"ภูธน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านผีสิง
ผมซื้อบ้านอยู่ในหมู่บ้านเสรี หัวหมาก เมื่อพ.ศ.2540 ที่ซื้อเพราะผมชอบแปลนบ้านและวิธีปลูกสร้างของช่างสมัยก่อน ที่มั่นคงแข็งแรง และมีความละเอียดละออกว่าช่างสมัยนี้มากนัก
บ้านหลังนี้ปลูกเมื่อราว พ.ศ.2520 โน่นแน่ะครับ เห็นว่าเจ้าของขายเพราะย้ายไปอยู่เมืองนอกกันทั้งครอบครัว
ตอนซื้อบ้านผมอายุ 45 ปี เป็นอาจารย์สอนหนังสือเช่นเดียวภรรยาซึ่งมีอายุเท่ากัน เรามีลูกสาวคนหนึ่งชื่อนิด อายุ 17 และหนุ่ม ลูกชายวัย 14
สมาชิกในบ้านยังมีแม่ยายซึ่งทำกับข้าวอร่อยมาก ทำเอาเราอ้วนกันทุกคน มีสาวใช้วัย 20 ชื่อเอี้ยง รวมแล้ว 6 คน นับเป็นครอบครัวที่อบอุ่นเชียวล่ะครับ ลูกๆ เราเรียนดี เป็นเด็กดีที่เราภูมิใจ นี่ถ้ายายนิดไม่อ้วนเป็นโดราเอม่อนล่ะก็ ผมจับประกวดนางสาวไทยไปแล้ว เพราะเธอมีนิสัยรักเด็กทุกคนในโลก ยกเว้นน้องชายตัวเอง
ขนาดให้นอนคนละห้องแล้วยังอดทะเลาะกันไม่ได้ เจ้าหนุ่มตัวดีเริ่มก่อนทุกที ชอบยั่วพี่เขาดีนัก
วันหนึ่ง หลังจากย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านนี้ได้เดือนเศษ หนุ่มก็มาบ่นที่โต๊ะกินข้าวตอนเช้าว่า เมื่อคืนนอนไม่ค่อยหลับเพราะมีใครไม่รู้มาดึงผ้าห่มไปทางปลายเท้าทั้งคืน!
ขาดคำหนุ่ม นิดก็มองน้องตาเขียว เธอคิดว่าน้องแกล้งอำว่ามีผี พี่สาวจะได้กลัว ฝ่ายหนุ่มก็หัวเราะขำๆ ผมกับภรรยาเลยคิดว่าไม่มีอะไรมาก
คืนนั้นเอง ลูกนิดมาเคาะห้องผมกลางดึก บอกว่าเตียงสั่นจนนอนไม่ได้...แม่เขาถามว่าฝันร้ายหรือเปล่า? นิดทำหน้าแปลกๆ ก่อนจะปฏิเสธว่าไม่ใช่ เธออธิบายว่า ก่อนจะเคลิ้มหลับ เตียงก็กระตุกจนร่างเธอกระดอนขึ้น เหมือนมันมีชีวิตขึ้นมาซะยังงั้น
ตอนแรกคิดว่าเป็นอาการของคนกำลังจะหลับ แบบกระตุกทั้งร่างน่ะครับ แต่พอนอนลงมันก็เป็นอีก!
ผมมองหน้าลูกก็รู้ว่าเธอพูดจริง และกำลังกลัวด้วยสิ! ผมก็เลยให้ลูกเอาหมอนกับผ้าห่มมานอนหน้าเตียง เอาที่นอนปิกนิกมาปู
สัปดาห์ถัดมา ทั้งนิดและหนุ่มมานอนหน้าเตียงพ่อแม่เป็นการถาวร!
ถึงตอนนี้ผมชักคิดล่ะสิว่า...บ้านนี้มีผีสิงเหรอ?!
ภรรยาของผมซึ่งเป็นอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์ ไม่ยอมเชื่อเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ เธอเลยอยากพิสูจน์โดยไปนอนที่ห้องของนิด
คืนแรกไม่มีอะไรหรอกครับ นอกจากแอร์ห้องนั้นหนาวจัด แม้จะปรับลงมามากแล้วก็ตาม
ภรรยากระซิบบอกผมว่า ห้องของนิดมีปรากฏการณ์ประหลาดจริงๆ เตียงมันโยกได้คล้ายเรือที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ เธอรู้สึกถึงอาการนี้ขณะกำลังใกล้หลับ ก็เลยตื่นขึ้นเต็มตา และรอดูว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นอีก
ปรากฏว่าที่ประตูห้องนอนมีแสงสว่างสีเขียวเรืองๆ สว่างขึ้นเป็นรูปไข่ จะว่าเป็นแสงสะท้อนมาจากภายนอกก็ไม่ใช่
ที่ร้ายกว่านั้นคือ ในห้องนอนของลูกนิดเกิดมีหมอกประหลาด มัวไปทั้งห้องอย่างน่าตกใจ และผมยืนยันว่าไม่ได้เกิดจากสายไฟชำรุด หรืออะไรทำนองนั้น
ในที่สุด เรื่องเร้นลับก็ลามมาถึงห้องของผม!
มันเริ่มจากความหนาวจนสะท้าน ผมหนาวเหมือนมีอะไรผ่านเข้ามาในร่าง มันน่ากลัวมากครับ และที่น่าแปลกก็คือ ในห้องของแม่ยายและสาวใช้ไม่มีเหตุการณ์ทำนองนี้เลย ทั้งสองคนหลับสบาย แต่ชักหวาดๆ เมื่อฟังเรื่องประหลาดจากเรา
คืนหนึ่ง ผมหนาวสะท้านจนต้องตื่นขึ้นมานั่งสั่นอยู่คนเดียว ขณะที่ลูกๆ และภรรยากำลังหลับสนิท และแล้ว...ผมก็เห็นแสงสว่างสีเขียวเป็นรูปไข่ ค่อยๆ เรืองแสงขึ้นที่ฝาผนังห้อง
ผมจ้องมองดูด้วยใจระทึก แล้วก็เห็นเด็กสาวคนหนึ่งอยู่กลางแสงเรื่องนั้น ใบหน้าเธอขาวซีด ดวงตาดำ ไม่เห็นตาขาวเลย ปากก็ดำสนิท เธอปรากฏตัวอยู่ไม่ถึงนาที ก็ค่อยๆ จางไปพร้อมกับแสง
ที่ไม่เคยเชื่อว่าผีมีจริงก็เริ่มเชื่อแล้วล่ะครับ!
ผมติดต่อกับคนที่ขายบ้านนี้ให้ผม เขาสารภาพว่า บ้านหลังนี้เจ้าของเดิมเป็นนักธุรกิจ เป็นคนดุและเข้มงวด มีลูกสาววัยรุ่นที่เขาเคี่ยวเข็ญจะให้เรียนแพทย์ให้ได้ แต่เด็กคนนี้เรียนไม่เก่ง คะแนนไม่ถึงที่จะเรียนสายวิทย์ เธอทำให้คุณพ่อโมโหโกรธาที่ไม่ได้ดั่งใจ เด็กสาวน้อยใจและผูกคอตายในห้องนอนที่ตอนนี้เป็นห้องของนิด
ตอนนั้นผมไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ลูกเมียฟังเลย ได้แต่คิดแล้วคิดอีกว่าจะทำยังไงดี? จะย้ายบ้านหรือก็ยุ่งยาก เงินผมก็ไม่มีพอที่จะขนย้าย หรือซื้อบ้านใหม่หรอกครับ
สุดท้ายผมก็ตัดสินใจได้ในกลางดึกคืนหนึ่ง...
นั่นคือ ผมเดินเข้าไปในห้องนั้นตามลำพัง นั่งลงบนเตียง แล้วตั้งต้นพูดกับวิญญาณเด็กสาว เหมือนครูที่กำลังให้คำปรึกษา ปลอบโยนลูกศิษย์ด้วยความเข้าใจและเห็นใจ ที่สำคัญคือรักและเมตตา!
เชื่อไหมครับ วิญญาณเธอสงบ ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มาหลอกหลอนเลย เหมือนเธอไปสู่สุคติแล้ว
หลายปีต่อมา นิดกับหนุ่มโตขึ้นและกลับไปอยู่ห้องของตัว...ปัจจุบันนี้นิดแต่งงานแยกบ้านไปแล้ว หนุ่มยังอยู่กับผม...บ้านเราอบอุ่นและมีความรักเสมอครับ!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 36 - ฉบับวันที่ 4 กรกฎาคม 2550
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น