ตอนที่ผมขนของเข้ามาอยู่ในบ้านเช่าราคาถูก (แต่ดี) หลังนี้ ดูเหมือนผู้คนทั้งซอยจะลอบมองผมด้วยสายตาพิกลๆ ยังไงชอบกลอยู่
ผมหล่อเหรอครับ? เอ่อ...ก็ใช่นะ มีส่วนมากเชียวละ ผมมีส่วนละม้ายคล้ายป๋าเทพแต่ผมหนุ่มกว่า อายุเพิ่ง 32 ยังไม่มีลูกเมีย ทำงานเป็นพนักงานดูแลซ่อมแซมเครื่องคอมพิวเตอร์ที่บริษัทแห่งหนึ่ง งานล้นมือจริงๆ แต่ถ้าคอมพ์ของคุณเสีย จะเรียกผมไปดูให้ก็ได้นะครับ
คนในซอยนี้พอรู้เข้าก็มาพูดจาแทะโลม...เอ๊ย! จับจองตัวผมกันเป็นแถว!
ก็เพราะงานล้นมือนี่ละ ทำให้ผมต้องกราบลาคุณพ่อคุณแม่เป็นการชั่วคราว ระเห็จออกจากคฤหาสน์ที่อยู่มาแต่อ้อนแต่ออก มาเช่าบ้านกับเพื่อนให้มันใกล้ที่ทำงานเข้าไว้ก่อน
ป๊อก-คือเจ้าเพื่อนที่ว่า มีเมียแล้ว สวยด้วยและมีลูกเล็กๆ อายุขวบกว่าคนหนึ่งกำลังหัดพูดหัดคุย เป็นเด็กผู้ชายครับ โตขึ้นสงสัยจะหล่อเชียวเพราะเหมือนแม่
ป๊อกกับลูกเมียน่ะอยู่ชั้นบน ส่วนผมนอนที่ห้องข้างล่าง ติดกับห้องรับแขกและห้องครัว
บ้านที่เรามาเช่ากันนี้ไม่กระจอกนะครับ จะบอกให้ เป็นบ้านผู้ดีมีระดับเชียวละ ข้างล่างเป็นไม้ ข้างบนก่ออิฐถือปูน อายุอานามของบ้านหลังนี้คงราวๆ ซัก 40-50 ปี แต่ยังแข็งแรง ฝีมือช่างสมัยนั้นดีมาก วัสดุก่อสร้างก็ยอดเยี่ยมคงทน
ที่นี่เป็นบ้านขนาดกลาง อยู่สบายในเนื้อที่ 200 ตารางวา มีต้นไม้ใหญ่ๆ อย่างมะม่วงและต้นจำปี มะม่วงงี้ออกลูกดกเชียว
เจ้าของบ้านเป็นข้าราชการเกษียณแล้ว แหม! อายุท่านตั้งเกือบ 80 แล้วนะครับ...ท่านให้เช่าถูกๆ เพราะบ้านนี้ผีดุ!
ตกใจมั้ยครับ ผมพูดตรงๆ แบบนี้แหละ! เจ้าของบ้านท่านก็ไม่ได้ปิดบัง จะว่าไปเรามีอารมณ์ขันเข้ากันได้ พูดคุยกันไม่กี่ประโยคก็ถูกชะตากันแล้ว แต่เรื่องผีดุนี่ไม่ใช่ล้อเล่นให้เห็นตลก...บ้านนี้มีคนตายครับ
ฟังแล้วสยองจังเลย ท่านเล่าว่าเมื่อ 20 ปีก่อน บ้านนี้มีคนอยู่กันคึกคัก ทั้งท่านเอง ภรรยาและลูกๆ อีก 4 คน รวมทั้งคนใช้อีก 3 คน เป็นบ้านที่มีความสุขและอบอุ่น ท่านรักที่นี่มากเพราะเก็บหอมรอมริบสร้างขึ้นมา หวังจะให้อยู่กันอย่างสุขสบายชั่วนิรันดร์
แต่วันหนึ่งก็เกิดเรื่องร้าย มีขโมยปีนเข้าบ้าน เป็นจังหวะพอดีกับสาวใช้คนสวยกำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ
เรือนคนใช้นี่อยู่ทางด้านขวาของบ้าน ปลูกต่างหากแยกออกไป แต่ปัจจุบันรื้อทิ้งไปแล้ว เพราะอย่างที่บอกน่ะครับ...ผีดุ!!
เล่าต่อนะครับ...เมื่อโจรเห็นสาวใช้งัวเงียออกมา มันก็จับตัวไว้ มัดเป็นหมูและข่มขืน ที่หฤโหดกว่านั้นคือ...มันบีบคอเธอจนตายคามือ! น่าสงสารที่สุดเลย
ตั้งแต่นั้นก็อยู่กันไม่เป็นสุขแล้วละครับ
โอ้โฮ! มีคนถูกฆ่าตายในบ้านใครจะไปอยู่ได้ แต่เจ้าของบ้านไม่อยากขาย แม้จะอพยพโยกย้ายไปอยู่คอนโดฯ กันแล้วก็ตาม บ้านหลังนี้ยังเป็นสมบัติของท่าน ตอนแรกมันถูกทิ้งร้างว่างเปล่าและรกเรื้อ แต่เมื่อมีคนมาขอเช่าอยู่ ท่านก็จ้างคนงานมาถากถางทำความสะอาด ปลูกหญ้าใหม่ ปลูกดอกไม้ให้สดใส...
แต่ถึงกระนั้น คนที่มาเช่ารายแล้วรายเล่าก็มักจะเจอดี แม้แต่คนในซอยนี้ก็เคยมองเข้ามา แล้วเห็นเธอนั่งห้อยขาอยู่บนกิ่งมะม่วง ...บริเวณนี้แหละที่เธอถูกฆ่าตายอย่างทารุณ
ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก ก่อนถามเจ้าของบ้านว่าน้องหนูที่โดนฆาตกรรมนั้น ยามมีชีวิตอยู่น่ะ นิสัยใจคอเป็นยังไง? ท่านตอบว่า เป็นเด็กเรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย อารมณ์ดี รักเด็ก รักสัตว์ รักต้นไม้...
เฮ้อ! ฟังแล้วหวังว่าเธอคงยังไม่เปลี่ยนนิสัยนะ
อันที่จริงพวกเรา 3 คนคือตัวผม เจ้าป๊อกและน้องอี๊ดเมียมันนั้น กลัวผีกันทุกคน แต่ความงกมีมากกว่าครับ เราจะเช่าบ้านราคาถูกๆ ยังงี้ได้ที่ไหน? เราเลยตกลงใจอยู่ที่นี่...ขอลองดูสักพักเถอะน่า!
ตอนเข้าบ้าน ผมจุดธูปปักไว้ใต้ต้นมะม่วง ขอฝากตัวกับน้องพิม...อ้อ! สาวใช้ที่ตายชื่อพิมครับ บอกเธอว่าเห็นใจคนยากเถอะ
จริงๆ แล้วผมได้ยินเสียงประหลาด คล้ายแมวหรือลูกหมาร้องครวญคราง ถ้าฟังดีๆ จะได้ยินเป็นเสียงผู้หญิงสาวๆ ร้องยามใกล้สิ้นใจด้วยความทรมาน! เวลาได้ยินผมจะคลุมโปง ท่องนะโม แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ ผมจะหลับหูหลับตาไม่มองไปที่หน้าต่าง ที่เปิดไปทางมะม่วงต้นนั้น
ป๊อกกับอี๊ดก็เคยเห็นเงาผู้หญิงผ่านหางตา แวบไปแวบมา แต่เราถือว่าเราอยู่คนละมิติ ผีทำอะไรเราไม่ได้ คนต่างหากที่น่ากลัวกว่าเป็นไหนๆ
มันอาจเป็นเพราะเรา 3 คนมีความสงสาร และอยากให้วิญญาณสาวพิมพ้นทุกข์ เราส่งแรงใจที่ปรารถนาดีไปยังเธอผู้นั้นให้หายเจ็บหายกลัว
"มันผ่านไปแล้วนะ นาทีมรณะนั่น...ให้มันผ่านไปเถอะ! วิญญาณเธอหายเจ็บแล้ว และไม่มีใครทำร้ายเธอได้อีก อย่าจมอยู่กับความทุกข์ที่โหดร้ายนั่นเลย...จงเป็นอิสระเถิด"
ผมพึมพำแบบนี้เสมอ ผลก็คือใจคอผมสบายขึ้นเยอะเลย...
แปลกนะครับ ผมรับรู้ว่าวิญญาณที่น่าสงสารก็ตอบรับเหมือนกัน ด้วยสายลมแผ่วๆ และความสงบสันติ สุข...ทุกวันนี้ผมจึงอยู่ที่นี่ได้สบายดี กลัวผีบ้างแต่ก็พอทนครับ!
ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก โดย ใบหนาด - ข่าวสด หน้า 31 - ฉบับวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2551
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น