23 พฤศจิกายน 2559

ดอยเต่าสยอง

"คนเมือง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากชายหาดดอยเต่า

ผมเป็นคนดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ ใครอยากล่องแม่ปิงก็เชิญลงแพสำราญได้เลยครับ ออกจากดอยเต่าไปถึงเขื่อนภูมิพลตอนเช้า หรือออกจากเหนือเขื่อนตอนเช้า ค้างคืนในแพให้เย็นฉ่ำ รุ่งเช้าก็มาถึงหาดดอยเต่าพอดี

มีแพสำราญให้บริการทั้งแบบเหมา 40 ท่าน ลมพัดโชยรอบทิศให้ชมธรรมชาติสวยงามสองฝัง มีอาหารและเครื่องดื่มให้ถึง 5 มื้อ คือ เช้า เที่ยง เย็น ข้าวต้มรอบดึก กับรับอรุณด้วยข้าวต้มกุ๊ย หรือจะไปแบบห้องแอร์ห้องละ 6 คนก็ได้ ตามสะดวก แล้วแต่จะมาเที่ยวกันมากหรือน้อยแค่ไหน

เบ็ดเสร็จมีราว 30 แพเห็นจะได้ครับ

นักท่องเที่ยวล่องแพมาขึ้นที่ดอยเต่า มักจะแวะไหว้พระที่วัดแปลงห้า แวดล้อมด้วยต้นลำไยดกหนา ตอนนี้กำลังออกดอกสะพรั่งเชียวครับ ปีกลายจตุคามรามเทพดังระเบิด วัดไหนไม่สร้างถือว่าตกยุค วัดแปลงห้าก็สร้างเหมือนกันครับ หาเงินสร้างสุขาให้ชาวบ้านที่มาทำบุญกันเนืองแน่น ดูเหมือนจะปาเข้าไปสองแสนกว่าๆ ตอนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ยังใช้หนี้เขาไม่หมด เหลืออีกเกือบแสนแน่ะ

สมภารท่านเป็นคนซื่อมากๆ จตุคามฯ ขายหมดแต่ได้เงินยังไม่พอ ท่านก็ไม่ยอมทำใหม่ ศาลาจำหน่ายวัตถุมงคลปิดตาย สาเหตุก็เพราะ "ของหมด" มีคนยุให้ท่านสร้างใหม่หาเงินใช้หนี้ท่านก็ไม่เอา ให้ไปซื้อที่ท่าพระจันทร์ถูกๆ มาขายท่านก็ไม่ยอม...บอกว่าไม่อยากหลอกชาวบ้าน "ตุ๊เจ้า" รูปนี้กราบไหว้ได้สนิทใจครับ

อ้อ! บ้านผมเรียกเณรว่า "พระ" เรียกพระว่า "ตุ๊" ถ้า "ตุ๊เจ้า" ก็หมายถึงสมภาร

วันนี้ผมมีเรื่องขนหัวลุกจากดอยเต่ามาเล่าสู่กันฟัง!

ครอบครัวผมทำมาหากินที่ชายหาดนั่นละครับ ขายปลาแห้ง ปลาพวงหรือปลาแขยงตากแห้ง ทอดกินกรอบๆ อร่อยอย่าบอกใคร กินกับข้าวคลุกน้ำพริกหรือจะกินเป็นกับแกล้มก็อร่อยทั้งนั้นแหละ ถือเป็นของฝากจากดอยเต่าทั้งปี ไม่นับหน้าลิ้นจี่หรือลำไย

ตอนเช้าๆ ก็ออกไปตั้งแผงขายปลา ขายผลไม้ตามฤดูกาล ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือลอตเตอรี่ นักท่องเที่ยวชอบซื้อเสี่ยงโชคกันไงครับ

แพสำราญที่มาถึงก่อนก็จอดเรียงรายกันไป ราว 7-8 โมงจะมีแพจากเหนือเขื่อนทยอยมาหาฝั่งเรื่อยๆ รถทัวร์รอรับคนครบถ้วนแล้วก็แล่นออกไป ส่วนมากก็ผ่านฮอด จอมทอง เข้าเชียงใหม่ หน้าหนาวนักท่องเที่ยวหนาตา ทำให้พวกเราพลอยกระเป๋าตุงไปด้วย

พูดถึงวิวยามเช้าที่หาดดอยเต่านี่สวยจริงๆ ดูเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ...

สายน้ำเวิ้งว้าง ลมพัดโชยให้ระลอกคลื่นเข้าหาฝั่ง ทิวเขาลิบๆ อยู่ใต้ฟ้าสีครามที่เริ่มเปลี่ยนสีสันเมื่อดวงอาทิตย์ลอยขึ้นช้าๆ บรรยากาศแสนสุขสงบผิดกับในเมืองเป็นไหนๆ

เช้านั้น ผมช่วยเขาตั้งแผงขายปลาตามเคย ลอตเตอรี่ไม่ต้องใช้แผง แต่สะพายกระบะเดินเร่ไปขายตั้งแต่นักท่องเที่ยวลงจากแพ ไปยันแผงขายปลา ส่งกันถึงบันไดรถทัวร์เลยนักท่องเที่ยวหลายๆ คนก็เปลี่ยนใจมาเสี่ยงโชคตอนจะขึ้นรถก็มีครับ

วันนั้นเมฆหนา ฟ้าครึ้ม แต่สรรพสิ่งก็ยังสว่างไสวตามเคย...ผมเดินทักทายชาวแพที่คุ้นๆ หน้ากัน มองเลยไปเห็นเรือยนต์กำลังลากแพแล่นอึดอาดเข้าหาฝั่ง...ลมพัดวูบใหญ่ทำให้ผมหนาวสะท้าน ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว

อ้าว? นั่นใครกำลังยืนชมวิวอยู่ที่ชายน้ำเพียงเดียวดาย?

ไม่รู้ว่ามีอะไรดลใจให้ผมเดินเข้าไปหา...ชายชราผมขาวโพลน ร่างเล็ก นุ่งกางเกงขาสั้น ใส่เสื้อยึดคอปกสีเหลือง สวมรองเท้าผ้าใบ มองเห็นแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นนักท่องเที่ยว ว่าแต่ทำไมแกยืนอยู่คนเดียวหรือว่าตกรถทัวร์เลยมายืนชมวิวแก้เซ็ง...

เสียงรถยนต์ดังกระหึ่มทางเบื้องหลัง ผมหันไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ เห็นรถทัวร์จอดอยู่ 2-3 คัน...แต่กลับมีรถพยาบาลสีขาวแล่นเข้ามา!

ขณะนั้นเอง เรือยนต์ก็นำแพสำราญมาเทียบฝั่ง...ผมหันไปอีกครั้งก็เห็นชายหญิงนับสิบๆ คนแต่งตัวสีสันฉูดฉาดก็ทยอยกันขึ้นจากแพ ต่างคนต่างเหลียวหน้าเหลียวหลังเหมือนจะหวาดระแวงอะไรก็ไม่ทราบ

อ๋อ! ชายร่างใหญ่คนหนึ่งกำลังเดินตามมา สะดุดตาที่เห็นชายคนหนึ่งกอดคอแบบขี่หลังมาด้วย มีเสียงบอกกล่าวกันว่า...เร็วๆ เดี๋ยวจะไปหาหมอไม่ทัน! หัวใจวาย...

ผมเห็นใบหน้าที่ซบต้นคอชายร่างใหญ่แล้วตกตะลึงไป...ชายแก่ผมขาวสวมเสื้อสีเหลือง นุ่งกางเกงขาสั้นที่ผมเห็นยืนชมวิวอยู่เมื่อครู่ก่อนนี่เอง... หันขวับเหมือนถูกจับกระชาก แต่ก็ไม่เห็นร่างนั้นเสียแล้ว!

รถพยาบาลแล่นห่างออกไป...ขอให้เป็นแค่เจตภูต อย่าเป็นวิญญาณเลยครับ บรื๋อส์...

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 23 เมษายน 2551

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น