"ทิพย์พรรณี" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากวิญญาณพี่สะใภ้
พี่รุ่ง-พี่สะใภ้ดิฉันเป็นคนเอาจริงเอาจังกับชีวิตมาก เธอมีลูกสาวอายุ 7 ขวบกับ 5 ขวบ น้องพิมกับน้องพลอย ซึ่งเธอรักเป็นชีวิตจิตใจ มุ่งหวังอย่างแรงที่จะให้ลูกมีอนาคตที่ดี พูดตรงๆ ก็คือเธอตั้งความหวังไว้สูงมาก ส่งลูกๆ เข้าโรงเรียนที่เธอเห็นว่าเป็นเลิศ แม้ค่าเล่าเรียนจะแพงเท่าไหร่ก็ยอม
เธอจึงทำงานหนักสุดชีวิต ไขว่คว้าทุกอย่างที่เป็นเงินเป็นทอง แต่แล้วทุกอย่างก็จบลงกะทันหัน!
นอกจากจะทำงานในบริษัทที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์แล้ว พี่รุ่งยังเป็นนายหน้าขายที่ดิน และเป็นตัวแทนขายประกันด้วย แต่แม้ว่าจะได้ค่าจ้างและเงินเดือนมากมายสักเท่าไหร่ เธอก็ยังไม่พอ จนทำให้เครียดและบ่นเสมอว่าเงินไม่พอ
ดิฉันไม่ทราบหรอกค่ะว่าเธอมีเท่าไหร่ รู้แต่พี่รุ่งซื้อของแพงๆ หาอาหารแพงๆ ปรนเปรอลูกๆ และตัวเอง ขณะเดียวกันก็พร่ำบ่นว่าพี่ชายของดิฉันอ่อนแอ ทำงานหาเงินได้น้อยนิด มีดีแต่ทรัพย์สินที่ดิน ที่แม่ของดิฉันยกให้ไว้ก่อนที่จะแต่งงานกับเธอ
พี่รุ่งร่ำๆ อยากจะขายมันเร็วๆ ติดอยู่แต่พี่ชายดิฉันยังไม่ยอมขาย
เมื่อก่อน พี่รุ่งอยู่กับเราในบ้านหลังใหญ่ ที่มีกันพร้อมหน้าพร้อมตา แต่พอลูกคนโตเกิดมาได้ไม่นานเธอก็ไปซื้อบ้านในหมู่บ้านที่มีแต่คนร่ำรวยอยู่ แถวๆ บางนา...ไกลจากพวกเรา ไกลจากที่ทำงาน พวกเราเป็นห่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่ต้องขับรถกลับบ้านดึกๆ ดื่นๆ ของเธอ
บอกแล้วว่าพี่รุ่งมีธุรกิจมากมายไปหมด!
และแล้ว สิ่งที่เราเป็นห่วงมาตลอดก็กลายเป็นจริงจนได้...พี่รุ่งหลับใน รถพุ่งชนต้นไม้ เธอไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
แน่ล่ะค่ะ พวกเรากลัวผีกันแทบตาย ขนาดอาบน้ำคนเดียวดิฉันยังไม่กล้าเลย ต้องให้พี่สาวอีกคนมาอยู่หน้าประตูห้องน้ำเป็นเพื่อน เพราะเราเชื่อว่าพี่รุ่งตายขณะที่จิตใจยังเป็นกังวลว่า...สิ่งที่เธอมุ่งมาดปรารถนานั้นยังไม่บรรลุผล
เธอเคยบอกดิฉันว่าจะทำเงินในบัญชีวิตไว้มากๆ ดิฉันถามว่าเท่าไหร่ล่ะที่พี่รุ่งว่ามากน่ะ? เธอตอบว่าเป็นร้อยล้านถึงจะทำให้เธอสบายใจได้!
ดิฉันนับถือพี่รุ่งในความมุ่งมั่น และเชื่อว่าเธอต้องทำได้สำเร็จอย่างที่ตั้งใจหากเธอยังมีชีวิตอยู่ และด้วยเหตุนี้เช่นกัน ที่ทำให้ดิฉันมั่นใจว่าวิญญาณพี่รุ่งยังไม่สงบ
คืนที่เกิดอุบัติเหตุนั้นเกือบจะสองยามแล้วค่ะ!
พี่ชายของดิฉันยังนั่งทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ น้องพิมน้องพลอยหลับอยู่ในห้อง ส่วนคำกับอ้อย สองสาวใช้ก็ดูทีวีอยู่ในห้องของพวกเธอ ทุกคนคือ คำ อ้อย และพี่ชายของดิฉันเล่าว่า ได้ยินเสียงรถพี่รุ่งเข้ามาในบ้านเหมือนปกติทุกอย่าง คำกับอ้อยแน่ใจว่าพี่รุ่งขับเข้าโรงรถเรียบร้อยดังเช่นทุกคืน แล้วก็เปิดประตูเข้าบ้าน
พี่ชายดิฉันได้ยินเสียงฝีเท้าขึ้นบันได เดินไปที่ห้องนอน พ่อแม่ลูกจะนอนรวมกันในห้องใหญ่ เลยห้องทำงานของพี่ชายไปค่ะ...จากนั้น ทุกอย่างก็เงียบกริบ
สิบห้านาทีต่อมา พี่ชายถึงได้รู้ว่าไม่มีพี่รุ่งอยู่ในบ้าน และเมื่อลงไปดูที่โรงรถก็ปราศจากวี่แวว ทั้งที่คำกับอ้อยยืนยันว่าพี่รุ่งมาถึงบ้านนานแล้ว! ตอนนั้นแหละที่ทุกคนมองหน้ากัน และสังหรณ์ถึงเหตุร้ายแรง ราวตีสองถึงได้ทราบข่าวร้าย...
เมื่อพี่ชายดิฉันไปถึงโรงพยาบาล พี่รุ่งก็สิ้นใจแล้ว!
ในที่ทำงานของพี่รุ่งตอนเช้าตรู่ ยามเล่าว่าเห็นพี่รุ่งขับรถมาทำงานตามปกติ ยามยังคิดว่าวันนี้เธอมาทำงานแต่เช้าเชียว
คนในบริษัทไม่เชื่อว่าพี่รุ่งตาย เพราะเช้านั้นมีหลายคนเห็นเธอจริงๆ แต่เหตุการณ์ที่น่ากลัวที่สุดคือเรื่องของเจี๊ยบ-ลูกน้องของพี่รุ่งเอง
พี่เจี๊ยบเล่าว่า เช้านั้นราวเจ็ดโมงเช้า พี่เจี๊ยบไปถึงที่ทำงานก็กดลิฟต์ พอลิฟต์เปิดเธอเห็นพี่รุ่งยืนอยู่ตรงมุมด้านใน เธอยังสงสัยว่าทำไมพี่รุ่งยืนอยู่ในลิฟต์ แต่กระนั้นพี่เจี๊ยบก็ยังทัก และก้าวเข้าลิฟต์ ประตูปิด ลิฟต์เลื่อนช้าๆ ขึ้นไปยังชั้นที่ 15...
ระหว่างนั้น พี่รุ่งยืนก้มหน้า พี่เจี๊ยบถามว่าไม่สบายหรือเปล่า? พี่รุ่งเงยหน้าขึ้น...ใบหน้าเหมือนคนปกติ พี่เจี๊ยบเลยเพ่งมอง ปรากฏว่าใบหน้านั้นค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีคล้ำ พี่รุ่งเหลือบตาดำขึ้นข้างบนเห็นแต่ตาขาว ขณะที่ลิ้นสีซีดๆ แลบออกจากปาก...
พี่เจี๊ยบหวีดร้องบอกว่าพี่รุ่งเล่นอะไรไม่รู้ น่ากลัวจัง!
ขณะเดียวกัน ประตูลิฟต์ก็เปิดออก พี่เจี๊ยบวิ่งหนีออกมา ใจหนึ่งคิดว่าพี่รุ่งแกล้ง อีกใจหนึ่งก็นึกว่า...คนอะไรทำเป็นผีได้เหมือนจริงๆ
สายวันนั้น พอรู้ข่าวการตายของพี่รุ่ง พี่เจี๊ยบถึงกับลมใส่ เป็นไข้ไปเลย...เรื่องนี้เป็นที่ฮือฮาในบริษัทมาก เขาเอามาเล่ากันขรมในงานศพ ยิ่งน่ากลัวเข้าไปใหญ่
น้องพลอยเองก็เถอค่ะ ขณะที่พระสวดจบแล้ว แขกเหรื่อยังนั่งคุยกันอยู่เธอหายเข้าไปข้างหลังโลงศพ เด็กน้อยอายุ 5 ขวบไม่รู้หรอกค่ะว่าความตายคืออะไร...น้องพลอยหัวร่อร่า บอกว่าแม่พาเข้าไปตรงนั้น!
ทุกวันนี้ ครบรอบหนึ่งปีการตายของเธอแล้ว พี่ชายดิฉันยังอยู่ที่บ้านนั้นกับลูกๆ โดยมีคุณแม่พี่รุ่งไปอยู่เป็นเพื่อน คำกับอ้อยก็ยังทำงาน ไม่ได้ลาออกไปไหน เงินที่พี่รุ่งเก็บไว้รวมกับค่าประกันอีกมากมาย มีพอสำหรับอนาคตน้องพิมน้องพลอยอย่างสบาย
พี่ชายของดิฉันก็ยังทำงานหาเงินอย่างเพียงพอ วิญญาณพี่รุ่งน่าจะสงบ แต่ยังค่ะ ดิฉันยังรู้สึกว่าเธอไม่ได้ไปไหน...แต่วนเวียนอยู่ในบ้านนั้น
สักวันหนึ่ง ดิฉันหวังว่าวิญญาณพี่รุ่งจะปล่อยวางจากสิ่งที่เธอยึดติด และไปสู่สุคติได้ค่ะ!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 36 - ฉบับวันที่ 6 กรกฎาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น