13 กรกฎาคม 2558

บ้านเก่า

"สาธิกา" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อวิญญาณออกจากร่าง

ว่ากันว่า คนเรากลัวความตายเพราะไม่รู้แน่ว่าตายแล้วจะไปไหน? จะได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกกันแน่ แถมยังไม่แน่ใจอีกว่า นรกและสวรรค์จะมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับในรูปวาดที่เคยเห็นหรือเปล่า?

ถ้ายังมีลมหายใจอยู่ ก็พอจะคาดคะเนจนถึงแน่ใจได้ว่ายังมีชีวิต มีเลือดเนื้อ มีครอบครัวและญาติมิตรที่รู้จักมักคุ้น สามารถจะพบปะพูดคุยกันได้ ได้กินอาหาร ได้เที่ยวเตร่หรือพักผ่อนตามใจชอบ แม้ว่าหลายๆ คนจะมีอะไรขัดข้องอยู่บ้าง แต่ก็ยังมีความหวังที่พอจะกลายเป็นความจริงได้

เมื่อยามค่ำคืนมาถึงก็ได้หลับนอนผาสุก มีความหวังว่าวันรุ่งขึ้นจะได้พบกับชีวิตเก่าๆ ตามเดิม ไม่อยากจะสลัดตัดทิ้งไปก่อนเวลาอันสมควร

คนเรารักชีวิตกลัวความตายก็เพราะความไม่รู้แน่ชัดนี่เอง!

หลายๆ คนที่รู้แน่ว่าตัวเองเหลือเวลาอยู่ในโลกน้อยเต็มที กำลังใกล้จะถึงลมหายใจเฮือกสุดท้ายอยู่แล้ว ก็มักจะนึกถึงบาปบุญคุณโทษที่เคยกระทำไว้ มากบ้างน้อยบ้างตามนิสัยของตน เข้าตำรา "บุญก็ทำ-กรรมก็สร้าง" ทำให้มองเห็นโลกหน้าอันเคยเร้นลับมาช้านานแจ่มแจ้งขึ้นทุกที...

บ้างก็มองเห็นสวรรค์ บ้างก็เห็นแต่นรกอเวจี และบ้างก็เห็นแต่ความดำมืดน่าพรั่นสยอง...บ้านเก่าที่ทุกๆ คนจากมา ในที่สุดก็ต้องกลับไปบ้านเก่ากันทุกคน!

ป้าแสงดาว-ญาติห่างๆ ของดิฉันก็มีประสบการณ์เมื่อใกล้กลับบ้านเก่าเช่นกัน เพียงแต่บ้านเก่าของป้าแสงดาวค่อนข้างแปลกประหลาดกว่าคนอื่นๆ แถมยังน่าขนหัวลุกอีกด้วยค่ะ

ป้าเป็นข้าราชการบำนาญมาเกือบสิบปีแล้ว มีร่องรอยว่าเมื่อสาวๆ เป็นคนสวย ร่างบอบบาง ผิวขาว ใบหน้าติดยิ้มอย่างคนอารมณ์ดี แต่นัยน์ตามักจะเลื่อนลอยตามแบบของคนช่างคิดช่างฝัน เชื่อในเรื่องเร้นลับเหนือธรรมชาติ พวกลูกๆ หลานๆ ไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ แต่ป้าแสงดาวก็มีดิฉันคอยรับฟังอย่างใจจดใจจ่ออยู่แล้ว

อาจจะเป็นเพราะเรามีนิสัยเหมือนกันก็เป็นได้ค่ะ!

"คนเราน่ะเกิดมาหลายภพหลายชาติเต็มที แต่ถูกลบความจำในชาติก่อนๆ ทั้งหมด ไม่งั้นจะเกิดปัญหายุ่งเหยิงในชาตินี้...เพียงแต่เราสาวไปไม่ถึงเท่านั้นแหละว่าในชาติแรกๆ ของเราเป็นใคร? มาจากไหน? พระเจ้าหรือธรรมชาติกันแน่ที่สร้างเราขึ้นมา?"

ป้าแสงดาวเคยพูดกับดิฉันที่โต๊ะสนาม ใต้ร่มแสงจันทร์สีขาวนวล นัยน์ตาเลื่อนลอยเหมือนมองไปไกลแสนไกลจนไม่มีใครติดตามไปได้ถึง มือบอบบางลูบไล้ท่อนแขนตัวเองในอาการครุ่นคิด

"ในที่สุดคนเราก็ต้องกลับไปบ้านเก่ากันทุกคน! ว่าแต่บ้านนั้นอยู่ที่ไหน?"

ไม่มีใครตอบได้หรอกค่ะ นอกจากจะได้พบกับตัวเอง...จนกระทั่งวันหนึ่งป้าแสงดาวก็พบคำตอบมาเล่าให้ดิฉันฟัง

"เมื่อคืนป้าฝันว่าไปอยู่ในป่าคนเดียว...ป่าเปลี่ยว ร่มครึ้ม ต้นไม้ใหญ่ๆ ดกหนา ไม่คุ้นเคยนัยน์ตามาก่อน เสียงสิงสาราสัตว์ขู่คำราม กู่ร้องน่ากลัว...ป้าปีนขึ้นไปบนต้นไม้ได้ทัน มองเห็นพวกเสือช้างเพ่นพ่านเต็มป่า...เออ! หรือว่านั่นเป็นบ้านเก่าของป้านะ?"

ดิฉันอดยิ้มไม่ได้...โลกหน้าของคนอืนมีแต่สวรรค์ นรก บ้างก็เป็นป่าโปร่งร่มรื่น หรือไม่ก็เป็นอุโมงค์ดำมืดที่จะต้องผ่านเข้าไป จนกว่าจะพบทางออก...

วันต่อมา ป้าแสงดาวก็เล่าว่าบ้านเก่าของเธอเปลี่ยนแปลงไป!

"ป้าอยู่ในป่าเปลี่ยวตามเดิม สัตว์ร้ายก็ชุกชุมน่ากลัว แต่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ที่ป้าคุ้นเคยอีกแล้ว นอกจากปากถ้ำใต้ชะง่อนผา...ป้าวิ่งหนีกระเซอะกระเซิง อกสั่นขวัญหายเพราะกลัวเสือ กลัวงูตัวโตๆ ต้องล้มลุกคลุกคลานเข้าไปในถ้ำดำมืด...ครู่หนึ่งแสงไฟก็ลุกวอมแวมขึ้น ทั้งอบอุ่น ทั้งทำให้สัตว์ร้ายต่างๆ หวาดกลัวจนต้องล่าถอยออกไปจนหมด...ภาพนั้นยังติดหูติดตาป้ามาจนป่านนี้"

ป้าแสงดาวถอนใจ ก่อนจะพึมพำ

"หรือว่านั่นเป็นบ้านเก่าของป้าจริงๆ กองไฟอบอุ่นในถ้ำดำมืด! บ้านเก่าของเรา..."

ดิฉันเบือนหน้าไปซ่อนยิ้ม...ถ้าความตายคือการกลับไปสู่บ้านเก่าจริงๆ ก็นับว่าป้าแสงดาวมีบ้านเก่าที่แปลกประหลาดที่สุด เท่าที่เคยได้ยินได้ฟังมา!

ในที่สุดก็ถึงคืนสุดท้ายที่ป้าแสงดาวฝันถึงบ้านเก่าของเธอ และนำมาเล่าให้ดิฉันฟังด้วยสีหน้าสงบเยือกเย็น แววตาแจ่มใสเหมือนได้พบเห็นใคร หรืออะไรบางอย่างที่เฝ้ารอมานานแสนนาน

สุ้มเสียงของป้าก็คล้ายกับสายลมที่พัดลู่มาตามสุมทุมพุ่มไม้อันไกลโพ้น...

"บนต้นไม้หรือในถ้ำน่ะไม่ใช่บ้านเก่าจริงๆ ของป้าหรอก...ป้ารู้เมื่อเดินออกจากปากถ้ำมุ่งหน้าไปตามเสียงคลื่นเสียงลม ป่าทั้งป่าอยู่เบื้องหลัง ข้างหน้าคือหาดทรายสีขาว ทะเลสีทองใต้แสงแดดและปุยเมฆที่ลอยฟ่องอยู่บนฟ้าสีคราม เสียงคลื่นซัดหาดครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนเสียงโห่ร้องต้อนรับป้ากลับบ้าน! บ้านเก่าที่เราจากไปนานแสนนาน..."

เป็นครั้งแรกที่ดิฉันยิ้มไม่ออก ได้แต่จ้องมองดูใบหน้าเยือกเย็น ยิ้มละไม...ขนลุกซ่าไปทั้งตัวเมื่อนึกได้ว่าอะไรเป็นอะไร!

วันรุ่งขึ้น ไม่ประหลาดใจหรอกค่ะ ที่ได้ข่าวว่าป้าแสงดาวนอนหลับไปตลอดกาล...แต่นึกถึงคำพูดสุดท้ายของป้าก่อนที่จะจากกัน ทำให้ขนหัวลุกอย่างช่วยไม่ได้เลย

"ป้าลาก่อนละนะ ได้เวลากลับบ้านเก่าแล้ว...ป้าจะรออยู่ที่นั่นเมื่อถึงเวลาที่เธอจะต้องกลับบ้านเก่าเหมือนกัน!"

ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 36 - ฉบับวันที่ 13 กรกฎาคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น