"กษมา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อผีกลับมาทำงาน
สิ่งมีชีวิตทุกอย่างล้วนเกิดมาเพื่อที่จะตายไป คนเราก็เช่นกัน! ความตายต้องมาถึงเราแน่ๆ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง แต่มันจะมาในรูปไหนล่ะ? มันจะรุนแรง สยดสยอง หรือเงียบสงบคล้ายใบไม้แก่ที่ปลิดขั้ว หลุดร่วงไปตามลม...
เราทุกคนอยากจะได้นอนตายอย่างสุขสงบบนเตียงสบายๆ ในวัยที่ร่วงโรยสมควรแก่เวลา...เราหวังว่าวิญญาณเราจะไม่เจ็บปวดทรมานนานนัก และจะล่องลอยสู่สุคติ!
ทว่า มีมนุษย์อีกมากมายต้องเผชิญกับความที่โหดร้ายทารุณ ไม่รู้ทำเวรทำกรรมมาแต่ปางไหน และบางคนก็ตายไปอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว อย่างพวกที่เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ ในวันที่ 11 กันยายน หรือบรรดาผู้คนที่ถูกสึนามิกระหน่ำซัด พัดพาวิญญาณหลุดจากร่าง
เล่ากันว่า วิญญาณเหล่านี้ บ้างก็ยังวนเวียนอยู่ในมิติโลก เพราะไม่รู้ตัวว่าตายแล้ว เล่นเอาพวกนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศกลัวผีกันอยู่ตั้งนาน
หลังจากเวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ถูกวินาศกรรมจนถล่มทลาย ก็มีรายงานว่า มีคนพบเห็นวิญญาณยังวนเวียนอยู่รอบๆ บริเวณที่เกิดเหตุ คนที่อยู่แถวนั้นมักจะเห็นชายหนุ่มมากหน้าหลายตาใส่ชุดสูททำงาน เดินอยู่แถวๆ นั้นในอาการงงงัน
ดิฉันคิดว่าวิญญาณพวกนี้น่าสงสาร การที่พวกเขามาปรากฏตัวก็คงไม่มีเจตนาจะมาหลอกหลอนหรือขอส่วนบุญอะไร มันเพียงแต่เขาไม่รู้ตัวว่าตายแล้ว ก็เลยยังติดค้างอยู่กับกิจวัตร และภารกิจที่ยังทำไม่เสร็จ
ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ ก็คือพระเอก บรู๊ซ วิลลิส ในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง "เดอะ ซิกธ์เซนส์" เมื่อปี ค.ศ.1999 ไงคะ เขาถูกผู้ร้ายบุกมายิง สติขาดลอยคล้ายฝัน จากนั้นเขาก็ยังใส่สูท หิ้วกระเป๋าไปดูแลคนไข้ซึ่งเป็นเด็กเล็กๆ ผู้มีสัมผัสพิเศษ...เป็นคนเห็นผี!
ดิฉันประทับใจหนังเรื่องนี้มากเพราะเขาทำได้สมจริง...
อะไรนะคะ? ดิฉันรู้ได้ยังไงเหรอ...แหม! ก็เคยเจอกับตัวเองมาแล้วน่ะซีคะ...แบบนี้เปี๊ยบเลย!
เพื่อนรุ่นพี่ในที่ทำงานของดิฉันชื่อ "พี่กี้" เธอเป็นคนสวย อายุเพิ่ง 28 และยังโสดสนิท ดิฉันไม่ค่อยสนิทกับเธอมากนักหรอกค่ะ แต่เคยยิ้มๆ ทักทายกันเท่านั้น เธอมีกลุ่มของเธอ และดิฉันก็มีกลุ่มของดิฉัน แต่โต๊ะทำงานเราอยู่ไม่ไกลกันนัก
เรานั่งทำงานรวมกันในห้องใหญ่ บนชั้นยี่สิบกว่าๆ ของตึกระฟ้าหรูหราในกรุงเทพฯ นี่เอง
ที่ทำงานอยู่กลางกรุง แต่บ้านพี่กี้อยู่ถึงพุทธมณฑล ไกลน่าดู! เธอมาทำงานแต่เช้าและกลับค่ำๆ มืดๆ เสมอ ดิฉันเป็นห่วงแต่ก็ไม่มีโอกาสพูด ดิฉันอยากพูดว่าเป็นห่วง เพราะพี่กี้ต้องขับรถทางไกล อยากให้เธอระวังตัวมากๆ
เคยมีคนบอกว่าพี่กี้เคยหลับใน รถแล่นขึ้นไปบนฟุตปาธ เดชะบุญที่แค่รถพังนิดหน่อย ตัวพี่กี้ไม่ได้บาดเจ็บมากนัก นอกจากหัวโน...คิดแล้วเสียวไส้นะคะ!
และแล้ว เรื่องร้ายแรงที่สุดก็เกิดขึ้นจนได้ สันนิษฐานว่าเธอหลับในอีก และรถพุ่งประสานงากับรถสิบล้อที่แล่นสวนมา พยานบอกว่าเธอไม่มีการเบรกหรือหักหลบเลย ผมก็คือเธอตายคาที่...เป็นการตายที่...แน่ล่ะค่ะ ไม่รู้ตัวสักนิดเดียว!!
ช่วงที่เธอเสียชีวิตใหม่ๆ ในที่ทำงานของเราไม่มีใครกล้ากลับบ้านมืดๆ ค่ำๆ เลยค่ะ อยู่กันอย่างช้าก็ทุ่มกว่าๆ และต้องเป็นกลุ่มเป็นก้อนด้วยนะ จะไปไหนทีก็ต้องไปกันหลายๆ คน แต่พี่กี้ก็ไม่เคยมาแสดงอภินิหาริย์อะไรให้เราเห็น
ทุกอย่างสงบและปกติ จนเราคิดว่า ป่านนี้พี่กี้ไปสู่สุคติแล้ว...
เวลาผ่านไปเกือบปี ความกลัวก็เลือนรางจางหาย จนเราหายใจได้คล่องเหมือนเดิม...เราแทบจะลืมพี่กี้ไปแล้วด้วยซ้ำ!
คืนหนึ่ง ดิฉันอยู่สะสางงานจนมืดค่ำ เพื่อนๆ กลับกันไปทีละคนสองคน จนเหลือแต่ดิฉันนั่งทำงานตามลำพัง เออ...มันก็สบายดีนะ! ดิฉันเพลินจนมองนาฬิกาอีกที...อ้าว? ปาเข้าไปเกือบสามทุ่มแล้ว แอร์เย็นเฉียบผิดปกติ...กลับบ้านดีกว่า
ทันใดนั้น ดิฉันเงยหน้าขึ้นมองเห็นร่างที่คุ้นตา ก้มหน้าทำงานง่วนอยู่ที่โต๊ะซึ่งห่างออกไปสี่ห้าตัว...พี่กี้!!
ใจหายวาบ...และแปลกนะคะ แทนที่จะกลัวจนสติแตก เตลิดเปิดเปิงอย่างที่เล่าๆ กัน ดิฉันกลับมึนมากกว่า มันงงเหมือนมีอะไรมาสะกดจิต
พี่กี้มานั่งตรงนี้ได้ยังไง เธอตายแล้วนี่นา?
ขาแข้งดิฉันเหมือนจะยึดแน่นติดกับพื้นห้อง นัยน์ตาเบิ่งมองภาพตรงหน้า ขนลุกซู่ สักพักก็ค่อยๆ ถอยออกมาทีละก้าวๆ ไม่กล้าวิ่งค่ะ กลัวสติแตก
พี่กี้ยังก้มหน้าก้มตาทำงานเหมือนคนปกติทุกอย่าง ดูเธอจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีดิฉันยืนมองอยู่ด้วยใจระทึก...
นึกแล้วก็ยังแปลกใจที่ดิฉันไม่โวยวาย กรี๊ดกร๊าด กลับยืนดูให้มันแน่ชัดว่ากำลังเห็นวิญญาณจริงๆ เธอเหมือนคนเราดีๆ นี่เอง ดิฉันเริ่มกลัวขึ้นทีละน้อยๆ จนลงลิฟต์มาคนเดียวถึงชั้นล่าง ดิฉันน้ำตาร่วง...เดินตัวสั่นไปหายาม และต้องนั่งพักอยู่นาน กว่าจะให้ยามช่วยเดินมาเป็นเพื่อนในที่จอดรถ
ตั้งแต่นั้นมา ดิฉันเชื่อแล้วว่าวิญญาณมีจริง
เชื่อเรื่องที่เล่าถึงผีที่เวิลด์เทรดและที่ต่างๆ รวมทั้งในหนัง เดอะซิกธ์เซนส์...ที่เขาทำได้สมจริงเหลือเกินค่ะ!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 11 เมษายน 2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น