่นเห็น ไม่ว่าจะชัดเจนหรือเลือนรางก็จำได้ว่าเป็นร่างที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคน แต่บัดนี้ได้ล้มหายตายจากไปแล้วนั่นเอง
ผมเคยประสบกับวิญญาณชนิดเช่นนี้จนเกือบเอาชีวิตไม่รอดมาแล้วครับ
สมัยวัยรุ่นผมอยู่ตรอกหมอ ถนนตก เป็นตรอกคดเคี้ยวและยืดยาว มีบ้านเล็กเรือนน้อยอยู่คับคั่งทั้งสองฟาก บ้านผมอยู่ลึกเข้าไปเกือบก้นซอย รู้จักมักคุ้นกับผู้คนในย่านนั้นเพราะเคยเห็นหน้ากันมาตั้งแต่จำความได้
วันหนึ่งก็เกิดเหตุสยอง เมื่อลุงผัน-คนขับรถเมล์สายท่าเตียน-ถนนตก เลิกงานมาซื้อของกินที่หน้าโรงหนังช้างเผือก รีบร้อนเดินข้ามถนนจะเข้าตรอกบ้าน โดนรถกระบะเฉี่ยวชนจนกระเด็นไปหัวฟาดขอบฟุตปาธ กะโหลกแตกตายคาที่ รถมรณะคันนั้นก็ขับหนีไป
ลุงผันอายุเกือบ 50 ปี ร่างเล็ก ผิวดำ ผมขาว เมียตายไปหลายปีแล้ว ลูกๆ ก็แยกย้ายกันไปอยู่ที่อื่น เมื่อปีกลายลุงผันได้เมียใหม่ชื่อดาหวัน เป็นแม่ค้าผลไม้อยู่ที่ยานนาวา อายุ 30 เศษ เป็นม่ายผัวตายมา 2 คนแล้ว...
เขาลือกันว่าน้าดาหวันเป็นคนกินผัว! ทำท่าว่าจะเป็นจริงเป็นจัง เพราะมาอยู่กินกับลุงผันได้ราว 3-4 เดือนก็ต้องกลายเป็นม่ายผัวตายถึง 3 คน!
น้าดาหวันเป็นคนผิวขาว รูปร่างสูงใหญ่ อวบอัดไปทั้งตัว พวกหนุ่มๆ ชอบมองเวลาแกเดินบิดสะโพกในโสร่งดอกหนา สวมเสื้อสีสวยๆ เข้ารูปจนอกพุ่งเป็นพะเนิน...ใครจะจ้องมองยังไงแกก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ พอคล้อยหลังพวกหนุ่มๆ ก็จะพูดถึงกันอย่างคะนองปาก
ไอ้แก่นเพื่อนผมที่อยู่กลางซอย เลยบ้านลุงผันไปหน่อย มันเล่าว่าลุงผันแกลุ่มหลงเมียสาวจนโงหัวไม่ขึ้น...อาจจะเข่าอ่อนตอนข้ามถนนเลยโดนรถชนก็เป็นได้
ตอนที่ลุงผันตายใหม่ๆ น้าดาหวันร้องห่มร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย เพื่อนบ้านต้องปลอบโยนกันยกใหญ่...นึกๆ ก็น่าเห็นใจที่แกต้องอยู่ตัวคนเดียวในบ้านไม้ใต้ถุนสูงไม่มีรั้ว...ขณะที่เริ่มมีเสียงพูดถึงวิญญาณเฮี้ยนของลุงผัน!
นั่นคือ ตอนกลางคืนมีคนเห็นแกเดินดุ่มๆ เข้าซอยมา พอหันขวับไปจ้องให้แน่ใจก็ไม่เห็นเสียแล้ว แต่หมูหมามักจะโก่งคอหอนเสียงเยือกเย็นจับใจอยู่เป็นประจำ
หลายๆ คนบอกว่า ลุงผันแกถึงแก่ความตายไม่รู้ตัว วิญญาณยังมุ่งมั่นที่จะกลับไปหาเมียสาวที่บ้านให้ได้...นึกๆ ก็ทั้งน่ากลัว ทั้งน่าสงสารวิญญาณลุงผันที่ไม่ได้ไปผุดไปเกิดเสียที
เวลาผ่านไปราวเดือนเศษ เรื่องผีลุงผันค่อยๆ ซาไป...วันเกิดเหตุ ผมไปเที่ยวกับไอ้แก่นสองคนตั้งแต่บ่ายจนถึงเย็น แวะดูหนังที่สาทรรอบค่ำ กว่าจะนั่งรถมาถึงปากตรอกก็ปาเข้าไปเกือบ 4 ทุ่มแล้ว...เราคุยเรื่องหนังเคาบอยที่ดูกันมาแทบไม่ขาดปาก
เสียงรองเท้ากระทบพื้นลูกระนาดดังกึกๆ ไปพร้อมกัน...จู่ๆ เสียงหมาหอนโจ๋ดังรับกันเป็นทอดๆ มาจากปากซอย เหมือนกับมีอะไรบางอย่างตามหลังเรามา...ไอ้แก่นหยุดกึกกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ ด่าพึมว่าจะเห่าหาห่...อะไรวะ? แล้วหันไปมองข้างหลังพร้อมๆ กับผม
ชายคนหนึ่งเดินก้มหน้างุดๆ อยู่ห่างไปราวสัก 6-7 เมตร ผมบอกเพื่อนว่ารีบๆ เดินกันเถอะวะ เดี๋ยวก็ถึงบ้านมึงแล้ว กูต้องไปคนเดียวอีกไกล...
แทบไม่ขาดคำก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างหลังดังใกล้เข้ามาทุกที ผมน้ำลายเหนียวไปหมดเมื่อเหลือบไปเห็นบ้านลุงผันโดดเด่นอยู่ข้างหน้า...ชายที่เดินมาข้างหลังก็มีรูปร่างคล้ายกับลุงผันจนรู้สึกเย็นหลังวาบๆ เพิ่งนึกได้ว่าชายผู้นั้นเท้าไม่ติดพื้น... พอดีไอ้แก่นร้องลั่นว่า...ลุงผัน!
เราหันขวับไปพร้อมๆ กันเหมือนถูกจับกระชาก
นรกเป็นพยาน! ใบหน้าดำเกรียมของลุงผันมีเลือดแดงฉานไหลย้อยลงมาจนเห็นชัดในแสงไฟ ไอ้แก่นด่าลั่น ผมโจนผึงไม่ฟังเสียง...พริบตาเดียวไอ้แก่นก็วิ่งแซงหน้าไปปานลมพัด ผมร้องตะโกนแต่ว่าผีหลอก! ผีหลอกโว้ย...ล้มลุกคลุกคลานไปหอบฮั่กๆ ที่หน้าบ้าน
ไอ้แก่นหายไปแล้ว...มันจะหลบวูบเข้าบ้านตอนไหนก็ไม่รู้ แต่เสียงผมทำให้ชาวบ้านตื่นเกือบครึ่งซอย...ไอ้แก่นสลบคาที่อยู่แถวหน้าบ้านน้าดาหวันนั่นเอง! ร่างที่วิ่งแซงหน้าผมไปคงจะเป็น "เจตภูตคนเป็น" ของไอ้แก่นกระมังครับ?
แต่ที่แน่ๆ คือทำให้ผมขนหัวลุกมาจนถึงทุกวันนี้!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 28 เมษายน 2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น